“ประเสริฐ”
เปิดผลงาน “ดีอี” ลุยปราบโจรออนไลน์
เดินหน้าปิดกั้นโซเชียลมีเดีย-เพจ-เว็บไซต์ผิดกฎหมายไตรมาสแรก ปี 68 แล้วกว่า
52,691 รายการ
เพิ่มมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบเท่าตัว
วันที่
9 มกราคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ
เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ
ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือนตุลาคม –
ธันวาคม 2567 (ระยะเวลา 3 เดือน)
กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายแล้ว 52,691 รายการ หรือเฉลี่ย 17,564 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 0.69 เท่าตัว
จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม – ธันวาคม 2566)
ที่ปิดกั้น 31,154 รายการ หรือ เฉลี่ย 10,385 รายการต่อเดือน
สำหรับประเภทของการปิดกั้นในระยะเวลา
3 เดือน ( ตุลาคม – ธันวาคม 2567) มีดังนี้
พนันออนไลน์ จำนวน 14,010 รายการ เพิ่มขึ้น 0.163 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่มีจำนวน 12,045 รายการ , บิดเบือน/หลอกลวงออนไลน์
จำนวน 22,826 รายการ เพิ่มขึ้น 1.287
เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่มีจำนวน 17,750 รายการ , อื่นๆ
จำนวน 15,855 รายการ เพิ่มขึ้น 10.66
เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ตุลาคม – ธันวาคม 2566) ที่มีจำนวน 1,359 รายการ
“จากการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง
ตรวจสอบติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
ทำให้สถิติการปิดกั้นมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวของปีงบประมาณก่อนหน้า
พร้อมกันนี้กระทรวงดีอี ยังได้ติดตามตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายในการระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์
ภายหลังจากที่แจ้งคำสั่งศาลไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
และแพลตฟอร์มทราบแล้วด้วย เพื่อให้การปิดกั้นเว็บไซต์เป็นไปตามคำสั่งศาล
โดยหากกรณีที่ยังพบเว็บไซต์บางรายการที่ยังไม่ปิดกั้น ระงับการเผยแพร่
ถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
ซึ่งหากพบการฝ่าฝืนดังกล่าว กระทรวงฯ จะนำผลการตรวจสอบการไม่ระงับ ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
แพลตฟอร์มด้วยระบบการจัดเก็บทางคอมพิวเตอร์ ไปทำการปรับพินัยฐานไม่ปิดเว็บผิดกฎหมายต่อไป”
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว