ธิดา ถาวรเศรษฐ : แกนนำนปช.มาจากคนละทาง
ความฝันก็ไม่เหมือนกัน พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องเดินไปคนละทาง ดาวคนละดวง
[ถอดเทป] จากรายการ MatiTalk
มติชนสุดสัปดาห์
เผยแพร่เมื่อวันที่
3 ม.ค. 2568
ลิ้งค์ยูทูป
: https://www.youtube.com/watch?v=FcckB_9Mfmo&t=2s
คนที่เคยร่วมสู้กัน ทุกวันนี้มันเหมือนแตกระแหงกันไป
เกิดอะไรขึ้นกับขบวนการ?
คือคนมันมาจากคนละทาง
แล้วทางที่จะไปมันก็คนละอันกัน ความฝันก็ไม่เหมือนกัน
อย่างอาจารย์มาจากขบวนการต่อสู้ตั้งแต่สมัย 2516 ผ่านมา 50 กว่าปีแล้วนะ คิดดู
ความฝันของอาจารย์และคนส่วนหนึ่งที่อยู่ในขบวนการคือการเปลี่ยนแปลงประเทศที่ให้อำนาจกับประชาชน
ไม่มีการทำรัฐประหาร ต้องการสิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม เราจะอยู่ตรงไหนก็ได้
แต่เป้าหมายเราตรงนี้ แต่ว่าคนที่มาร่วมทาง ที่เป็นแนวร่วมกันเนี่ย เขาบางคน
(ส่วนมากด้วย) มาจากฝั่งการเมือง ความฝันของเขาไม่ได้เป็นแบบเดียวกับอาจารย์
ความฝันของเขาคือเขาต้องการเป็นนักการเมือง รัฐมนตรี มีอำนาจ ได้เป็นสส.
ได้เป็นรัฐมนตรี แล้วได้เป็นรัฐบาล ความฝันมันคนละอย่างกัน
เพราะฉะนั้นในที่สุด
สมมุติอย่างคุณณัฐวุฒิเนี่ย เราก็เข้าใจเขานะ เพราะว่าเขาก็ไม่มีทางเลือก
อาจารย์ถามไปจนกระทั่งถึงว่าเขาเคยติดต่อสัมพันธ์กับพรรคอื่นไหม เขาบอกเมื่อก่อน
ตอนหลังนี่ไม่ เขาก็ไม่มีทางเลือก เขาก็หวังว่าพรรคเพื่อไทยคงจะอยู่ไปได้
ไม่รู้ว่าคุณเศรษฐาจะโดนจัดการ ในที่สุดก็ต้องไปในเส้นทางนี้
คือเขามาจากสายการเมือง และโดยทั่วไปในแนวร่วมทั้งหลาย
คนที่มาจากสายการเมืองมันมีมาก
อาจารย์ตั้งแกนนำตั้งเยอะแยะนะ
เป็นแกนนำนปช.นะ
แต่พอเป็นแกนนำเสร็จเขาวิ่งไปหาสิ่งดึงดูดจำนวนมากเลยนะแกนนำเหล่านั้น
ไปหาสิ่งดึงดูดที่มันดูดีกว่าเรา เพราะเราฝันเปลี่ยนประเทศ แต่พวกเขาก็อยากมีบทบาท
มีอำนาจ มีผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นมันยาก ในที่สุดพอเวลามันผ่านไป
มันก็ต้องแยกย้ายไปตามความฝันของตัวเอง
คุณณัฐวุฒิก็มาจากสายการเมือง
แรมโบ้นี่แรกเลย คนนี้ตั้งแต่ต้นเลยเล่นงานอาจารย์
อาจารย์มาเป็นประธานนปช.ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2553
จนกระทั่งดูเหมือน 15 มี.ค. 2557
พอหลังจากนั้นก็มีการทำรัฐประหาร คนที่มาจากสายการเมืองเขาไม่ค่อยโอเคกับอาจารย์นะ
บางส่วนก็ระแวง บางส่วนก็คือสิ่งที่เขาเรียกร้อง เราให้เขาไม่ได้
เพราะว่าเราทำแบบนักต่อสู้ เราไม่ได้ทำแบบนักการเมือง
