วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568

“รอมฎอน” จับตา “แพทองธาร” ลงพื้นที่ชายแดนใต้ครั้งแรกพรุ่งนี้ คาดแนวทางไม่ต่างอดีตนายกเศรษฐา ไม่แตะประเด็นความมั่นคง แม้เป็นเรื่องที่ประชาชนคาดหวังจากรัฐบาล

 


“รอมฎอน” จับตา “แพทองธาร” ลงพื้นที่ชายแดนใต้ครั้งแรกพรุ่งนี้ คาดแนวทางไม่ต่างอดีตนายกเศรษฐา ไม่แตะประเด็นความมั่นคง แม้เป็นเรื่องที่ประชาชนคาดหวังจากรัฐบาล


วันที่ 15 มกราคม 2568 รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในวันพรุ่งนี้ (16 มกราคม) ว่าต้องจับตาและติดตามการลงพื้นที่ชายแดนใต้ในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพราะเป็นการเดินทางลงพื้นที่ในช่วงเวลาที่ความรุนแรงกำลังกลับมาและอยู่ในความสนใจของสาธารณะเท่านั้น แต่เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณแพทองธารเดินทางไปเยือนหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 4 เดือนก่อน และหากนับเฉพาะผู้นำทางการเมืองในระดับนายกรัฐมนตรี ก็ต้องบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน หลังจากที่อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เดินทางลงพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน


“ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา เราแทบจะรับรู้ได้น้อยมากว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้จะเอาอย่างไรกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่รู้สึกผิดหวังกับกรณีที่คดีตากใบขาดอายุความไป โดยที่รัฐบาลน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ยังมีคำถามด้วยว่าตกลงแล้วรัฐบาลจะสานต่อการพูดคุยสันติภาพที่หยุดชะงักอยู่อีกหรือไม่ หรือเห็นว่าเป็นปัญหาและจะยกเลิกไป หรือรัฐบาลจะเลือกแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบอื่น จะเน้นใช้กำลังและกฎหมายต่อไป หรือจะมุ่งเพียงแค่การพัฒนาเศรษฐกิจ การลงพื้นที่ครั้งนี้จึงอยู่ในความสนใจของประชาชน เพราะหัวใจคือเรื่องความยุติธรรมและการสร้างสันติภาพ เราจึงต้องจับสัญญาณที่จะสื่อสารออกมาให้ดี” รอมฎอนกล่าว


สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวต่อว่า ตนทราบว่ารัฐบาลกำลังอยู่ในช่วงของการทบทวนทิศทางและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้ทำให้นายกรัฐมนตรีสัมผัสกับผู้คนในพื้นที่และภูมิประเทศ ซึ่งน่าจะมีส่วนในการทบทวนข้างต้น แม้ว่ากำหนดการเดินทางจะค่อนข้างแน่น เพราะต้องเดินทางไปทั้ง 3 จังหวัดภายในหนึ่งวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากกำหนดการข้างต้นจะพบว่ามีจุดเน้นที่ไม่แตกต่างมากนักกับเมื่อครั้งที่นายกฯ เศรษฐาเคยลงพื้นที่ไปเมื่อปีที่แล้ว กล่าวคือเน้นไปติดตามงานด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ได้ริเริ่มดำเนินการไปก่อนหน้านี้


“สิ่งที่หายไปคือภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงและการสร้างสันติภาพ แม้ว่าการเดินทางไปเยือนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิจะมีความหมายสำคัญ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามขนาดใหญ่และมีบทบาทมากในพื้นที่ แต่คงต้องจับตาดูว่านายกรัฐมนตรีจะสื่อสารอะไรบ้างในระหว่างการลงพื้นที่”


รอมฎอน กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีคำแถลงการณ์ร่วมกับนายกฯ อันวาร์ อิบรอฮิม ว่าจะส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึงการเดินหน้าการพูดคุยเพื่อสันติสุขที่มีทางการมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก รวมไปถึงเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกหลังการพบปะกันระหว่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กับนายกฯ อันวาร์ โดยเชื่อว่าวาระการสร้างสันติภาพเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการพูดคุยหารือกัน ความเคลื่อนไหวนี้นำมาซึ่งการประกาศทบทวนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่ต้องจับตาก็คือนอกจากกิจกรรมพบปะกับหน่วยงานราชการและประชาชนกลุ่มต่าง ๆ แล้ว นายกรัฐมนตรีจะส่งสัญญาณทางการเมืองที่สำคัญอะไรอีกหรือไม่


“มีข้อสังเกตด้วยว่าการเดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ทั้งของนายกฯ เศรษฐาเมื่อปีที่แล้ว และนายกฯ แพทองธารในวันพรุ่งนี้ จะไม่มีกำหนดการไปเยือนหน่วยงานด้านความมั่นคงหรือค่ายทหารใด ๆ เลย ซึ่งจะแตกต่างไปจากนายกฯ คนก่อน ๆ ผมคิดว่านี่เป็นความตั้งใจที่จะไม่แตะประเด็นด้านความมั่นคง ทั้ง ๆ ที่ความคาดหวังของประชาชนอยากเห็นว่ารัฐบาลจะสามารถสั่งการกองทัพและ กอ.รมน.ได้ นอกจากนี้ ยังอยากเห็นการยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึก ที่เคยเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคด้วย” 


รอมฎอน กล่าวต่อว่า ตนและพรรคประชาชนจะติดตามการลงพื้นที่ในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาล นอกจากนี้กลไกภายในรัฐสภา การทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญสันติภาพชายแดนใต้กำลังอยู่ในช่วงการสรุปร่างรายงาน โดยจะมีการสัมมนาภายในวันที่ 17 มกราคม ก่อนที่จะยกร่างรายงานซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จในอีกไม่นานและนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายในสมัยประชุมนี้ ตนคาดหวังว่าการเปิดรับฟังของรัฐบาลในหลายช่องทางจะทำให้การทบทวนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลมีความรอบด้านมากขึ้น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชายแดนใต้