"พอร์ท-ณัฐชนน-พิมพ์" 3 นักกิจกรรม เปิดใจก่อนมีคำพิพากษา ม.112, ม.116 คาดรอดยาก แต่หวังได้รับประกันตัว พร้อมขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ
วันที่ 21 มกราคม 2568 เวลา 17.00 น. ที่อาคาร ALL RISE (iLaw) กลุ่ม Thumb rights และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดงาน Stand Together Ep.11 ชวนจำเลยคดีมาตรา 112 และ 116 ที่กำลังจะพิพากษาในเดือนนี้ มาเล่าเหตุการณ์คดีความและเรื่องราวชีวิตของพวกเขา โดยมีแขกรับเชิญ 3 คน ได้แก่
1. นายปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือ พอร์ท ไฟเย็น จำเลยในคดี ม.112 ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 23 มกราคม 2568 จากกรณีการโพสต์เรื่องการรัฐประหารในประเทศตุรกี
2. นางสาวพิมพ์ชนก ใจหงษ์ หรือ พิมพ์ จำเลยในคดี ม.112 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่นัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ภาค 5 ในวันที่ 29 มกราคม 2568 จากกรณีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก
3. นายณัฐชนน ไพโรจน์ จำเลยในคดี ม.116 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 มกราคม 2568 จากกรณีการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ด้าน พอร์ท ไฟเย็น กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ตนเองก็ไม่ทำอะไรอยู่บ้าน ส่วนมากก็จะมาร่วมกิจกรรมการชุมนุมต่างๆ รวมถึงการอัปโหลดคลิปผลงานเพลงให้ฟังใน YouTube ในหลากหลายแนว อย่างปีที่แล้วตนเองก็ออกเพลงน้ำเงิน ที่สอดคล้องกับ สว.สีน้ำเงิน หรือเพลง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ที่เนื้อหาเกี่ยวกับการยุบพรรค
พอร์ท กล่าวต่อว่า สำหรับคดี ม.112 เกิดจากการโพสต์ภาพข่าวการทำรัฐประหารในประเทศตุรกี พร้อมข้อความประกอบพาดพิงสถาบัน และการโพสต์เนื้อหาเพลงเกี่ยวกับสถาบัน
ก่อนหน้านี้ตนไปประเทศเพื่อนบ้านช่วงเวลาหนึ่งและเมื่อมีอาการป่วยก็เดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อเอาตัวรอด และได้มีการรักษาตัวโดยอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากมิตรสหายว่าจะเดินทางไปประเทศที่ 3 หรือไม่ ซึ่งตนเองตัดสินใจว่ายังไม่ไป เพราะสภาพร่างกายยังไม่น่ารอด เคยคิดว่าถ้าจะโดนจับ ก็โดนจับไป เพราะมองว่าอยู่ประเทศไทยก็ยังจะรอดบ้าง ถ้าไปอยู่ต่างประเทศก็อาจจะใช้ชีวิตลำบาก ซึ่งตนเข้าใจในความหวังดี ตนคิดว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์คงจะยืมตามศาลชั้นต้น ซึ่งตนไม่คิดว่าจะมีโอกาสยกฟ้อง หากได้รับการประกันตัวก็ดี ซึ่งปัจจุบันตนเองก็ยังมีปัญหาสุขภาพอยู่ ตนคิดอย่างกรณีร้ายแรงว่าถ้าไม่ได้ประกันตัว ตนอาจจะเสียชีวิตก็ได้ จึงให้ทนายเตรียมยื่นเอกสารสุขภาพของตนเองประกอบการยื่นประกันตัวด้วย ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ตนก็เตรียมพร้อมทุกอย่าง ก่อนจะมีคำพิพากษาตนก็จะทำอะไรที่อยากทำให้มากที่สุด และก็หวังว่าให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย
ด้าน พิมพ์ชนก กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและทำธุรกิจร้านอาหาร และ มีการตัดต่อครีเอทีฟใน Tiktok
สำหรับคดี ม.112 ของตนเองนั้น เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งขณะนั้นตนเองไปทำกิจกรรมรณรงค์ไม่รับปริญญา สำหรับเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตนใช้ชีวิตกับครอบครัวเยอะมาก เผื่อติดข้างในไม่มีของให้กิน ซึ่งตนเองถือว่าครอบครัวของเราซัพพอร์ตที่สุด
ถ้าหากสื่อสารกับผู้พิพากษาได้ ตนอยากจะสื่อสารว่า ตนน่ารักมากเลยนะ ถ้าจะปล่อยให้คนน่ารักติดคุกแบบนี้ได้ยังไง
ด้าน ณัฐชนน ไพโรจน์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองทำงานเรื่องการขับเคลื่อนนิรโทษกรรมทางการเมือง ตอนนี้ตนเองมี 15 คดี ซึ่งตัดสินไปแล้ว 4 คดี ที่เหลือยังไม่มีการตัดสิน
คดี ม.116 ของตนคือคดีวันที่ 10 สิงหาคมที่มีการประกาศ 10 ข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่ลานพญานาคมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งคดีนี้มีผู้ที่ปราศรัยถูกดำเนินคดี ได้แก่ ตนเอง, อานนท์, ไมค์ระยอง, รุ้ง ปนัสยา, เพนกวิน, บอล ชนินทร์, ออแกไนเซอร์ 1 คน และ พิธีกร 2 คน คือ ไฟซ้อน กับ ลูกมาร์ค
การเดินทางไปสู้คดีที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ต้องเตรียมตัวแต่เช้าและเดินทางไกลมาก ยังดีที่ว่าศาลอนุญาตให้สืบพยานลับหลัง ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่หนักใจและมีเนื้อหารูปคดีค่อนข้างที่หนักหน่วง
"กิจกรรมในวันนั้นดุเดือดมาก สำหรับคดีนี้ถ้าหากจะมีการยกฟ้องไปเลยน่าจะยาก เพราะมีแต่ระดับแกนนำที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรอดยาก" ณัฐชนน กล่าวทิ้งท้าย
หลังจากทั้งสามคนเล่าเรื่องราวในคดีความและเรื่องราวชีวิตของพวกเขาแล้ว กิจกรรม Stand Together Ep. นี้ ยังมีการมอบสมุดเขียนข้อความให้กำลังใจ และเสื้อนิรโทษกรรมประชาชนให้กับ ณัฐชนน พิมพ์ชนก และพอร์ท จำเลยทั้งสามคนที่จะมีฟังคำพิพากษาในช่วงสิ้นเดือนนี้ พร้อมกับมีการเขียนข้อความให้กำลังใจโดยมวลชนที่มาร่วมงาน ต่อด้วยการร้องเพลงและเล่นกีตาร์จากพอร์ท ไฟเย็น และ หนวด ริมทาง โดยกิจกรรมเสร็จสิ้นลงในเวลาประมาณ 18.30 น.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112 #มาตรา116 #Thumbrights #แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
