วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

ข่าวดี “รังสิมันต์ โรม” เฮ! หลังศาลพิพากษา “ยกฟ้อง” คดีหมิ่น อดีตสว.อุปกิต ระบุ ทำด้วยสุจริต ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ยืนยันเรื่องเอกสิทธิ์และหน้าที่ของ สส.

 


ข่าวดี “รังสิมันต์ โรม” เฮ! หลังศาลพิพากษา “ยกฟ้อง” คดีหมิ่น อดีตสว.อุปกิต ระบุ ทำด้วยสุจริต ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ยืนยันเรื่องเอกสิทธิ์และหน้าที่ของ สส.


วันนี้ (31 มกราคม 2568) ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ พ.5365/2566 ระหว่างนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โจทก์ และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน จำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท


โดยโจทก์ฟ้องโดยสรุปว่า จำเลยโพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กผ่านบัญชีผู้ใช้งานของจำเลย กล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้สมคบค้ายาเสพติด และขณะนี้พ้นสมัยประชุมวุฒิสภาแล้ว ไม่ทราบว่าโจทก์เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนแล้วหรือยัง


การกระทำของจำเลย เป็นการจงใจกล่าวหาโจทก์ ในลักษณะใส่ความด้วยข้อความเท็จซึ่งผิดต่อกฎหมายว่าโจทก์เป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ระบาดในสังคม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลที่ได้ฟังคำกล่าวหาของจำเลยและเชื่อในสิ่งที่จำเลยพูดและเขียนว่าเป็นความจริง จำเลยจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย


ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 20,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ


ด้าน รังสิมันต์ โรม ให้การว่า ตนกระทำไปในฐานะสส. ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองและหน่วยงานราชการโดยมีเจตนาสุจริตและเพื่อประโยชน์สาธารณะไม่ได้กระทำละเมิด จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง


ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่


ศาลสืบพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว คดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา โดยศาลมีคำพิพากษาโดยสรุปได้ว่า เห็นว่าในประเด็นแรก ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำฟ้องโจทก์มีรายละเอียดครบถ้วน โดยระบุข้อกล่าวหาว่าจำเลยเผยแพร่ข้อความและกระทำการใดที่ส่งผลต่อโจทก์อย่างไรพร้อมแนบหลักฐานชัดเจน เช่น บันทึกถ้อยคำและโพสต์ในสื่อออนไลน์ คำฟ้องจึงไม่ครอบคลุม


ในประเด็นที่ว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่า จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และโพสต์ข้อความบนสื่อออนไลน์และให้สัมภาษณ์สื่อ โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าพนักงานตำรวจและเอกสารที่ชี้ว่า โจทก์มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และโจทก์ถูกแจ้งข้อหาในคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี และจำเลยจะยืนยันข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แล้ว ถือว่าจำเลย เชื่อโดยมีมูลอันควรเชื่อว่าเป็นความจริง เนื่องจากมีการดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ตามที่จำเลยได้พูดจริง และโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าว ประกอบกับโจทก์ขณะนั้นดำรงตำแหน่งสว. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ในสายตาของสาธารณะ


การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานโดยสุจริตย่อมเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้ จำเลยกระทำในฐานะสส. ที่มีสิทธิตรวจสอบการทำงานของสว. และวิพากษ์วิจารณ์เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน


จำเลยจึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนทราบถึงข้อเท็จจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริตหรือมีเจตนาชั่วร้ายประกอบกับข้อความที่จำเลยกล่าวและเผยแพร่มีมูลความจริงและสอดคล้องกับหลักฐานในคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งหรือใส่ร้ายโจทก์โดยไม่มีมูล


การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำหน้าที่สส. ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของสส.พึงกระทำ และจำเลยกระทำไปด้วยความสุจริต มิใช่กระทำในเรื่องส่วนตัว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ ศาลพิพากษายกฟ้อง


ภายหลังที่ศาล “ยกฟ้อง” รังสิมันต์ โรม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า


“ข่าวดีวันนี้ ศาลยกฟ้องคดีที่อดีต สว.อุปกิต ฟ้องผมในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา สืบเนื่องจากการอภิปรายของผมในสภา และการเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าวในโลกออนไลน์ ศาลยืนยันในเรื่องเอกสิทธิ์ของ สส. ในการอภิปรายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และตรวจสอบรัฐบาลและยืนยันว่า การเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนรับรู้รับทราบในปัญหาดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ สส. ด้วย”


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รังสิมันต์โรม #สวอุปกิต #สวทรงเอ