ปชน.ปราศรัยใหญ่ อบจ.มุกดาหาร ปลุกชาวมุก กาเพื่อเปลี่ยน เลือกนายก อบจ.- ส.อบจ.พรรคประชาชนยกทีม บริหารงบ 1,300 ล้านยกระดับคุณภาพชีวิต ลั่น อบจ. ไม่ใช่ลูกน้องรัฐบาล ถึงเวลาปักหมุดการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่เอาชนะใจประชาชนด้วยนโยบาย
วันที่ 28 มกราคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองมุกดาหาร พรรคประชาชนเปิดเวทีปราศรัยรณรงค์การเลือกตั้ง อบจ.มุกดาหาร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งพรรคประชาชนส่ง สุพจน์ สุอริยพงษ์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.มุกดาหาร เบอร์ 1 พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.อบจ. 24 เขต โดยมีทั้งแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมการปราศรัยและพบปะประชาชนในวันนี้อย่างคับคั่ง
ในส่วนของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่าที่ผ่านมาตนได้มาที่มุกดาหารหลายครั้งเพื่อมาดูงานและศึกษาปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการแพทย์ทางไกล ปัญหาน้ำเพื่อการเกษตร ปัญหาที่ดิน ปัญหาการค้าชายแดน และยังมีอีกหลายเรื่องที่รอการตัดสินใจของชาวมุกดาหารว่าจะเอาอย่างไรกับอนาคตของลูกหลาน ซึ่งตนมั่นใจอย่างยิ่งว่าทุกนโยบาย สุพจน์และทีม ส.อบจ. ของพรรคประชาชนจะเข้าไปผลักดันจนเป็นผลสำเร็จได้
ที่ตนมั่นใจเพราะตอนนี้พรรคประชาชนเป็นพรรคเดียวในสภาฯ ที่เสนอกฎหมายเปลี่ยนประเทศมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน การกระจายอำนาจ การศึกษา การปฏิรูปกองทัพยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร แต่อีกหลายปัญหาลำพังการทำงานในสภาไม่เพียงพอ เช่น แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เป็นปัญหาที่หลายคนมองว่าเกิดขึ้นจากการอยู่นอกพื้นที่ชลประทานซึ่งต้องรองบประมาณจากกรมชลประทานลงมา แต่สำหรับตนแล้วไม่ใช่ กว่ากรมชลประทานจะของบแล้วสร้างเสร็จต้องใช้เวลาหลายปี แต่กลไกที่แก้ไขปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรได้เลยคือนายก อบจ.
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล มาจนเป็นพรรคประชาชน สิ่งหนึ่งที่พวกเราสื่อสารอย่างชัดเจนมาโดยตลอดก็คือพวกเราตั้งใจเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ประชาชนทุกคน การชนะการเลือกตั้ง การได้ตำแหน่ง นายก อบจ. ส.อบจ. หรือ สส. ในสภา เป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เรามีอำนาจสร้างการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ และเราต้องการทำงานการเมืองระยะยาว มีความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา มั่นคงในเป้าหมายในหลักการ
ซึ่งสุพจน์คือคนที่มีคุณสมบัติครบทุกด้านข้างต้น ทำงานรับใช้ประชาชนมาโดยตลอด มีประสบการณ์ทำงานตรงในฝ่ายบริหารของ อปท. มาก่อน มีความมั่นคง ยึดหลักการตรงไปตรงมา เมื่อครั้งสมัยคณะก้าวหน้า ชาวมุกดาหารมอบความไว้วางใจให้เป็นอันดับ 3 ต่อมาการเลือกตั้งปี 2566 สุพจน์ได้ลงเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกลในเขต 1 ซึ่งชาวมุกดาหารได้มอบความไว้วางใจให้เป็นอันดับ 2 แต่จะแพ้กี่สนามสุพจน์ก็ไม่เคยท้อถอย ถือเป็นความพ่ายแพ้เล็กๆ แต่เป้าหมายนั้นยิ่งใหญ่กว่า คนแบบนี้คือคนที่จะเข้ามาเป็นผู้แทน เป็นปากเสียงแก้ไขปัญหาให้ชาวมุกดาหารได้จริงๆ
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกทั้ง อบจ. และ ส.อบจ. โดยหน้าที่ของ ส.อบจ. ที่สำคัญคือการผ่านงบประมาณในสภา อบจ. นั่นเท่ากับว่านายก อบจ. ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ แต่ต้องใช้คนที่ผลักดันนโยบายร่วมกันไปในทิศทางเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน ดังนั้นจึงต้องกาพรรคประชาชนทั้งสองใบ
“การเลือกตั้งสี่วันต่อจากนี้ ปากกาในมือของทุกคนมีมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท หรือก็คืองบประมาณของ อบจ.มุกดาหาร 4 ปีต่อจากนี้ การตัดสินใจกาของทุกท่านจะเป็นการตัดสินใจว่าเงินภาษีของทุกคนจะถูกใช้จ่ายอย่างไร ไม่มีใครสามารถปกป้องเงินภาษีของทุกท่านได้นอกจากประชาชนทุกคน ช่วยกันเปลี่ยนมุกดาหารให้เป็นบ้านแห่งความสุขสำหรับทุกคนไปด้วยกัน” ณัฐพงษ์กล่าว
จากนั้น สุพจน์ สุอริยพงษ์ ผู้สมัครนายก อบจ. เบอร์ 1 พรรคประชาชน กล่าวว่าชาวมุกดาหารมี 350,000 คน แต่คนมุกดาหารที่อยู่บ้านมีแค่ 280,000 คน ที่เหลือคือลูกหลานที่ไปเรียนหนังสือ และอีกส่วนหนึ่งไปทำงานต่างจังหวัด นี่คือสิ่งที่ทำให้ตนมีความมุ่งมั่นว่าต้องทำให้คนมุกดาหารกลับมาอยู่บ้านให้ได้
นโยบายของตน จะทำให้มุกดาหารปากท้องดี คุณภาพชีวิตดี มีความสุข มุกดาหารเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพไม่น้อยหน้าจังหวัดไหน แต่ 10 กว่าปีที่ผ่านมาจังหวัดอื่นนำหน้าไปแล้ว เราต้องช่วยกันฟื้นมุกดาหารให้ก้าวหน้ากว่าเดิม เช่นด้านการท่องเที่ยว คนมาเที่ยวมุกดาหารประมาณ 1 ล้านคนต่อปี แต่คนพักที่มุกดาหารมีแค่ 40% ในขณะที่นครพนมมีคนมาเที่ยวประมาณ 1.5 ล้านคน พักที่นครพนมกว่า 70% ดังนั้นต้องทำให้คนมาใช้เงินและทำกิจกรรมที่มุกดาหาร ให้ประชาชนมีปากท้องดีขึ้น�.�ที่สำคัญ 80% ของชาวมุกดาหารเป็นเกษตรกร สิ่งที่ต้องการคือน้ำเพื่อการเกษตร นโยบายสำคัญของเราคือการเพิ่มแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร “ลดแล้งด้วยบ่อทั้งร้อย” ให้มีน้ำใช้ทั่วนาทั่วไร่ด้วยแหล่งน้ำจากบ่อบาดาลปีละ 100 บ่อ และเปลี่ยนศูนย์สูบน้ำที่ใช้ไฟฟ้ามาเป็นพลังงานโซลาร์เซลล์เพื่อลดรายจ่ายเกษตรกร นอกจากนั้นต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น ระบบสาธารณสุข วันนี้มี รพ.สต. อยู่ในสังกัดของ อบจ. แต่สิ่งที่เราเห็นคือเจ้าหน้าที่มีไม่ครบ ทำให้ไม่สามารถบริการประชาชนได้เต็มกำลัง เรื่องแรกที่ต้องทำทันทีคือเติมคนให้ รพ.สต. ครบตามกรอบที่มีอยู่�.�ตนมีความพร้อม เคยเป็นทั้งนายก อบต. นายกเทศมนตรี และรองนายก อบจ. ดังนั้นพร้อมทำงานทันที และพรรคประชาชนยังส่งผู้สมัคร ส.อบจ. ครบทั้ง 24 เขต ถ้าพวกเราได้เข้าไปทำงาน จะทำตามนโยบายที่ให้ไว้ ทุกนโยบายได้รับฟังพี่น้องจากทุกพื้นที่และศึกษาข้อบัญญัติงบประมาณย้อนหลัง 5 ปีให้เห็นว่ามีงบประมาณทำได้จริง ดังนั้นวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ถึงเวลาต้องช่วยกันเปลี่ยน กำหนดอนาคตของจังหวัด มาช่วยกันทำให้มุกดาหารเป็นบ้านแห่งความสุขไปด้วยกัน�.