วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2568

ปชน. ขนทัพใหญ่ปราศรัยเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ปลุกประชาชนเลือกสีส้มยกจังหวัด ส่งผู้สมัคร ส.อบจ. - “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” นั่งนายก อบจ. “ณัฐพงษ์” ลั่นสนาม อบจ.เชียงใหม่ไม่ใช่เวทีกู้หน้าใคร แต่คือสนามคุณภาพชีวิตชาวเชียงใหม่ ผลักดันไทยทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้ว

 


ปชน. ขนทัพใหญ่ปราศรัยเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ปลุกประชาชนเลือกสีส้มยกจังหวัด ส่งผู้สมัคร ส.อบจ. - “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” นั่งนายก อบจ. “ณัฐพงษ์” ลั่นสนาม อบจ.เชียงใหม่ไม่ใช่เวทีกู้หน้าใคร แต่คือสนามคุณภาพชีวิตชาวเชียงใหม่ ผลักดันไทยทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้ว


วันที่ 18 มกราคม 2568 พรรคประชาชนจัดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยพรรคประชาชนส่ง “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” เบอร์ 1 เป็นผู้สมัครนายก อบจ. พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.อบจ. จำนวน 41 คน บรรยากาศเวทีปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก มี สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน แกนนำพรรคและผู้ช่วยหาเสียงขึ้นเวทีคับคั่ง นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค, ชัยธวัช ตุลาธน, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล  


ปิยบุตรกล่าวว่า ถ้าไม่พูดเรื่องการกระจายอำนาจ เหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่ ที่ผ่านมานักการเมืองหลายพรรคเอาเรื่องการกระจายอำนาจไปโฆษณาหาเสียง ถึงเวลาตัวเองมีอำนาจ กลับไม่กระจาย รวมอำนาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ จึงเป็นที่มาที่เราใช้นโยบายกระจายอำนาจ “ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ ทวงคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น” เป็นนโยบายเรือธงตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล ประชาชน 


ไม่มีประเทศไหนที่บอกว่ากระจายอำนาจแล้วนายกรัฐมนตรีลงมาสั่งการนายก อบจ. ถ้าต้องการให้การเมืองท้องถิ่นเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นไปตามหลักการ สิ่งที่ถูกต้องคือนายกฯ ทำหน้าที่สนับสนุนการกระจายอำนาจ ด้วยการแก้กฎหมายที่ทำให้การกระจายอำนาจมันติดล็อกอยู่ จัดการระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจซ้อนกับนายก อบจ. ถ้า อบจ. มีงบประมาณน้อย ต้องไปทำตามกฎหมายจัดสรรรายได้ให้ อบจ. มีมากขึ้นถึง 35% เสียที ทุกวันนี้ผ่านไปกี่ปีก็ไม่ทำ งวดที่แล้วเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาดแต่ไปทำผู้ว่า CEO ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของมหาดไทย�.�ดังนั้นวิธีคิดเรื่องการกระจายอำนาจของเรากับเขาไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง พี่น้องคนเชียงใหม่ที่สนับสนุนแนวทางการกระจายอำนาจ ให้ อบจ.เชียงใหม่ มีงาน มีเงิน มีคนเพื่อจัดทำบริการให้คนเชียงใหม่ ถ้าชอบแบบนี้สถานเดียวคือต้องเลือก พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ เป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ เลือกผู้สมัคร ส.อบจ. ของพรรคประชาชนทั้ง 41 คน ส่งสัญญาณเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่นให้เป็นแบบใหม่ เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการกระจายอำนาจกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง 


