เครือข่ายประชาชนต่อต้านสงครามไทย-กัมพูชา
ยื่นหนังสือเรียกร้อง #พรรคเพื่อไทย เร่งมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปะทะ
นำสันติสู่ชายแดนเพื่อลดความสูญเสียอย่างเร่งด่วน
วันที่
25 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น.
บริเวณที่ทำการพรรคเพื่อไทย เครือข่ายประชาชนต่อต้านสงครามไทย-กัมพูชา
จัดกิจกรรมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล
ออกมาตรการอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับเสถานการณ์การปะทะกันบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้
เวลา
15.38 น. โดยประมาณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงบริเวณหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสังเกตการณ์อยู่โดยรอบประมาณ 10 นาย
ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มกิจกรรมบริเวณหน้าประตูทางเข้าด้านใน
ถือป้ายกระดาษข้อความ “ไม่เอาสงคราม” ตัวแทนกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาตั้งแต่เช้าวันที่
24 ก.ค. ที่ผ่านมา
มีกระแสโจมตีจากทั้งสองประเทศว่าฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มก่อน
แต่พบว่าผู้ได้รับผลกระทบอย่างมากคือประชาชน
ผู้ที่ทำมาหากินและดำรงชีวิตอยู่ในบริเวณชายแดนได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย
ซึ่งมีเด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบนั้นด้วย ส่วนในโลกออนไลน์ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์
เกิดวาทกรรมต่าง ๆ อันนำมาสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน
อีกทั้งยังตั้งคำถามถึงอำนาจของกองทัพในการกระทำการใด ๆ ภายใต้รัฐบาลพลเรือน
และทวงถามความชัดเจนถึงมาตรการจากรัฐบาลดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และความพยายามของรัฐบาลในการเจรจาหยุดยิงหรือยุติสงคราม
เพราะประชาชนอีกมากอาจได้รับความเสียหายจากการดำเนินการที่ล่าช้าของรัฐบาล
ซึ่งทางเครือข่ายจะติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าต่อไป
ต่อมาผู้จัดกิจกรรมมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
โดยให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมเขียนข้อความในกระดาษถึงสิ่งพวกเขาที่ต้องการสื่อถึงพรรคเพื่อไทยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และมีการนอนลงโดยนำผ้าดิบทาสีแดงมาคลุมตัวไว้ และปิดท้ายด้วยการอ่านแถลงการณ์
‘เครือข่ายประชาชนต่อต้านสงครามไทย-กัมพูชา
เนื่องจากสงครามชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา’ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
และยื่นพรรคเพื่อไทยในวันนี้
โดยมีตัวแทนจากฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นผู้ออกมารับหนังสือ และยุติกิจกรรมลงในเวลา 16.55 น.
สำหรับแถลงการณ์ที่ยื่นต่อพรรคเพื่อไทย
มีเนื้อหาดังนี้
“แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนต่อต้านสงครามไทย-กัมพูชา
เนื่องจากสงครามชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา
สืบเนื่องมาจากรอยร้าวสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ซึ่งเกิดจากการใช้ยุทธการทางการทหารที่ไม่ใช่แค่การรักษาความสงบบริเวณชายแดนหรือการกระชับแนวรักษาพื้นที่โดยทั่วไป
แต่เกิดการปะทะจากทหารทั้งจากทางฝั่งไทยและกัมพูชาเกิดขึ้นทำให้ประชาชนเกิดการสูญเสียและบาดเจ็บจำนวนมาก
ที่อาศัยอยู่แถบบริเวณแถบชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์
จังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่บริเวณใกล้เคียง
ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ปฏิบัติการช่องบก ปราสาทตาเมือนธม เขาพนมดงรัก
ไม่ใช่แค่บ้านเรือนเท่านั้นที่เกิดความเสียหาย ความรุนแรงจากวัตถุระเบิดทำให้สถานที่หลายแห่งเสียหาย
รวมไปถึงโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยพลเรือนอยู่จำนวนมากซึ่งเป็นการละเมิดสนธิสัญญาเจนีวา
(Geneva-Conventions)
อย่างร้ายแรงเนื่องจากมีผู้รักษาอยู่
ซึ่งเช้าของเมื่อวานนี้
วันที่ 24
กรกฎาคมที่ผ่านมา
มีรายงานข่าวเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเกิดขึ้น
ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว
บีบให้ประชาชนที่อยู่ชายแดนจำเป็นต้องจากบ้านอพยพเข้ามาอยู่ในเมืองหรือไปที่ศูนย์พักพิง
สภากาชาดก็ต้องเปิดรับบริจาคเลือดจำนวนมากให้เพียงพอกับประชาชนไม่ตำกว่า 500
คนที่ต้องการใช้ จากการรายงานข่าวพบว่ามีประชาชนกว่า 100,000
รายอาจได้รับผลกระทบโดยตรงและอาจมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากสงครามยังไม่ยุติ
เนื่องจากการยกระดับการปะทะทางทหารที่มีการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์เต็มพิกัดในการปะทะ
มีการใช้กระสุน การใช้ระเบิด รวมไปถึงการวางทุ่นระเบิด
ซึ่งสิ่งนี้อาจนำมาซึ่งสงครามที่นองเลือดและยากที่จะจบลง สูญเสียความสัมพันธ์อันดีในฐานะประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์
การตอบใต้ทำให้เกิดความสูญเสีย ทั้งสองฝ่ายนี้
อาจกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมตามมา
ซึ่งมีการปลุกระดมกระแสชาตินิยมที่รุนแรงเกิดขึ้นด้วยในขณะนี้
มีการตามทำร้ายแรงงานข้ามชาติ การยุยงปั่นกระแส ทำให้ทั่วโลกก็กำลังให้ความสนใจจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเป็นอย่างมาก
จากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา
Joint
Boundary Commission (JBC) อย่างสันติไม่เป็นผล
ถึงแม้ตัวแทนทั้งสองประเทศได้นั่งร่วมประชุมพูดคุยแล้วก็ตาท
แม้จะมีการเน้นย้ำเรื่อง MOU2543 ที่เคยตกลงทำสนธิสัญญากันทั้ง
2 ประเทศ ก็เกิดการละเมิดทำให้มีสงครามนองเลือดเช่นนี้
ซึ่งต่างฝ่ายอ้างผลประโยชน์ของชาติ จึงจำเป็นจะต้องตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ
เมื่อสงครามเกิดความสูญเสียก็ตามมา ประชาชนก็ต้องได้รับบาดเจ็บ
ต้องล้มตายอีกจำนวนมาก นั่นคือความโหดร้ายของสงคราม ซึ่งเป็นภัยร้ายแรง
ไร้มนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน เกิดการห้ำหั่นให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ
จึงอยากให้คำนึงถึงประโยชน์ของชาติซึ่งก็คือประชาชนเป็นหลักด้วย
คนทุกคนมีสิทธิที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ปลอดภัยและได้รับการคุ้มครอง
ท่ามกลางผู้นำของชาติที่กระหายสงคราม ประชากรส่วนมากจำเป็นต้องดำรงชีวิตทำมาหากิน
ท่ามกลางสงครามที่ไม่ควรเกิดเช่นนี้จริง ๆ หรือ
เราจึงออกมาเรียกร้องให้สงครามนี้ควรจบอย่างไม่บานปลายเป็นเนื้อร้ายให้กับประเทศ
ควรมีมาตรการรับมือและจัดการเรื่องการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนที่ไม่ควรใช้การปะทะ
มีการชี้แจงกับประชาชนถึงการจัดการบริหารและมีแผนรองรับที่ดี
ให้ความช่วยเหลือประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงทันท่วงทีและเร่งด่วนอย่างมียุทธศาสตร์
ใส่ใจพี่น้องประชาชนในประเทศ อีกทั้งมีความเห็นใจต่อกันในฐานะเพื่อนมนุษย์
ซึ่งไม่ควรลืมสิทธิมนุษยชนที่เป็นหลักสำคัญ
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ชายแดนไทย #NoWar
#ThaiCambodia
#สันติสู่ชายแดน