หลายอย่างเราก็ขัดแย้งกับสิ่งที่พรรคต้องการ เช่น คุณทักษิณสุดซอย, เราต้องการ ICC, สุดซอยเราไม่เอา, ICC เขาก็ไม่เอาเรา,
รัฐธรรมนูญแบบของเรา เขาก็ไม่เอา นี่ยกตัวอย่างนะ เอาเรื่องใหญ่ ๆ
ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเป้าหมายไม่เหมือนกัน
เป้าหมายของคุณทักษิณต้องการเป็นรัฐบาล
แต่ว่าเราเหมือนกันตรงที่ว่าเราไม่ต้องรัฐประหาร เขาต้องการเป็นรัฐบาลอยู่ยาว ๆ
ไม่ต้องการทำรัฐประหารตามวิธีคิดตามแบบเขา มันไม่ตรงกับเรา และพวกนี้ที่มา
แม้กระทั่งคุณจตุพรเขาก็มาจากสายการเมือง
แต่ว่าเขามีความขัดแย้งกับคุณทักษิณอย่างรุนแรง
สำหรับอาจารย์ก็คือเราก็เข้าใจทุกคน
คุณทักษิณคือใคร? เขาก็เป็นนายทุนที่ต้องการตั้งพรรคการเมืองแล้วได้เป็นรัฐบาล
แต่เขาถูกกระทำมามาก เราก็เป็นมิตรร่วมรบกันระดับหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลา
มันก็ไม่สามารถเดินไปกันได้ ต่างคนต่างก็ไปตามความฝันของตัวเอง สมมุติเขามาเดินกับอาจารย์ไปทางเดียวกัน
แล้วเขาไม่ได้อะไร เขาสูญเสียความฝันเขา เขาก็ไม่เดินมากับเรา
เขาก็ไปเดินตามทางที่เขาคิดว่าได้
แต่อาจารย์ไม่เดินเส้นทางพรรคการเมือง
ขานั้นเรารู้สึกหนักเกินไป เพราะว่าขนาดเป็นนักต่อสู้อยู่
ยังต้องต่อสู้กับคนที่ฉวยโอกาส
ใช้สถานะของนักต่อสู้ไปเรียกร้องเอาผลประโยชน์ทางการเมือง ยังต้องต่อสู้ตลอด
แกนนำทุกระดับเลยนะ ระดับอำเภอ ระดับตำบลอะไรที่แต่งตั้งเนี่ย
กว่าจะค้นหาว่าเป็นนักต่อสู้ตัวจริงมันยาก!!! เขาต้องการเอาสถานะเป็นแกนนำนปช.
แล้วไปต่อรองเพื่อได้ผลประโยชน์ ได้มีตำแหน่งทางการเมือง ได้เป็นบัญชีรายชื่อ
ได้เป็นรัฐมนตรีหรืออะไรเนี่ย มันจึงลำบากมาก แต่ในวิถีทางนี้ถึงจะลำบากยังไงเราก็ถือว่าในอดีตก็เป็นมิตรร่วมรบด้วยกัน
แต่ก็ไปดีเถอะ ต่างคนต่างไป อาจารย์เดินมาตั้ง 50 ปี
แล้วให้ไปเดินตามพวกพรรคการเมืองพวกนี้ แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย
อาจารย์ไม่เดินตามหรอก เพราะว่าเราเดินมาก่อน แล้วความฝันของเราคนละแบบกัน
แต่ว่าเราเข้าใจเขา
แล้วเราไม่ได้โกรธเขานะ เพราะเราเข้าใจว่าเขาเป็นแบบนั้น
เหมือนคุณต้องเข้าใจว่าสัตว์โลกทั้งหลายมันไม่เหมือนกัน เสือ ลิง หมู หมา กา ไก่
มันคนละประเภทกันทั้งนั้น แล้วเราจะไปโกรธยังไง ที่อาจารย์เคยพูดว่าถ้าเป็น animal farm เราก็เป็นสัตว์คนละประเภทกัน เราก็ไม่โกรธ ก็คือ
เป็ดก็ไม่ควรจะโกรธไก่ว่าลงมาว่ายน้ำด้วยไม่ได้ เพราะไก่ก็คือไก่