�ด้านปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียง กล่าวว่า ประชาธิปไตยคืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ประชาชนไม่ได้มีอำนาจแค่ช่วงหย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่ยังสามารถตรวจสอบ เรียบร้อง วิจารณ์ ถอดถอนนักการเมืองได้ ไม่ใช่ยกอำนาจให้นักการเมืองไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ประชาธิปไตยจึงไม่ใช่ “คณาธิปไตย” ที่คนกลุ่มหนึ่งเอาอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้กันเองให้เป็นประโยชน์แก่พวกพ้อง แบ่งสรรปันส่วนในครอบครัวตัวเอง�.�วันที่ 1 กุมภาพันธ์ นอกจากเป็นการเลือกคนมาบริหารงบประมาณของ อบจ.มุกดาหาร เพื่อนำมาจัดทำบริการสาธารณะที่เกิดประโยชน์สูงสุดคืนแก่คนมุกดาหาร ยังเป็นโอกาสที่คนมุกดาหารจะได้เลือกระหว่างการเมืองท้องถิ่นแบบเดิมกับแบบใหม่ การเมืองท้องถิ่นแบบเดิมคือการเมืองท้องถิ่นของครอบครัว ซึ่งอาจจะดี ประสบความสำเร็จในบางช่วงเวลา แต่วันนี้พรรคประชาชนกำลังเสนอทางเลือกใหม่ คือการเมืองท้องถิ่นของประชาชนคนมุกดาหาร
การเมืองคือเรื่องของคนทุกคน คือการตัดสินใจว่าจะเอาเงินของเราไปทำอะไรเพื่อสร้างสวัสดิการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การเมืองสำคัญขนาดนี้ เราจึงไม่สามารถอนุญาตให้การเมืองกลายเป็นเรื่องของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่ใช่วันนี้สามีเป็น พรุ่งนี้ภรรยาเป็น วันหนึ่งส่งให้น้อง วันหนึ่งส่งให้พี่ ส่งให้ลูก ส่งให้หลานเป็น การเมืองท้องถิ่นแบบนี้ถึงเวลาต้องจบได้แล้ว ถึงเวลาที่การเมืองต้องเอาชนะใจประชาชนกันที่นโยบาย ไม่ใช่เมื่อต้องการได้คะแนนเสียง ก็มุ่งสร้างอิทธิพลผ่านเครือข่ายกลไกรัฐ ผ่านอิทธิพลเงินทอง แม้มีนักการเมืองคนไหนเอาเงินมาแจก วันหนึ่งเมื่อได้อำนาจรัฐเขาคงจะเอาคืนแน่ จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราเปลี่ยนมาดูที่นโยบาย ถ้ามุกดาหารมีน้ำประปาสะอาดดื่มได้ทั่วทั้งจังหวัด จะมีคุณค่ามากกว่าเงินที่ใช้แล้วหมดไปแน่นอน
�บางพรรคการเมืองมีผู้ช่วยหาเสียงกิตติมศักดิ์ พรรคการเมืองเหล่านั้นส่งผู้สมัคร อบจ. หลายที่ภายใต้แคมเปญที่ต้องการให้นายก อบจ. เป็นพวกเดียวกับเขา เพื่อจะได้ประสานงานแบบไร้รอยต่อ นี่คือวิธีคิดที่มององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นลูกน้องของรัฐบาล แต่ตนต้องยืนยันว่าที่นี่ อบจ. มุกดาหาร ไม่ใช่กระทรวงมุกดาหารของรัฐบาล การกระจายอำนาจตามหลักการ รัฐบาลควรทำหน้าที่สนับสนุนส่งเสริม ไม่ใช่บังคับบัญชาสั่งการ เพราะ อบจ. มีความเป็นอิสระทางอำนาจ งบประมาณ บุคลากร ไม่ใช่ลูกน้องรัฐบาล ไม่ใช่กลไกเหมือนกระทรวง อบจ.มุกดาหารเลือกโดยคนมุกดาหารและจะทำงานให้คนมุกดาหาร �.�แผ่นดินอีสานมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ ความเจริญต่างๆ ในอดีตหลายร้อยปีเคยอยู่ที่นี่ แต่แล้วมีช่วงเวลาหนึ่งที่ถูกดึงอำนาจไปไว้ส่วนกลาง ถึงเวลาต้องทวงคืนอำนาจกลับมาที่มุกดาหาร 1 กุมภาพันธ์ถือเป็นหมุดหมายเริ่มต้นทวงคืนอำนาจกลับมาไว้ที่มุกดาหาร ถ้าพี่น้องต้องการเห็นมุกดาหารแบบใหม่ เห็นเงินภาษีเอาไปใช้อย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เห็นการบริหารอย่างโปร่งใส เห็นน้ำประปาสะอาดดื่มได้ ต้องเริ่มต้นด้วยการกาหมายเลข 1 ส่งสุพจน์เป็นนายก อบจ.มุกดาหาร
