สส.ภูเก็ต
ปชน. ย้ำภูเก็ตไปได้ไกลกว่านี้ รัฐบาลต้องกระจายอำนาจ ฝากการบ้านนายกฯ
จัดการนายทุนบุกรุกป่า–ขยะล้นเมือง หวังเห็นแผนพัฒนาชัดเจน ไม่ใช่แค่คำพูดวนลูป
วันที่
10 มกราคม 2568 เฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต เขต 2
พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไป จ.ภูเก็ต
เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) ว่าตนคาดหวังว่านายกฯ
จะพูดถึงปัญหาหลักๆ ของจังหวัดภูเก็ตอย่างรอบด้าน เพราะไหน ๆ
ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ไม่ได้เข้าสภาไปชี้แจงตอบกระทู้ นายกฯ เน้นย้ำเรื่องการยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้รองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยว
อยากให้เป็น premium destination การปราบปรามผู้มีอิทธิพล
การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น การแก้ปัญหาจราจร และเรื่องการจัดการน้ำในพื้นที่
แน่นอนว่าการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของจังหวัดภูเก็ตมาตลอด
เป็นเศรษฐกิจหลักของจังหวัด
และตนเห็นด้วยอย่างมากถ้าในอนาคตภูเก็ตจะสามารถรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวได้มากกว่านี้
ในโอกาสนี้จึงขอเสริมประเด็นให้นายกฯ กลับไปทำการบ้านมากกว่านี้
หากมีความตั้งใจจริงที่จะยกระดับพัฒนาจังหวัดภูเก็ตจริงๆ
วันนี้ภูเก็ตเต็มไปด้วยมาเฟียชาวต่างชาติ
แน่นอนตนคิดว่านายกฯ ตระหนักดีถึงได้พูดถึงเรื่องของ “ผู้มีอิทธิพล” ในพื้นที่
การส่งสัญญาณแบบนี้เป็นเรื่องที่ดี
แต่ก็คาดหวังว่าจะมีความจริงจังมากกว่าแค่การมอบนโยบาย
เพราะการมีอิทธิพลของบุคคลเหล่านี้เกิดขึ้นและคงอยู่เพราะการปล่อยปละละเลยของผู้มีอำนาจและผู้บังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่นเอง
ที่อาจจะมีส่วนรับผลประโยชน์กับมาเฟียเหล่านี้ด้วย
ถ้าไม่จัดการปัญหานี้ให้ไปถึงจุดนี้ ปัญหามาเฟียแก้ไม่ได้
นายกฯ
ยังพูดถึงปัญหาจราจร
เป็นสัญญาณที่บอกว่ารัฐบาลตระหนักดีว่าภูเก็ตวันนี้กำลังช้ำจากปัญหารถติด
ด้านหนึ่งปัญหามาจากการมีถนนหลักแค่สายเดียว
อีกด้านหนึ่งคือการไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ
เรื่องนี้ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจภูเก็ตเคยเสนอทำระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่มานานแล้ว
แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง ท้องถิ่นที่ควรมีอำนาจทำได้ก็ติดปัญหากฎหมายปัจจุบัน
พอเราเสนอแก้กฎหมายให้ท้องถิ่นทำขนส่งสาธารณะเองได้ ฝ่ายท่านก็ปัดตก
ถ้าจะจัดการปัญหารถติดจริงๆ รัฐบาลควรคำนึงถึงปัจจัยนี้ด้วย
เฉลิมพงศ์กล่าวต่อว่า
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอีกจำนวนหนึ่งที่นายกฯ ไม่ได้พูดถึง ขอยกมา 2 เรื่องหลักๆ
ประเด็นแรกคือเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าโดยนายทุน ภูเก็ตไม่ได้มีแค่พื้นที่ชายหาด
