ธิดา
ถาวรเศรษฐ : ปัจจุบันประชาชนก้าวหน้ากว่าพรรคการเมือง
ถ้าพรรคที่เคยเลือกไม่ก้าวหน้าพอ พร้อมทิ้ง!!! ไปเลือกพรรคใหม่ที่สอดคล้องกว่า
[ถอดเทป] จากรายการ MatiTalk
มติชนสุดสัปดาห์
เผยแพร่เมื่อวันที่
3 ม.ค. 2568
ลิ้งค์ยูทูป
: https://www.youtube.com/watch?v=FcckB_9Mfmo&t=2s
วิวัฒนาการหรือพลวัตรของมวลชน เมื่อก่อนเหลือง/แดง
แล้วตอนนี้มวลชนเป็นอย่างไร? ให้อาจารย์มองสภาพมวลชน?
คือถ้าพูดสี
มันคือพรรคการเมือง
แต่ถ้าพูดในขบวนการประชาชนก็คือจิตวิญญาณของประชาชนที่ต้องการสิทธิ เสรีภาพ
ความเท่าเทียม ความยุติธรรม พูดง่าย ๆ ว่าต้องการระบอบประชาธิปไตยแบบสากล
ก็คือยังดำรงอยู่ ที่คุณถามว่าเปลี่ยนไปมั้ย? ยังเหมือนเดิม แต่ว่าในวิถีทางคือการต่อสู้ประชาชนนั้นมี
2 ขา ขาหนึ่งก็คือนอกรัฐสภา อาจจะอยู่บนท้องถนนก็ได้
อยู่บนเวทีอภิปรายอะไรก็ได้ แต่อีกขาหนึ่งมันอยู่ในรัฐสภา ถ้าเราพูดสี
ก็แปลว่าเราพูดเฉพาะเวทีรัฐสภา แต่ในความคิดของอาจารย์ ประชาชนมันยังเหมือนเดิม
แต่ว่าเวลาเลือกตั้งเขาก็อาจจะไปเลือก ซึ่งอย่างที่บอกว่าระบบอุปถัมภ์มันยังดำรงอยู่นะ
เวลาเราพูดทั้งประเทศมันเป็นโครงสร้างชั้นบนระดับประเทศ
แต่ในสังคมหมู่บ้าน สังคมต่างจังหวัด
ระบบอุปถัมภ์ซึ่งมันเป็นเครื่องมือสำคัญของระบอบอำมาตย์ฯ มันยังดำรงอยู่
และมันดำรงอยู่ในระบบราชการทั้งมวล
มันดำรงอยู่ในหน่วยงานที่ไม่ได้มีการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งหมด
มันยังใช้ระบบอุปถัมภ์อยู่ ในต่างจังหวัดก็เหมือนกัน ดังนั้น
หมายถึงว่าถ้าในภาพรวมทั้งประเทศ
กระแสของประชาชนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยยังเหมือนเดิม แล้วก็ดีขึ้น
แต่ว่าในพื้นที่ซึ่งอาจจะมีความเกรงใจกัน
มีระบบอุปถัมภ์กัน พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามองในเวทีรัฐสภา ในท้องถิ่น
ระบบบ้านใหญ่และสส.เขตยังดำรงอยู่ เพราะว่าระบบอุปถัมภ์และเงินมันยังมีอิทธิพล
แต่ว่าการใช้บัตร 2
ใบ (ถ้าพูดในเวทีรัฐสภานะ) การใช้บัตร 2 ใบ
ทำให้อีกใบหนึ่งเขาสามารถแสดงเจตจำนงทางการเมืองได้
ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้พรรคก้าวไกลชนะมากขึ้น
เพียงแต่ว่าเขาต้องมาบุกในพื้นที่อบจ. ซึ่งยาก คุณจะดูว่าเขาแพ้เกือบหมด
เพราะระบบอุปถัมภ์ในท้องถิ่นมันยังมีดำรงอยู่
แต่ความแข็งแรงของความต้องการระบอบประชาธิปไตย อาจารย์ว่ามันมากขึ้น
และประชาชนเฉลียวฉลาดมากขึ้น แล้วสื่อออนไลน์ปัจจุบันการแสดงออกของเขา
เขาสามารถแสดงออกทางออนไลน์ได้ด้วย บางทีไม่จำเป็นต้องลงท้องถนน
ดังนั้น
การแสดงออกของประชาชนทั้งในการเลือกตั้ง ทั้งในการแสดงความเห็นในสื่อออนไลน์
มันก็แสดงออกว่าประชาชนยิ่งทวีความต้องการเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ในขณะเดียวกันระบอบอำมาตย์ฯ การใช้อำนาจการรัฐประหาร ในความคิดของอาจารย์นะ