มันก็ต้องคุ้ยเขี่ยบนดิน จะไปเรียกบอกให้ลงมาอยู่ในน้ำก็ไม่ได้
หรือว่าลิงจะมาโกรธเป็ดไก่ที่ไม่ปืนต้นไม้ มันไม่ได้
มันจึงเป็นมิตรกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวที่มันมากขึ้น
มันก็ต้องเป็นตามธรรมชาติของแต่ละคน ดังนั้นอาจารย์ก็ไม่โกรธ แต่ก็ไม่เอาด้วย
เพราะว่าก่อนหน้านี้มันนลำบาก เวลาอยู่ในองค์กรเดียวกันมันน้ำท่วมปากไง
มันพูดไม่ได้ เราก็อาจจะถูกเหมาเอาไปด้วยว่าพวกควายแดงกันทั้งหมด
แต่ที่จริงเราสู้กันภายในพอสมควร พอถึงตอนนี้กลับสบายรู้สึกเป็นอิสระ
เพราะว่าเราเป็นแบบนี้ได้เพราะประชาชนเปลี่ยน ถ้าประชาชนไม่เปลี่ยน
มันก็จะไม่เห็นธาตุแท้ของแกนนำหรือผู้นำแต่ละคน ดังนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น ไม่มีปัญหา
บางคนมองคุณณัฐวุฒิ - คุณจักรภพ เรียกว่า
“นายแบบ” ฝ่ายชาย
ก็เขามาทางไหน
เขาก็ไปทางนั้นแหละ คุณจักรภพเนี่ย ที่จริงตอนนี้แกพูดมากจนเลย
คือคุณณัฐวุฒิกับคุณจักรภพเป็นรุ่นหลังที่มา คือพรรคการเมืองข้ามขั้วไปแล้ว
คนวิจารณ์ไปแล้วนะ เพื่อไทย แต่คุณณัฐวุฒิมาข้ามขั้วทีหลัง
แล้วจักรภพเพิ่งมาเลยพูดมากสักหน่อย ก็เลยถูก "บอมบาท" มากสักหน่อย
เพราะว่าในอดีตคุณจักรภพเขาทำตัวเป็นแบบเหมือนนักปฏิวัติที่ก้าวหน้า
แล้วฮาร์ดคอร์ด้วยนะ ดังนั้นพอกลับมาแก้ตัวแทนพรรคเพื่อไทย
ที่จริงไม่จำเป็นต้องแก้ตัว มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณจักรภพ
พรรคเพื่อไทยเขาแก้ทางของเขาเองแล้ว เขาจะไปทำทางเศรษฐกิจ จะสร้างผลงาน
พอคุณจักรภพมาแก้ตัวมันก็เลยถูกบอมบาทมากขึ้น เกิดคำว่าใบอนุญาต 2 ใบขึ้นมา
หรือคุณณัฐวุฒิก็มาข้ามขั้วทีหลัง
ดังนั้นก็จะถูกโจมตีมากขึ้น ก็คือ คนที่เปลี่ยน คือประชาชนไปคาดหวังเขาว่าเขาคือฮีโร่ของนักต่อสู้
พอมาตอนนี้ประชาชนคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว คุณไม่ใช่นักต่อสู้ คุณไปข้ามขั้ว
คือระบอบอำมาตย์ฯ ประชาชนเชื่อว่ายังอยู่ คุณไปอยู่ข้างเดียวกันกับระบอบอำมาตย์ฯ
ประชาชนเหล่านี้ก็ผิดหวังมากสักหน่อย แต่อาจารย์เฉย ๆ
อาจารย์ก็จะพอรู้ว่าแต่ละคนมายังไงไปยังไง
เหมือนคุณทักษิณเคยพูดตอนที่ว่าเอาเรือมาส่ง ขอบใจเสื้อแดงนะ
แล้วก็ตอนนี้จะขึ้นรถแล้วนะ อาจารย์ก็ยังไม่โกรธเพราะเรารู้ว่าเขาคือนายทุน
แล้วแกก็เชื่อง่าย นี่ก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่รอดนะ
เที่ยวนี้จะรอดไปตลอดฝั่งไปจนถึงปี 2570 หรือเปล่า?
อาจารย์ยังไม่รู้ว่าใบอนุญาตที่ 2 เขาจะให้ไปจนตลอดหรือเปล่า?