เมือง และสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
แต่ยังมีเขตป่าเขาและพื้นที่อุทยานแห่งชาติอยู่ด้วย
ซึ่งที่ผ่านมามีนายทุนเข้าไปบุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้างมากมาย
เรื่องนี้จัดการได้ถ้ารัฐระดมทรัพยากรและเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการอย่างจริงจัง
ตนขอฝากเรื่องนี้ด้วย
ประเด็นที่สอง
คือการจัดการขยะ ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ปริมาณการผลิตขยะมีจำนวนมาก
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าทั้งจังหวัดภูเก็ตมีเตาเผาขยะรองรับแค่เตาเดียว
เรื่องเตาได้มาตรฐานในการกำจัดขยะอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่นั้นไม่ต้องพูดถึง
ถ้าท่านอยากขยายศักยภาพให้ภูเก็ตรองรับการท่องเที่ยวจริง
เรื่องนี้ท่านละเลยไม่ได้เด็ดขาด
สส.ภูเก็ตเขต
2 กล่าวอีกว่า โดยภาพรวม
ผมเห็นด้วยกับการขยายศักยภาพของภูเก็ตให้รองรับการท่องเที่ยวมากขึ้น
แต่ยังไม่เชื่อว่านายกฯ
ได้พูดถึงปัญหาและอุปสรรคในการขยายศักยภาพของภูเก็ตได้อย่างครอบคลุมหรือตรงจุดจริงๆ
จึงขอเพิ่มเติมประเด็นเหล่านี้ให้นายกฯ และรัฐบาลนำไปคิดต่อ ตนไม่เชื่อว่าการลงพื้นที่วันเดียว
ฟังสรุปจากข้าราชการและแถลงประเด็นอย่างที่นายกฯ ทำนั้น
จะสามารถยกระดับภูเก็ตได้จริง ที่ผ่านมารัฐบาลก่อนหน้าก็ทำแบบนี้
จะเกิดรูปธรรมได้ท่านต้องมีแผน
มีโรดแม็ป
และมีการจัดสรรงบประมาณที่ทำให้เราเห็นภาพได้ว่าจะเกิดอะไรเป็นรูปธรรมบ้าง
ตนจะรอดูว่าในอนาคตจะเกิดแผนเหล่านี้ โครงการพัฒนา
หรือการจัดสรรงบประมาณแบบนี้หรือไม่ หรือแค่มาประชุม ฟังสรุป พูด
แล้วก็หายไปเหมือนที่ผ่านมา แล้วปีหน้าก็ค่อยมาลงพื้นที่ประชุม ฟังสรุป
แล้วก็พูดใหม่อีกครั้ง วนลูปไปแบบนี้อีกนานเท่านาน
เฉลิมพงศ์
กล่าวว่า สุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือการกระจายอำนาจ
อย่างที่เกริ่นถึงไปข้างต้นเรื่องระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ
นั่นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ชาวภูเก็ตภาคส่วนต่างๆ มีความคิดมานานแล้ว
แต่ด้วยระบบกฎหมายกลไกราชการปัจจุบัน การจะริเริ่มอะไรได้ต้องได้รับการอนุมัติจากส่วนกลาง
นี่คือปัญหาหนึ่งที่ภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศเผชิญอยู่
ซึ่งตนไม่เชื่อว่าส่วนกลางจะรู้ดีกว่าคนภูเก็ตว่าภูเก็ตต้องการอะไร
นี่คือจุดบอดของประเทศไทยมาเป็นเวลานานแล้ว อะไรๆ ก็ต้องรอส่วนกลางอนุญาตอนุมัติ
หากมีการกระจายอำนาจและงบประมาณให้ภูเก็ต
ตนเชื่อว่าภูเก็ตจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้มาก ไกลกว่าสิ่งที่นายกฯ
สรุปมาเมื่อวานนี้หรือแม้แต่สิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมดข้างต้นด้วยซ้ำ
การกระจายอำนาจจะเป็น end
game ที่จะทำให้ภูเก็ตไปไกลได้มากกว่านี้
หากอนาคตของภูเก็ตได้มาอยู่ในมือของคนภูเก็ตจริง ๆ