วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568

‘พริษฐ์’ จี้ "รัฐบาล" เร่งแก้ปัญหาสแกมเมอร์ ย้ำเงื่อนไข MOA ยุบสภา ควบคู่แก้ รธน.-ทำประชามติ เชื่อ ปชช.ไม่อยากเห็นการยุบสภาเป็นอาวุธหนีการตรวจสอบ เผยหลัง พ.ร.บ.ประชามติมีผลใช้บังคับเป็นสัญญาณบวก ย้ำเดินตามกรอบเดิม ยุบสภาภายใน 31 ม.ค.69 ยันร่างแก้ รธน.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ กมธ. เร่งหาฉันทามติรูปแบบ ส.ส.ร.จากทุกพรรค

 


พริษฐ์’ จี้ "รัฐบาล" เร่งแก้ปัญหาสแกมเมอร์ ย้ำเงื่อนไข MOA ยุบสภา ควบคู่แก้ รธน.-ทำประชามติ เชื่อ ปชช.ไม่อยากเห็นการยุบสภาเป็นอาวุธหนีการตรวจสอบ เผยหลัง พ.ร.บ.ประชามติมีผลใช้บังคับเป็นสัญญาณบวก ย้ำเดินตามกรอบเดิม ยุบสภาภายใน 31 ม.ค.69 ยันร่างแก้ รธน.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ กมธ. เร่งหาฉันทามติรูปแบบ ส.ส.ร.จากทุกพรรค


วันที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ของรัฐบาลในขณะนี้ ว่า เรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ตนเพิ่งกลับมาจากประเทศสิงคโปร์ และได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำเรื่องนี้ เพื่อความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่คนไทย แต่กระทบต่อคนทั่วโลก ดังนั้น สิ่งที่อยากเห็นตอนนี้คือคือรัฐบาลทำงานเชิงรุกมากขึ้นในการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์


นายพริษฐ์ กล่าว่า หากรัฐบาลเอาจริงเรื่องนี้จะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว คือ 1.เป็นการแก้ปัญหาที่กระทบต่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนทั่วโลก 2.ถ้าเชื่อว่าแหล่งที่มาหรือรายได้ของผู้มีอิทธิพลของกัมพูชาบางส่วนมาจากสแกมเมอร์นั้น แล้วเราสามารถแก้ไขได้ จะถือว่าเป็นการทะลายแหล่งที่มารายได้ของผู้นำกัมพูชา และทำให้การหาข้อยุติข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 3.หากไทยลุกขึ้นมาชิงบทบาทในการทำเรื่องนี้ เราจะมีบทบาทและอิทธิพลในเวทีโลก ซึ่งเรื่องสแกมเมอร์เป็นอันดับต้นๆ ที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ จะเป็นโอกาสดีที่เราจะเชิญชวนประเทศมหาอำนาจของโลกมาร่วมกันหารือ และดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกัน


เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันเชื่อว่าจะไม่มีการยุบสภาฯ ในปลายปีนี้ใช่หรือไม่ เพราะมีการเตรียมยื่นซักฟอกของพรรคเพื่อไทย นายพริษฐ์ กล่าวว่า เงื่อนไขการยุบสภาฯ 31 มกราคม และเป็นการยุบสภาฯ ควบคู่กับการทำประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ คือเป้าหมายที่เราจะมุ่งหน้าไปสู่ และคิดว่าประชาชนก็คงไม่อยากเห็นการใช้อาวุธเรื่องยุบสภาฯ เป็นเครื่องมือในการหนีการตรวจสอบ ดังนั้น พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน ในมุมหนึ่งก็อยากจะเดินหน้าทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย MOA แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ละเว้นหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลเช่นกัน


เมื่อถามว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจริง การลงมติจะออกมาในรูปแบบใด นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมองว่าต้องดูสาเหตุ ซึ่งเนื้อหาในการยื่นขออย่าไปจำกัดแค่พรรคใดพรรคหนึ่ง พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านก็มีสิทธิ์เช่นกัน แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านให้สมดุล เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายให้มีการเลือกตั้งพร้อมการทำประชามติควบคู่กับกลไกการตรวจสอบ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ภาษีของประชาชน


เมื่อถามว่าพรรคประชาชนจะยื่นซักฟอกหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าเราจะใช้ทุกกลไกในการตรวจสอบ แต่ก็ต้องดูสาเหตุหรือการกระทำของรัฐบาลว่าเหมาะสมที่จะใช้กลไกใดในการตรวจสอบ


นายพริษฐ์ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการทำประชามติและการยุบสภาว่า หลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ มีผลบังคับใช้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า กระบวนการเดินหน้าตามกรอบเวลาในบันทึกความเข้าใจ (MOA) จะเป็นไปได้ตามแผน โดยต้องยุบสภาภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อจัดทำประชามติและเลือกตั้งทั่วไป


นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กมธ. อยู่ระหว่างเร่งหารือเพื่อสรุป โมเดลการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย พร้อมย้ำว่าทุกร่างต้องอยู่ในกรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้แต่ละพรรคอาจมีแนวทางต่างกัน แต่เป้าหมายคือการสร้างฉันทามติในสภา เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ได้จริง


สิ่งสำคัญคือ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา รวมถึงเสียง 20% ของฝ่ายค้าน และ 1 ใน 3 ของวุฒิสภา เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องออกแบบกระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับได้” นายพริษฐ์ กล่าว พร้อมเผยว่า หาก กมธ. สรุปได้เร็ว อาจเสนอเปิดประชุมสมัยวิสามัญก่อน 12 ธันวาคม เพื่อพิจารณาวาระ 2 และ 3


ในส่วนของ การทำประชามติพร้อมการเลือกตั้ง นายพริษฐ์แสดงความกังวลว่า อาจเกิดอุปสรรคด้านการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยเฉพาะการออกเสียงล่วงหน้า พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าจะสามารถทำประชามติล่วงหน้าในประเทศได้หรือไม่ ดังนั้น กมธ. จะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาหารือ เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน อาจใช้ระบบลงคะแนนทางไปรษณีย์ควบคู่กับการเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนสามารถลงคะแนนเลือกตั้งและออกเสียงประชามติในครั้งเดียวกันได้


นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ขั้นตอนที่ดำเนินอยู่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคำวินิจฉัยระบุไว้ชัดว่า ประชามติสามารถทำได้ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 1 และ 2 อาจรวมกันได้ ซึ่งรัฐสภาและรัฐบาลก็เห็นพ้องกันในแนวทางนี้ เป้าหมายของกระบวนการทั้งหมดไม่ใช่เพียง ทำให้เร็วแต่ต้อง ทำให้รอบคอบและเป็นฉันทามติเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และได้รับความเห็นชอบจากประชาชนอย่างแท้จริง

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #แก้ไขรัฐธรรมนูญ #ประชามติ