ในส่วนของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ระบุว่างบประมาณของ อบจ. มุกดาหารปีละกว่า 300 ล้านบาท รวมกัน 4 ปีราว 1,300 ล้านบาท เราเชื่อว่าถ้ามีการบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทภาพ โปร่งใส ไม่ทุจริต เราจะสร้างมุกดาหารที่ดีกว่านี้ให้ประชาชนได้
หลายปีที่ผ่านมาตนมีโอกาสมามุกดาหารหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ ต.โพนทราย ที่คณะก้าวหน้าได้ทำงานด้วยกันกับ อปท. ร่วมจัดการขยะ ทำโครงการคัดแยกขยะที่ต้นทาง ทำมา 3 ปีเงินที่ได้นำไปเก็บไว้ในกองทุนฌาปนกิจ ลดขยะที่นำไปทิ้งในบ่อขยะได้เดือนละ 25 ตัน จนถึงวันนี้ลดขยะไปแล้ว 700 ตัน ขยะที่เอาไปขายได้ 3.5 ล้านบาท มาที่ ต.หนองแคน คณะก้าวหน้าทำงานร่วมกับนายก อปท. เรื่องการแพทย์ทางไกลหรือ “หมอตู้” ประชาชนสามารถตรวจสัญญาณชีพสำคัญ ส่งข้อมูลไปที่โรงพยาบาล ส่งยามาถึงหน้าบ้าน ข้อมูลถูกเก็บไว้ในคลาวด์เป็นระเบียนเวชดิจิทัลที่สามารถดูย้อนหลังได้ ประชาชนไม่ต้องไปแออัดที่โรงพยาบาล นี่คือสิ่งที่เราทำสำเร็จมาแล้วที่มุกดาหาร
ธนาธรกล่าวต่อไปว่านโยบายของสุพจน์มีตั้งแต่การพัฒนาระบบรถเมล์ในมุกดาหาร เชื่อมต่อ 7 อำเภอในมุกดาหารด้วย 2 เส้นทาง ต่อไปเดินทางข้ามอำเภอไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่ใช้รถเมล์ของ อบจ. ได้ ติดตามสายผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ ตั้งเป้าไว้ 400 ป้ายรถเมล์ เชื่อมโยงระหว่าง บขส. โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ว่าการอำเภอ ชุมชน และตลาดใหญ่เข้าหากัน ให้คนมีทางเลือกในการเดินทาง
การมีรถเมล์ดี มีน้ำประปาสะอาด มีการแพทย์ปฐมภูมิที่ดี มีการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรียกว่าความเจริญ อนาคตจังหวัดมุกดาหารจะเป็นอย่างไร อนาคตลูกหลานชาวมุกดาหารจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การตัดสินใจของทุกคน วันนี้ตนมาที่นี่เพื่อยืนยันกับทุกคนว่าถ้าให้ความไว้วางใจสุพจน์และผู้สมัคร ส.อบจ. ของพรรคประชาชนทั้งหมด พวกเขาจะไม่โดดเดี่ยว เพราะอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และแกนนำปัจจุบันของพรรคประชาชน จะมาช่วยกันใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะทางเหล่านี้มาพัฒนามุกดาหารร่วมกัน พรรคประชาชนมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมากมาย ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม การศึกษา รัฐบาลดิจิทัล การท่องเที่ยว เราพร้อมยืนข้างเดินร่วมทางผู้สมัครของเราทุกคน พร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของนายก อบจ. คนต่อไปจากพรรคประชาชน
“ทุกคนเอาแต่บ่นว่าทำไมการจัดเก็บขยะไม่ดี โรงพยาบาลแออัด น้ำประปาไม่มีคุณภาพ แต่กาเบอร์เดิมแล้วมันจะแก้ปัญหาได้อย่างไร 1,300 ล้านบาทมีคุณค่ามีความหมายและมาจากภาษีของทุกคน ไม่ได้หล่นลงมาจากท้องฟ้า มาทำให้ภาษีของพวกเรามีความหมาย ตอบสนองคุณภาพชีวิตของพวกเรา ทำให้ภาษีของพวกเราสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ สร้างจังหวัดที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป” ธนาธรกล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อบจประชาชน #อบจมุกดาหาร #พรรคประชาชน