มันได้แสดงความรุนแรง ปราบประชาชนปี 2553 ด้วย
แล้วก็มาจัดการกับเยาวชนด้วยเนี่ย พูดตรง ๆ
ว่าใช้อำนาจเถื่อนที่รุนแรงมากที่สุดแล้ว แต่มันก็เอาชนะใจประชาชนไม่ได้
ประชาชนมีแต่พัฒนาขึ้น นี่ไม่ได้พูดแบบ เดี๋ยวบางก็บอกเป็นเหมือนฝ่ายซ้ายนะ ก็คือประชาชนแข็งแรงขึ้น
แล้วก็ฝ่ายผู้ปกครองแย่ลง แต่เห็นมันยังมีอำนาจอยู่ตลอดนะ
แต่มันจริงนะ
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นการแสดงออกทางสื่อออนไลน์ พวกคอมเม้นท์ต่าง ๆ นะ
แล้วก็การหาเสียงเลือกตั้งมันก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเป็นท้องถิ่น
คุณทักษิณต้องใช้ระบบบ้านใหญ่ ก็คืออาศัยระบบอุปถัมภ์ในท้องถิ่น
แต่ระบบอุปถัมภ์ในระดับชาติมันจะลดบทบาทลง เพราะว่าการที่ประชาชนสามารถเป็นสื่อด้วยตัวเอง
มันทำให้จะไปทำอะไรกันเงียบ ๆ ที่คนไม่รู้มันไม่ได้แล้วนะ มันเห็นหมด
ถ้าไม่อยากตายจากประชาชนก็ต้องทำคล้าย ๆ แบบที่พรรคเพื่อไทย คุณประยุทธ์
ศิริพาณิชย์ ทำ คล้าย ๆ อย่างนั้น คือปฏิรูปกองทัพก็เอาด้วย แต่ว่าพรรคการเมืองเขาก็จะคิดอีกแบบหนึ่ง
ดังนั้น
ความขัดแย้งระหว่างระบอบอำมาตย์ฯ กับประชาชนยังดำรงอยู่
แต่ประชาชนตอนนี้มันเติบโตมากกว่าเก่าเยอะ
แล้วมันมีทางเลือกก็คือมีพรรคการเมืองทางเลือก
แสดงว่าประชาชนก้าวหน้ากว่าพรรคการเมือง ถ้าพรรคการเมืองที่มีอยู่
แล้วเคยเลือกตั้ง ไม่ก้าวหน้าพอ เขาก็จะทิ้ง
เขาก็จะไปเลือกพรรคใหม่ที่สอดคล้องกับเขามากกว่า
แต่ว่าถ้าหากว่าเขายังทำแบบเดิมอีก นี่เราพูดอย่างว่าฝั่งอนุรักษ์นี่ฉลาดแล้วนะ
ก็คือมาดึงคุณทักษิณเข้ามา แต่ถ้าเกิดบางทีไม่ฉลาด ใช้วิธีแบบเดิม
เช่นการทำรัฐประหารแบบเดิม อาจารย์ว่าประชาชนเขาสู้นะ เที่ยวนี้เขาสู้
อาจารย์อยากให้ฝั่งจารีตนี่ฉลาด
แต่ว่าฉลาดแบบที่ว่าเหมือนฝั่งจารีตในประเทศอื่นนะ
แต่ฝั่งจารีตในประเทศไทยนี่ค่อนข้างดื้อมากนะ
แล้วก็อย่างที่อธิบายว่าโครงสร้างชั้นบนและระบบอุปถัมภ์มันยังดำรงอยู่หนาแน่น
ดังนั้นเขายังสู้อยู่ และยังเป็นด้านหลักที่จะทำให้สังคมประเทศนี้ถอยหลังหรือก้าวไปข้างหน้า
ยังเป็นด้านหลักนะ แต่ยังเป็นการต่อสู้อยู่ คือเขายังได้เปรียบ เพราะยังถืออำนาจที่ไม่ได้เป็นอำนาจจากประชาชน
ในส่วนที่เป็นอำนาจจากประชาชนก็ถูกจัดการโดยอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน
แต่ว่าจะสู้กันไปได้นานเท่าไหร่ อันนี้ก็คือความเสียหายประเทศมันมากแล้วนะ
ถ้ายังเป็นแบบนี้ เราอาจจะวนลูปไปที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกก็ได้
อาจารย์ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น มองในแง่ดี ยังไม่มอง worst case นะ ก็คือไม่น่าโง่ทำวิธีทำรัฐประหาร
เขาก็ดันกันอยู่จนมีการเลือกตั้งใหม่คราวหน้า
เลือกตั้งใหม่คราวหน้าเขาก็ต้องหาวิธีใหม่อีกแหละ
เพราะว่ายังไงพรรคเพื่อไทยก็ยังเป็นอะไรที่จำเป็น
เพราะไม่งั้นจะไม่มีทางสู้กับพรรคก้าวไกลได้ อาจารย์มองอย่างนั้นนะ