วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568

กมธ.เด็กฯ เชิญมหาดไทย-ยุติธรรม-กทม. ถกความพร้อมจดทะเบียน “สมรสเท่าเทียม” วันแรก 23 ม.ค. “ครูธัญ” ชี้ควรเร่งปรับถ้อยคำในกฎหมายอื่นๆ ให้มีความเป็นกลางทางเพศ รองรับยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม

 


กมธ.เด็กฯ เชิญมหาดไทย-ยุติธรรม-กทม. ถกความพร้อมจดทะเบียน “สมรสเท่าเทียม” วันแรก 23 ม.ค. “ครูธัญ” ชี้ควรเร่งปรับถ้อยคำในกฎหมายอื่นๆ ให้มีความเป็นกลางทางเพศ รองรับยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม


วันที่ 9 มกราคม 2568 คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมโดยเชิญตัวแทนจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, กรุงเทพมหานคร, และกระทรวงยุติธรรม หารือเกี่ยวกับความพร้อมในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ในวันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลบังคับใช้พร้อมกันทั่วประเทศ


ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานกรรมาธิการกิจการเด็กฯ กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ตัวแทนจากกรุงเทพมหานครได้รายงานถึงการเตรียมความพร้อมในช่วงที่ผ่านมา การทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการสื่อสารต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ บทบัญญัติกฎหมายที่เปลี่ยนแปลง และคุณสมบัติของผู้ยื่นคำร้องที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศอีกต่อไป แต่มีการเปลี่ยนแปลงอายุจาก 17 ปีเป็น 18 ปี รวมถึงการเตรียมพื้นที่ให้เพียงพอเนื่องจากอาจมีผู้เข้ามาจดทะเบียนสมรสเป็นจำนวนมาก ขณะที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงเอกสารผู้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส จาก “สามี-ภริยา” เป็น “บุคคล” เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว 


ธัญวัจน์กล่าวต่อไปว่า ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้มีการส่งข้อสังเกตให้คณะรัฐมนตรีเร่งแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้มีถ้อยคำที่เป็นกลางทางเพศ เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และกฎหมายรับรองเพศคำนำหน้านาม เพื่อรับรองสิทธิของบุคคลหลากหลายทางเพศอย่างเท่าเทียม ทั้งในด้านการก่อตั้งครอบครัว การตั้งครรภ์ และการได้รับความคุ้มครองในกระบวนการยุติธรรม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎหมาย เผยแพร่ความรู้ และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ในอนาคต


ธัญวัจน์กล่าวด้วยว่า ถึงแม้ว่าในมาตรา 67 วรรคหนึ่งของการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะบัญญัติไว้ว่า บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อ้างถึงสามี ภริยา หรือสามีภรรยา ให้ถือว่าอ้างถึงคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วย ซึ่งเป็นมาตราที่อยู่ในร่างของพรรคก้าวไกลในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบทบัญญัติในบางกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายรัษฎากร พระราชบัญญัติสัญชาติ ที่กำหนดให้สามีและภริยาสิทธิไม่เท่ากัน 


ดังนั้น ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เพื่อพิจารณากฎหมายที่มีคำว่าสามีภรรยานั้นสามารถตีความให้หมายถึงคู่สมรสผู้มีความหลากหลายทางเพศได้หรือไม่ ซึ่งหากมีกฎหมายที่ต้องแก้ไขจะต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 180 วันนับจากวันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ ก่อนเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สมรสเท่าเทียม