ข่าวดี
“รังสิมันต์ โรม” เฮ! หลังศาลพิพากษา “ยกฟ้อง” คดีหมิ่น อดีตสว.อุปกิต ระบุ ทำด้วยสุจริต
ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ยืนยันเรื่องเอกสิทธิ์และหน้าที่ของ สส.
วันนี้
(31 มกราคม 2568) ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่
พ.5365/2566 ระหว่างนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โจทก์
และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน จำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท
โดยโจทก์ฟ้องโดยสรุปว่า
จำเลยโพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กผ่านบัญชีผู้ใช้งานของจำเลย กล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้สมคบค้ายาเสพติด
และขณะนี้พ้นสมัยประชุมวุฒิสภาแล้ว
ไม่ทราบว่าโจทก์เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนแล้วหรือยัง
การกระทำของจำเลย
เป็นการจงใจกล่าวหาโจทก์
ในลักษณะใส่ความด้วยข้อความเท็จซึ่งผิดต่อกฎหมายว่าโจทก์เป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ระบาดในสังคม
ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง
ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลที่ได้ฟังคำกล่าวหาของจำเลยและเชื่อในสิ่งที่จำเลยพูดและเขียนว่าเป็นความจริง
จำเลยจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย
ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน
20,000,000
บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ด้าน
รังสิมันต์ โรม ให้การว่า ตนกระทำไปในฐานะสส.
ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองและหน่วยงานราชการโดยมีเจตนาสุจริตและเพื่อประโยชน์สาธารณะไม่ได้กระทำละเมิด
จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า
ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
ศาลสืบพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว
คดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา โดยศาลมีคำพิพากษาโดยสรุปได้ว่า
เห็นว่าในประเด็นแรก ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำฟ้องโจทก์มีรายละเอียดครบถ้วน
โดยระบุข้อกล่าวหาว่าจำเลยเผยแพร่ข้อความและกระทำการใดที่ส่งผลต่อโจทก์อย่างไรพร้อมแนบหลักฐานชัดเจน
เช่น บันทึกถ้อยคำและโพสต์ในสื่อออนไลน์ คำฟ้องจึงไม่ครอบคลุม
ในประเด็นที่ว่า
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่า
จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
และโพสต์ข้อความบนสื่อออนไลน์และให้สัมภาษณ์สื่อ
โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าพนักงานตำรวจและเอกสารที่ชี้ว่า
โจทก์มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และโจทก์ถูกแจ้งข้อหาในคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติด
ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
และจำเลยจะยืนยันข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แล้ว
ถือว่าจำเลย เชื่อโดยมีมูลอันควรเชื่อว่าเป็นความจริง
เนื่องจากมีการดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ตามที่จำเลยได้พูดจริง
และโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าว ประกอบกับโจทก์ขณะนั้นดำรงตำแหน่งสว.
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ในสายตาของสาธารณะ
การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานโดยสุจริตย่อมเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้
จำเลยกระทำในฐานะสส. ที่มีสิทธิตรวจสอบการทำงานของสว.
และวิพากษ์วิจารณ์เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
จำเลยจึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนทราบถึงข้อเท็จจริง
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริตหรือมีเจตนาชั่วร้ายประกอบกับข้อความที่จำเลยกล่าวและเผยแพร่มีมูลความจริงและสอดคล้องกับหลักฐานในคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง
โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งหรือใส่ร้ายโจทก์โดยไม่มีมูล
การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำหน้าที่สส. ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของสส.พึงกระทำ และจำเลยกระทำไปด้วยความสุจริต มิใช่กระทำในเรื่องส่วนตัว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ ศาลพิพากษายกฟ้อง
ภายหลังที่ศาล “ยกฟ้อง” รังสิมันต์ โรม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า
“ข่าวดีวันนี้
ศาลยกฟ้องคดีที่อดีต สว.อุปกิต ฟ้องผมในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
สืบเนื่องจากการอภิปรายของผมในสภา และการเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าวในโลกออนไลน์
ศาลยืนยันในเรื่องเอกสิทธิ์ของ สส. ในการอภิปรายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
และตรวจสอบรัฐบาลและยืนยันว่า การเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนรับรู้รับทราบในปัญหาดังกล่าว
เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ สส. ด้วย”