ด้านชัยธวัชกล่าวถึงเอกสารที่ได้รับจากพลเมืองดี เกี่ยวกับโครงการซื้อถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยของ อบจ.เชียงใหม่ ที่แจกให้ประชาชนในช่วงน้ำท่วมใหญ่เดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าโครงการนี้ อบจ.เชียงใหม่ จัดซื้อด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งเข้าใจได้ในสถานการณ์ที่ต้องทำให้ทันท่วงทีกับความเดือดร้อนของประชาชน จากเอกสารที่เห็นจัดซื้ออย่างน้อย 4 ครั้งจากเอกชน 3 เจ้า รวมมูลค่า 19,765,000 บาท อย่างไรก็ตาม พบข้อน่าสงสัยหลายอย่าง เช่น ราคาของข้าวสารในถุงยังชีพสูงกว่าราคากลาง, บริษัท ท.การโยธา ที่ทำรับเหมาวัสดุก่อสร้างมาตลอด อยู่ๆ ก็มาขายถุงยังชีพให้ อบจ., ที่อยู่ของบริษัท ท.การโยธา เคยเป็นที่อยู่ของอีกบริษัทชื่อ ส.การโยธา ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นบริษัทในเครือ ส.กรุ๊ป ที่มีกิจการหลายบริษัท มีนาง พ. เป็นกรรมการบริษัทและเป็นภรรยาของอดีตเลขานายก อบจ. เชียงใหม่ คนที่ผ่านมา


ตนไม่ได้กล่าวหาใคร เพียงเล่าให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ประกอบการพิจารณา ให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับการใช้งบประมาณของ อบจ.เชียงใหม่ ดังนั้น 1 กุมภาพันธ์เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการเปลี่ยนแปลง เขาบอกว่าการเมืองท้องถิ่นเปลี่ยนยาก เปลี่ยนไม่ได้ถ้าไม่มีกำลังภายใน ไม่มีเงินทอง ไม่มีเครือข่ายอุปถัมภ์เส้นสาย พรรคประชาชนไม่มีทางประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ แต่ตนไม่เชื่อ ตนเชื่อในประชาชน เวลานี้ชั่วโมงนี้พี่น้องชาวเชียงใหม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันแล้ว 


คนบางกลุ่มพยายามต่อสู้เพื่อรักษาอดีต แต่พวกเราพรรคประชาชนขอจับมือพี่น้องประชาชนต่อสู้เพื่ออนาคต พอกันทีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นการเมืองท้องถิ่นเป็นแค่ฐานเสียงทางการเมือง เข้าไปสร้างเครือข่ายอุปถัมภ์ เครือข่ายอำนาจแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณของเรา มาร่วมกันเปลี่ยนแปลงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะมาดูแลเราตั้งแต่เช้ายันเข้านอน ตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของชีวิต เลือก อบจ.ประชาชนทั้งทีม ส่งพันธ์ุอาจไปสร้าง อบจ.พันธุ์ใหม่ ดูแลทุกคนทั่วถึงเท่าเทียม


จากนั้นธนาธรกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนเชียงใหม่กับ อบจ. คืองบประมาณ แต่ที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าจ่ายภาษีไปแล้วไม่ได้ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น งบ อบจ.เชียงใหม่ 2,000 ล้านบาทต่อปี ตลอด 4 ปีเท่ากับ 8,000 ล้านบาท งบอบรมและศึกษาดูงานของ อบจ.เชียงใหม่เป็นร้อยล้านบาท เยอะกว่างบสาธารณสุขเสียอีก พรรคประชาชนบอกว่าเชียงใหม่ดีกว่านี้ได้ จะเข้าไปจัดสรรงบประมาณใหม่ ตัดลดงบที่ไม่จำเป็น เอามาลงทุนในการศึกษา ทำเรื่องสาธารณสุขให้ประชาชน พัฒนาพื้นที่สีเขียว สร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ


มีคนบอกว่าสิ่งที่เราคิดเป็นไปไม่ได้ อยู่กันมาอย่างนี้ก็เป็นอย่างนี้ เราต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วตรงไหน ต่างกันที่คุณภาพน้ำประปา ของเขาดื่มได้ ต่างที่คุณภาพฟุตบาท ของเขาเดินได้ ต่างกันที่คุณภาพบริการภาครัฐ ต่างกันที่ความเสมอภาคเท่าเทียมทางกฎหมาย แต่เราพิสูจน์ให้เห็นแล้ว น้ำประปาสะอาดดื่มได้ ทำมาแล้วที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ทำมาแล้วที่เทศบาลตำบลโพน จ.กาฬสินธุ์ เราทำให้โรงงานผลิตน้ำประปาท้องถิ่นสามารถผลิตน้ำประปาที่ใสสะอาดและดื่มได้ ได้แล้วในประเทศไทย


มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ด้วยกัน ถ้าประเทศอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ เราต้องมีนักการเมืองที่มีเจตจำนงแรงกล้าพอที่จะไปทำ ทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น ภายใน 4 ปีไม่ทุจริตคอร์รัปชัน บริหารอย่างโปร่งใส สร้างเชียงใหม่ที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน นโยบายของเราคือคุณพันธุ์อาจเป็นนายก อบจ. เมื่อไหร่ ถ่ายทอดสดประชุมสภา อบจ.เชียงใหม่เลย ทุกคนจะได้เห็นเงินว่าเงิน 8,000 ล้านบาทไปอยู่ที่ไหน ใครปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน นี่คือการยกระดับคุณภาพการเมือง


การแก้ปัญหาแบบปะผุไปวันๆ แก้ปัญหาประเทศไทยไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งต้องแก้ปัญหาโดยความคิดใหม่ๆ พลังใหม่ๆ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญมากเพราะพวกเราต้องการให้เชียงใหม่เป็นกระดานหกกระเด้งให้พรรคประชาชนเป็นอันดับหนึ่งในปี 2570 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องทั้งประเทศเห็นว่าเมื่อเข้ามาบริหารเชียงใหม่ เราสร้างเชียงใหม่ที่ดีกว่านี้ได้จริง ดังนั้นสองสัปดาห์ที่เหลือ ขอแรงจากทุกคนขอให้ช่วยสนับสนุนผู้สมัครของเรา 


ต่อมาพันธุ์อาจกล่าวว่า เชียงใหม่ควรเป็นเมืองที่มีนวัตกรรม ตนเปิดตัวเป็นผู้สมัครมาแล้ว 11 เดือน รับฟังประเด็นปัญหาความท้าทายของพี่น้องประชาชนครบ 25 อำเภอ พบว่าไม่เหมือนกันเลย คนบนดอยมีปัญหาเรื่องที่ดิน เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน คนในเมืองมีปัญหาอีกแบบหนึ่ง ยิ่งทำให้รู้สึกว่านโยบาย 4 อยู่ “อยู่ได้ อยู่เย็น อยู่ดี และอยู่อย่างยั่งยืน” มีความหมายลึกซึ้ง


นโยบายอยู่เย็นคือการกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ทำให้ อบจ.เชียงใหม่เป็นซุปเปอร์ อบจ. ถ้าได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เราจะเข้าไปปฏิรูปให้ อบจ.เชียงใหม่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ดูแลคนเชียงใหม่ 1.7 ล้านคนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมใน 3 มิติสำคัญคือเรื่องเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม


เชียงใหม่ควรเป็นพื้นที่ส่งออกองค์ความรู้ สินค้าพหุวัฒนธรรมที่มีทั้งวัฒนธรรมบนที่ราบและที่สูงทำให้เกิดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรมกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ทำให้ลูกหลานของเราทำมาหากินที่เชียงใหม่ได้ และชาวเชียงใหม่ต้องเป็นหุ้นส่วนในการร่วมกันดูแลป่า ดูแลระบบเกษตร ให้เราปล่อยคาร์บอนน้อยที่สุด เพราะถ้าไม่เริ่มทำวันนี้ ปีหน้าอาจต้องเจอปัญหาภัยพิบัติแบบเดิม 


คนเชียงใหม่เป็นคนเก่ง อบจ. ต้องดึงศักยภาพของคนเชียงใหม่ทุกภาคส่วนมาใช้ร่วมกันและทำให้เกิดนวัตกรรมล้านนา ดังนั้น 1 กุมภาพันธ์สร้างนวัตกรรมการเมืองไปพร้อมกัน เข้าคูหากาเบอร์ 1 ทั้งนายกและ ส.อบจ. เพื่อสร้างการเมืองแห่งนวัตกรรมไปพร้อมกัน ออกมาเลือกตั้งกันเยอะๆ ทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองของทุกคน ไม่ใช่เมืองของใครคนใดคนหนึ่ง


ด้านณัฐพงษ์ปราศรัยเป็นคนสุดท้ายกล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นเวทีกู้หน้ากู้ศักดิ์ศรีของใคร แต่การเลือกตั้งครั้งนี้คือสนามคุณภาพชีวิตของชาวเชียงใหม่ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีหลายเรื่องที่ผิดปกติแต่เราเจอมาทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ เช่นน้ำประปาไม่สะอาด ไหลบ้างไม่ไหลบ้าง วางรองเท้าจองคิวเข้าโรงพยาบาล เราเกิดมาในประเทศที่โครงสร้างอำนาจรัฐเป็นรัฐรวมศูนย์ กดทับศักยภาพของชาวเชียงใหม่ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเมืองโตเดี่ยวอยู่ที่กรุงเทพฯ เรื่องนี้ไม่เป็นธรรมแต่เราเห็นมาตั้งแต่เกิดจึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ


การเลือกตั้งทุกครั้งคือเวทีให้เราจินตนาการใหม่ร่วมกันว่าประเทศไทยหรือเชียงใหม่ที่เราอยากเห็นเป็นอย่างไร พรรคประชาชนไม่ได้มองสนามเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เป็นแค่สนามในการปกป้องศักดิ์ศรีที่เราชนะ สส.เชียงใหม่มาถึง 7 เขต แต่นี่คือสนามที่จะผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้าอีกหนึ่งระดับ สร้างเชียงใหม่ที่รับประกันความสุขสมบูรณ์ของประชาชน นั่นคือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา ระบบสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก น้ำประปาสะอาด ขนส่งสาธารณะและการจัดการ อบจ. ที่โปร่งใสตรงไปตรงมา 


วันนี้ถ้ามีพรรคการเมืองระดับประเทศออกมาสื่อสารว่าจะทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ ทำให้คุณภาพชีวิตของท่านดีขึ้นแต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ พวกเขาขี้จุ๊ จากการทำงานการเมือง เราเห็นโครงสร้างอำนาจรัฐที่บิดเบี้ยว หนทางเดียวที่จะทำให้ประเทศนี้และชาวเชียงใหม่ทุกคนมีคุณภาพชีวิตไม่ต่างจากประเทศโลกที่หนึ่ง คือต้องทำให้การเมืองท้องถิ่นดี 


เริ่มต้นง่ายๆ คือการเมืองที่ตรงไปตรงมา เชื่อมั่นว่าคุณพันธุ์อาจและทีม ส.อบจ.ของพรรคประชาชนเข้ามาด้วยเจตจำนงทางการเมืองที่ต้องการให้พี่น้องเข้าถึงคุณภาพชีวิตดีได้เท่าเทียมกัน ได้แบ่งการพัฒนาเชียงใหม่เป็น 5 กลุ่มตามศักยภาพแต่ละพื้นที่ (1) กลุ่มอำเภอเมือง มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจสตาร์ทอัพ (2) ทิศเหนือ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (3) ทิศใต้ เศรษฐกิจลำใย (4) ทิศตะวันออก หัตถกรรมสินค้าประณีต (5) ทิศตะวันตก เมืองแห่งความหลากหลาย เพราะพี่น้องชาติพันธ์ุมีจำนวนประชากรมากถึงหนึ่งในห้าของจังหวัดเชียงใหม่ 


ณัฐพงษ์ทิ้งท้ายว่าอยากให้ประชาชนเชื่อในพลังของตัวเอง เสียงของพวกเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ช่วยกันขยายผลบอกต่อเพื่อให้ 1 กุมภาพันธ์นี้ นายก อบจ. และ ส.อบจ. เป็นสีส้มทั้งจังหวัดเชียงใหม่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อบจเชียงใหม่ #พรรคประชาชน