วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568

“พิธา” มองมาตรการแก้ฝุ่นรัฐบาล “ช้าไป น้อยไป สายไป” ชี้ควรเตรียมตัวตั้งแต่ฝนที่แล้ว เสียดายพรรคฝ่ายค้านที่ทำงานได้สูสีกับพรรคประชาชน ก็คือพรรคเพื่อไทยในอดีต โพสต์แก้ไขปัญหาฝุ่นพิษที่ต้นตอ

 


“พิธา” มองมาตรการแก้ฝุ่นรัฐบาล “ช้าไป น้อยไป สายไป” ชี้ควรเตรียมตัวตั้งแต่ฝนที่แล้ว เสียดายพรรคฝ่ายค้านที่ทำงานได้สูสีกับพรรคประชาชน ก็คือพรรคเพื่อไทยในอดีต โพสต์แก้ไขปัญหาฝุ่นพิษที่ต้นตอ


วันที่ 24 มกราคม 2568 ที่ จ.ตราด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระหว่างการหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ตราด จากพรรคประชาชน โดยได้ให้ความเห็นต่อกรณีสถานการณ์ฝุ่น pm 2.5 และมาตรการการแก้ปัญหาของรัฐบาล


โดยพิธาระบุว่าเมื่อประเมินมาตรการที่ออกมาของรัฐบาลแล้ว ต้องเรียกว่าช้าไป น้อยไป และสายไป เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นต้องมีแผนงานมาตั้งแต่ฤดูฝนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมแล้ว เพราะทุกคนรู้ว่าพอถึงเดือนมกราคมฝุ่นก็จะมาอีก ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปีตั้งแต่วันที่ 1-22 มกราคม ไม่มีปีไหนเลยที่ค่าฝุ่นได้มาตรฐาน


ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศเย็นและนิ่ง และเป็นช่วงที่มีการเผาทั้งอ้อยและข้าว พอผสมรวมกันก็ควรต้องเห็นแล้วว่าฝุ่นจะมา รัฐบาลควรมีโอกาสที่จะได้เตรียมตัวตั้งแต่ระดับนานาชาติ ต้องประสานงานกัน ไม่ใช่พอฝุ่นมาแล้วค่อยต่อสาย แต่มันควรต่อสายกันนานแล้ว ถ้ามีการวางแผนทั้งระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้วสถานการณ์ควรจะดีขึ้นกว่านี้ หรืออย่างน้อยที่สุดในสัปดาห์นี้ควรมีการเข้าถึงหน้ากากอนามัย และเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่เปราะบางอย่างโรงเรียนและโรงพยาบาลได้


ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่ากรณีดังกล่าวสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลหรือไม่ พิธาตอบว่าที่ผ่านมาฝ่ายค้านที่สูสีกับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนมากที่สุดก็คือพรรคเพื่อไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในสภาเรื่อง pm 2.5 ติดต่อกัน 4-5 ปี มีการอภิปรายอย่างดุเดือด แต่ปีนี้ปีที่ 2 ของรัฐบาลแล้ว ควรจะมีการเตรียมตัวกันมานานมากแล้วในการบริหารจัดการ แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นแย่ขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีมาตรการที่ออกมาเป็นรูปธรรมจนกระทั่งเมื่อเช้านี้หรือเมื่อวานนี้ หลังจากที่พรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกระทุ้งถึงได้มีแผนออกมา


ผู้สื่อข่าวยังถามต่อถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ออกมากล่าวพาดพิงถึง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ว่าทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาอย่างเดียว แต่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต้องไปทำหน้าที่อื่นด้วย ซึ่งพิธาก็ได้ตอบว่าทรัพยากรของรัฐบาลกับของฝ่ายค้านไม่เท่ากัน รัฐบาลควรที่จะบริหารจัดการ กระจายงาน และเตรียมทรัพยากรล่วงหน้าในการบริหารได้มากกว่านี้ 


นอกจากนี้การเป็น สส. มีหน้าที่ต้องผ่านกฎหมายที่ก้าวหน้าอย่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด การพูดแทนประชาชน และการตรวจสอบรัฐบาล เราก็ตรวจสอบเรื่องนี้กันมา 4-5 ปีทุกครั้ง ตอนที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่เดียวกัน แต่ตอนนี้เพื่อไทยพอมาเป็นรัฐบาลกลับไม่ได้ทำตามอย่างที่ตัวเองเคยพูดในสภาหรือตอนหาเสียง จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ประชาชนก็ยังต้องจมฝุ่นต่อไปทั้งที่จริงๆ แล้วน่าจะทุเลาลงได้เยอะมากกว่านี้


นอกจากนี้พิธากล่าวช่วงหนึ่งขณะแห่หาเสียง อบจ.ตราด พรรคประชาชน ว่าการแก้ปัญหาฝุ่นต้องทำงานใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับท้องถิ่น ระดับรัฐบาล และระดับระหว่างประเทศ พร้อมกับยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ในปี 2013 ที่เจอปัญหาฝุ่นอย่างหนัก ได้ใช้กลไกอาเซียนผ่านกฎหมายที่ชื่อว่า Transboundary Haze Pollution ซึ่งไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.อากาศสะอาดของสิงคโปร์เองเท่านั้น แต่ทำให้มีอำนาจจัดการบริษัทข้ามชาติที่อยู่ในประเทศข้างเคียง โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเปิดเผยว่าบริษัทที่ทำการเผาอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านคือบริษัทใด เมื่อเปิดเผยแล้ว ทั้งสังคมจึงกดดัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #PM25 #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #พิธาลิ้มเจริญรัตน์