“ณัฐพล” ยุทธศาสตร์ชาติเป็นอุปสรรค ล็อกรัฐบาล -
ราชการ-งบประมาณทำประเทศไม่พัฒนา ชี้ถ้าไม่แก้
รธน.-ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติก็แก้ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ได้
เมื่อวันที่
14 ตุลาคม 2568 ในการประชุมร่วมของรัฐสภา
เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ณัฐพล
โตวิจักษณ์ชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน
ได้อภิปรายเห็นชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
โดยยกให้เห็นปัญหาของยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน
โดยณัฐพลระบุว่าเมื่อพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มักมีคำถามจากประชาชนว่านักการเมืองจะมุ่งแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม
เหตุใดจึงไม่แก้ปัญหาเรื่องปากท้องก่อน จริงอยู่เรื่องปากท้องสำคัญ แต่ช่วง 2
ปีที่ผ่านมาที่ตนได้เห็นการทำงานของรัฐบาล
ข้าราชการ และการจัดสรรงบประมาณ
เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญและปากท้องเกี่ยวข้องกันโดยตรง
ระบบการเมืองโดยปกติควรจะเป็นการที่ประชาชนเลือกพรรคการเมืองและรัฐบาลจากนโยบายที่นำเสนอ
ที่คิดมาแล้วว่าแก้ปัญหาของประเทศและประชาชนได้จริง
เมื่อได้รับเลือกเข้ามาก็ต้องทำนโยบายนั้นให้เป็นจริงผ่านการออกกฎหมาย
ใช้อำนาจสั่งการ และการใช้งบประมาณ หากทำได้ก็ได้รับเลือกเข้ามาใหม่
ถ้าทำไม่ได้ประชาชนก็ไม่เลือกเข้ามาใหม่ การเมืองควรจะเรียบง่ายเช่นนี้
แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้เรื่องเหล่านี้ไม่ง่าย
เพราะมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมาล็อกการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ
และวิธีการจัดสรรงบประมาณ
ณัฐพลกล่าวต่อไปว่ารัฐธรรมนูญมาตรา
162 ระบุไว้ว่ารัฐบาลที่จะเข้าบริหารต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
โดยที่นโยบายนั้นต้องสองสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ
หมายความว่าต่อให้รัฐบาลหรือพรรคการเมืองนำเสนอนโยบายที่ดี
เป็นที่ยอมรับจากประชาชน แต่หากนโยบายนั้นไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติก็ทำไม่ได้
เพราะถ้าทำแล้วก็เท่ากับผิดรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญยังระบุว่าต้องทำตามที่ยุทธศาสตร์ชาติบอกไว้แล้วด้วย
ในมาตรา 26 ของ
พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติระบุว่าหากหน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
หน่วยงานนั้นอาจถูก ป.ป.ช. สอบได้
เมื่อถูกตีกรอบไว้เช่นนี้หน่วยงานรัฐและรัฐบาลย่อมไม่มีใครกล้าทำเกินกรอบ
ทำงานแค่ตามที่ถูกระบุไว้แล้วในยุทธศาสตร์ชาติ ปิดกั้นการทำสิ่งจะแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนได้มากขึ้น
ณัฐพลยังระบุว่านอกจากนี้การจัดสรรงบประมาณยังถูกตีกรอบไว้ด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา
142 ที่ระบุไว้ว่าการจัดทำงบประมาณแผ่นดินต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
หมายความว่านโยบายหรือโครงการใดที่ดูแล้วจำเป็นมากที่จะต้องได้รับงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหา
แต่หากไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่มีสิทธิได้งบแม้แต่บาทเดียว
และในขณะเดียวกันต่อให้มีนโยบายหรือโครงการใดที่ไม่ตอบโจทย์และตกยุคไปแล้ว
แต่ยุทธศาสตร์ชาติบอกว่าต้องทำอยู่ นโยบายนั้นก็จะได้รับงบประมาณไปแบบอัตโนมัติ
กลายเป็นว่างบประมาณแผ่นดินที่มีจำกัดถูกระบุให้ทำทุกเรื่อง ไม่ทำเรื่องใดก็ไม่ได้
กระจายไปแบบเบี้ยหัวแตก ต้องทำทุกเรื่องแต่ทำได้ไม่สุดสักเรื่อง
ประเทศไทยตั้งแต่มียุทธศาสตร์ชาติมาใช้งบประมาณไปแล้ว
7 ปีงบประมาณ ใช้ไปแล้วถึง 26
ล้านล้านบาท
ผลของมันเห็นได้จากจีดีพีของประเทศไทยที่ ณ ปัจจุบันโตต่ำในภูมิภาค
นี่คือข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ไม่มีใครเถียงได้
และเรายังต้องอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติอีกไปจนครบ 20 ปี
ซึ่งหากคำนวณไวๆ จะเท่ากับเราจะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินไปอีกรวม 60
ล้านล้านบาทเป็นอย่างน้อยไปกับยุทธศาสตร์ชาติ
ณัฐพลกล่าวต่อไปว่านี่คือเหตุผลที่ทำไมจึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนจึงจะแก้ปัญหาปากท้องได้
เพราะยุทธศาสตร์ชาติที่ระบุในรัฐธรรมนูญปัจจุบันล็อกคอการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ
และการจัดสรรงบประมาณไว้
รัฐบาลและพรรคการเมืองไม่สามารถนำเสนอสิ่งใดที่ล้ำเกินยุทธศาสตร์ชาติได้
ข้าราชการหน่วยงานไม่กล้าทำนอกกรอบ ต้องทำตามที่ระบุไว้เท่านั้น ถ้าไม่ทำตามก็ผิด
งบประมาณแผ่นดินจะโยกไปทำเรื่องอื่นก็ไม่ได้เพราะยุทธศาสตร์ชาติล็อกเอาไว้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงจำเป็นต้องยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ
และให้เรื่องของนโยบายเป็นเรื่องของพรรคการเมืองและรัฐบาลที่ต้องคิดและนำเสนอให้กับประชาชน
หากคิดมาดีประชาชนก็เลือก หากเลือกแล้วทำได้ดีประชาชนก็เลือกต่อ
ถ้าทำไม่ได้ประชาชนก็ไม่เลือก มันควรที่จะเรียบง่ายเช่นนี้
ไม่ใช่ถูกล็อกโดยยุทธศาสตร์ชาติ
ณัฐพลกล่าวต่อไปว่าแนวคิดในการบริหารประเทศควรเอาโจทย์สำคัญของประเทศตัวตั้ง
แล้วดึงหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันเพื่อตอบโจทย์นั้น
ไม่ใช่ทำงานแยกกระทรวงเป็นไซโลแบบทุกวันนี้
ซึ่งถ้าไม่แก้ยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้ และถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญและไม่ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติการแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแทบทุกวัน
และการแก้โจทย์ใหญ่ของประเทศที่ต้องใช้ทรัพยากรมากแบบพุ่งเป้าก็จะไม่สามารถทำได้เลย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ #ประชุมสภา