วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

“รังสิมันต์” ติง “เพื่อไทย” ไม่ควรเรียกว่าเป็นตัวแทนนักสู้ประชาธิปไตย ละเลยผู้เห็นต่างให้ติดคุกต่อ ขอบคุณ 6 สส. “เสื้อแดง” โหวตหนุนร่างนิรโทษกรรม “ภาคประชาชน-ก้าวไกล” ยังพอยกมือไหว้ได้ พร้อมสู้ต่อในชั้น กมธ.


 

รังสิมันต์” ติง “เพื่อไทย” ไม่ควรเรียกว่าเป็นตัวแทนนักสู้ประชาธิปไตย ละเลยผู้เห็นต่างให้ติดคุกต่อ ขอบคุณ 6 สส. “เสื้อแดง” โหวตหนุนร่างนิรโทษกรรม “ภาคประชาชน-ก้าวไกล” ยังพอยกมือไหว้ได้ พร้อมสู้ต่อในชั้น กมธ. 


วันนี้  (17 กรกฎาคม 2568) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ที่ตีตกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล และของภาคประชาชน โดยระบุว่า รู้สึกผิดหวังที่สุดท้ายแล้วการนิรโทษกรรมดูเป็นการเลือกปฏิบัติ หากเราพิจารณาดี ๆ หากร่างของภาคประชาชนมีความชัดเจนว่าหมายรวมใครบ้าง ส่วนของพรรคประชาชน เราเปิดประตูให้กว้างที่สุด การพิจารณาว่ากรณีไหนจะได้หรือไม่ได้ ต้องไปดูในรายละเอียดของคดี หรือการออกแนวทางกำหนดเงื่อนไขบางประการ ที่อาจทำให้สามารถยอมรับกันได้มากขึ้น กล่าวคือ อยู่ที่ปัจจัยทางการเมืองเมื่อในวันนั้นว่า สังคมรู้สึกอย่างไร แต่อย่างน้อยเราจะไม่กีดกันใคร


เรารู้ว่าแต่ละคดียากง่ายไม่เหมือนกัน อาจต้องมีการพูดคุยสร้างความเข้าใจ แต่ด้วยความใจแคบของรัฐบาล และคิดแต่เพียงพวกพ้อง ไม่ได้สนใจการคลี่คลายปัญหา สุดท้ายจึงทำให้การนิรโทษกรรมทำได้อย่างจำกัด” นายรังสิมันต์ กล่าว


สำหรับจุดยืนของพรรคประชาชนในชั้นกรรมาธิการ นายรังสิมันต์ ในฐานะกรรมาธิการสัดส่วนพรรคประชาชนระบุว่า เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยร่างหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่ได้เขียนไว้ในหลักการว่า ไม่ให้รวมถึงการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 ก็คงต้องไปพูดคุยกัน ถ้าพรรครัฐบาลยังแข็งเหมือนเดิมในชั้นกรรมาธิการ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักในการผลักดัน แต่เราก็ต้องทำให้เต็มที่


อย่างน้อยการพิจารณาเรื่องนี้ต้องโปร่งใสประชาชนทุกคนรวมถึงครอบครัวของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ยังอยู่ในเรือนจำ และตัวแทนต่าง ๆ ที่นั่งอยู่ในกรรมาธิการ ทั้งสส. และไม่ใช่ สส. ก็ตาม คิดอะไร พูดอะไร เพราะกฎหมายฉบับนี้มีส่วนได้เสียต่อโชคชะตาและชีวิตของคนหลายคน ซึ่งเขามีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ดังนั้นหากไม่ได้มีทิศทางที่ดีต่อครอบครัวหรือประชาชน เขาก็ควรมีสิทธิ์รู้และตัดสินใจ” นายรังสิมันต์  กล่าว  


ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยลงมติเห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทยนั้น นายรังสิมันต์ระบุว่า คงไม่ใช่แค่โหวตเห็นชอบให้ร่างของพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะหากพิจารณาแล้ว ร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติและภูมิใจไทยก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกันมาก จึงไม่ได้น่าแปลกใจอะไร แต่ที่แปลกใจกับพรรคเพื่อไทยคือ ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่พยายามพูดมาตลอดว่าเป็นตัวแทนของเสียงประชาธิปไตย ตัวแทนของคนที่เคยต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและความยุติธรรม แล้วพรรคเพื่อไทยควรทราบดีว่า ผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมายขนาดไหน แม้แต่มาตรา 112 เองก็มีการดำเนินคดีกับคนจำนวนมากที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่เหตุใดพรรคเพื่อไทยกลับเลือกหันหลังให้ทั้งร่างของภาคประชาชน และร่างที่พยายามจะรวมทุกความแตกต่างให้มากที่สุดอย่างของพรรคประชาชน


ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคของฝ่ายประชาธิปไตยอีกแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคตัวแทนของการต่อสู้ของผู้เห็นต่างทางการเมืองอีกแล้ว เพราะคุณคือส่วนหนึ่งของการปล่อยให้คนที่เห็นต่างทางการเมืองติดคุกต่อไป โดยที่คุณไม่มีแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจในการรับผิดชอบ หรือใช้อำนาจแก้ปัญหาเรื่องนี้ คุณคือพรรคการเมืองที่ปราศจากซึ่งกระดูกสันหลังแห่งความกล้าหาญในการพาสังคมไทยฝ่าออกจากวิกฤต”  นายรังสิมันต์ กล่าว


นายรังสิมันต์  กล่าวว่า เมื่อพูดถึงพรรคเพื่อไทย ต้องขอแยกออกจาก สส. พรรคเพื่อไทย ทั้ง 6 คนที่ลงมติเห็นชอบให้ร่างของภาคประชาชน และของพรรคก้าวไกล ส่วนตัวก็ขอขอบคุณทั้ง 6 คน ที่ได้ลงมติสนับสนุน อย่างน้อยที่สุดก็มีบางท่านที่เราพอจะยกมือไหว้ได้อย่างรู้สึกดี แต่ต้องยอมรับว่าความคาดหวังของตนเองไม่ใช่แค่ 6 คน แต่ความคาดหวังคือพรรคการเมือง อย่างเช่นเวลาประชาชนคาดหวังต่อพรรคของเรา คงไม่ได้คาดหวังเพียงนายรังสิมันต์ ก็คงคล้ายกัน ขอขอบคุณทั้ง 6 คน แต่ก็ยังเสียดายที่พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยก็มีอุดมการณ์ ความคิด ความเชื่อ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นอีกแล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #นิรโทษกรรมประชาชน