กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา
1.
กัมพูชาภายใต้การนำของฮุนเซนและฮุนมาเนต มีเป้าหมายที่แน่นอนคือต้องการนำ 3
ปราสาทขึ้นสู่คดีศาลโลก เพราะมองว่ามีโอกาสชนะเช่นเดียวกับเขาพระวิหาร
และนี่จะเป็นวีรกรรมที่สร้างความยิ่งใหญ่เป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์กัมพูชา
2. การทำงานทางยุทธศาสตร์ 2 ด้าน
คือด้านการสื่อสารและสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะฝ่ายตะวันตก
ค่ายเสรีประชาธิปไตย และ UN เป็นภารกิจหลักของฮุนมาเนตผู้ลูก
ทำได้เข้มแข็ง รวดเร็ว ไม่ต้องรอประชุมกับหน่วยใด
แต่ยุทธศาสตร์ด้านการรบ
เป็นภารกิจของฮุนเซนผู้เป็นพ่อ ที่ต้องการเป็นวีรบุรุษของกัมพูชา
และเรียกความศรัทธาจากประชาชนที่ไม่มั่นคงด้านความเหลื่อมล้ำและความยากจนมีมาก
3. การที่ตระกูลชินวัตรได้มาเป็นรัฐบาล แม้จะมีมิตรไมตรีลึกซึ้งยาวนาน
แต่ไม่สามารถสร้างความพอใจให้กับครอบครัวตระกูลฮุนและฮุนเซนได้
ตั้งแต่การแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล ทำไม่ได้ตาม MOU44
การที่เขาถูกประณามเรื่องบ่อน เรื่องกลุ่มคอลเซ็นเตอร์
และอาชญากรรมการเงินข้ามชาติจากตระกูลชินวัตร
รวมทั้งการถูกประณามจากชินวัตรผู้ลูกว่า “ไม่ใช่มืออาชีพ” ดังนั้น
กรณีพิพาทชายแดนและการรุกรบ 2 แนวรบ
ทั้งรุกรบชายแดนและรุกในเวทีต่างประเทศ
จึงเป็นยุทธวิธีเพื่อเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของประเทศและของตระกูลฮุน
ที่ต้องการท้าทายประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นคงของอำนาจตระกูลฮุนในกัมพูชายาวนาน
ถามว่าถ้ามีการยุติการสู้รบครั้งนี้แล้วจะยุติได้ตลอดไปหรือไม่?
คงยาก!!! ในทัศนะดิฉัน เพราะมีการปลุกระดมความเกลียดชังในหมู่ประชาชนสองประเทศได้มาก
และการสู้รบไปไกลพอควร เสียหายมากแล้ว ต้องเตรียมความคิดที่สร้างสรรค์อย่างมาก ถ้าจะรื้อฟื้นสัมพันธภาพที่ดีในอนาคต
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยอ่อนแอ ชนชั้นนำ อำนาจนำไม่เป็นเอกภาพเช่นนี้
ประเทศใหญ่กว่าเช่นไทย ต้องเดินเกมตามหลัง “พ่อลูกตระกูลฮุน” ที่เขารุกรบอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์กรณีพิพาทชายแดนกับกัมพูชาครั้งนี้ สะท้อนความอ่อนด้อยหลายด้านของรัฐไทยที่ต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตระกูลฮุน #ตระกูลชินวัตร