แต่ใบอนุญาตที่ 1 ไม่โอเคแน่
แล้วส่วน
2 คนนั้นก็คือความผิดหวังที่เขาอยู่ในขบวนการต่อสู้
ได้สร้างความเป็นฮีโร่มาก คนนึกว่าเขาเป็นนักต่อสู้ตัวจริง
แต่เดี๋ยวนี้ประชาชนเปลี่ยนไปไง คุณพูดแล้วประชาชนจะเชื่อ เขาคิดของเขาเองได้
ก็เลยมีการถูกโจมตีมาก เพราะว่าประชาชนผิดหวัง แต่นี่เป็นราคาที่เขาต้องจ่าย ถ้าเขาฉลาดนะ
เขาต้องรู้ว่ามันเป็นราคาที่เขาต้องจ่าย ก็คือว่าต้องมีคนด่า แต่ก็มีคนชอบ
คนที่เป็นกองเชียร์เพื่อไทยก็ชอบว่า เออมา แหมทำเป็นอยู่ข้างนอก
ตอนนี้ก็มาเสียจะได้หมดเรื่อง ก็จะได้ทำงานได้เต็มที่ คนชอบก็มี
เพราะฉะนั้นมันเป็นราคาที่เขาต้องจ่าย อย่างคุณณัฐวุฒิเขาก็คงรู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ไปออกรายการช่อง 3 แล้วภาพมันตัดกันเลยในคำพูด
2 รอบ มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย อย่าไปโกรธประชาชน
เพราะประชาชนเขารักพวกคุณ เขาถึงผิดหวัง อย่าไปโกรธประชาชน
สำหรับประชาชนก็เหมือนกัน
ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เรียนรู้ว่าในการต่อสู้นั้นจะมีนักฉวยโอกาส
แล้วก็มีคนที่มีความฝันไม่ตรงกัน ความฝันของการมีอำนาจ มีผลประโยชน์
กับความฝันต้องการประเทศที่อำนาจเป็นของประชาชน แปลว่าเราฝันไม่เหมือนกัน
พอถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องเดินไปคนละทาง ดาวคนละดวง ดาวของอาจารย์มาเป็นแบบนี้
เดินมาตั้ง
50 ปีแล้ว จะไปเดินทางเดียวกับเขา มันเป็นไปไม่ได้!
ท่ามกลางการเดินของเรา
มีคนตายเมื่อปี 2516 ชีวิตอาจารย์เปลี่ยนเลยนะ จากกเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดาเปลี่ยนไปเลย 2516,
2519, 2535 แล้วก็มา 2552, 2553
เราเห็นการตายและการเสียสละประชาชนมามากแล้ว และเรายังมีชีวิตอยู่
เราก็ต้องทำหน้าที่ คนตายมามากแล้วและมากเกินไป เราไม่ต้องการให้ตายต่อไปอีก
เราจึงมีข้อเสนอว่า ไอ้ที่เขาแก้พ.ร.บ.กลาโหมกัน
เราต้องการให้แก้พระธรรมนูญตรงที่ว่า เมื่อทหารมีความผิดอาญาต่อประชาชนให้ขึ้นศาลพลเรือน
ไม่ใช่ขึ้นศาลทหาร เพราะการตายของปี 2553
มันยังมีอายุเหลืออยู่ไม่มากเท่าไรแล้ว เดี๋ยวมันจะไปซ้ำแบบตากใบ เขาเสนอพ.ร.บ.
คิดว่าจะป้องกันรัฐประหาร ยาก!!! แต่ตรงนี้มันแก้พระธรรมนูญศาลทหาร
ที่ต้องการก็คือให้ทหารแต่ละคนต้องรู้ว่าตัวเองก็เหมือนประชาชน
เขามีสิทธิมีเสียงอะไรต่าง ๆ เท่ากันก็คือคุณต้องขึ้นศาลพลเรือน
เพราะฉะนั้น
ถ้านายคุณสั่งให้ทำ คุณดูทหารเกาหลีซิ ต้องออกมาขอโทษประชาชน
แล้วตอนนี้นอกจากเขาจัดการประธานาธิบดีแล้วนะ
พวกรัฐมนตรีและพวกนายทหารก็ต้องโดนด้วย มันต้องอย่างนั้นแหละ
ประเทศไทยมันต้องไปถึงจุดนั้นก็คือว่า ถ้าคุณสั่งคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม
ทหารต้องมีสิทธิปฏิเสธ ประเทศมันถึงจะเดินหน้าได้ ถ้าไม่งั้นทำอะไรนะ
เหมือนอย่างพรรคเพื่อไทย ไม่กล้าหรอก พ.ร.บ.กลาโหมเนี่ย
เพราะกลัวว่าจะไม่เป็นที่พึงพอใจ แต่นั่นเขามองเพื่อให้รัฐบาลอยู่รอด
แต่สำหรับอาจารย์มองไปในอนาคตข้างหน้า ให้ระบอบประชาธิปไตยและประชาชนอยู่รอด
วิธีคิดมันจึงแตกต่างกัน
แต่เราก็ไม่อยากให้ฝั่งจารีตโง่จนเกินไป
จนมองไม่เห็นว่าประชาชนเปลี่ยนแปลง มีความรู้มากขึ้น
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นและการรัฐประหารที่แล้วมา มันไม่สามารถรักษาอำนาจเขาไว้ได้
มีแต่เสื่อม ถ้าเขามีดวงตาเห็นธรรมและรู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากประชาชนต้องการมีอำนาจ
ให้คืนกลับมา ก็ขอให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแบบสากลเท่านั้น ไม่ได้ขออะไรมากกว่านี้