วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568

“ณัฐพล” ยุทธศาสตร์ชาติเป็นอุปสรรค ล็อกรัฐบาล - ราชการ-งบประมาณทำประเทศไม่พัฒนา ชี้ถ้าไม่แก้ รธน.-ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติก็แก้ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ได้

 


ณัฐพล” ยุทธศาสตร์ชาติเป็นอุปสรรค ล็อกรัฐบาล - ราชการ-งบประมาณทำประเทศไม่พัฒนา ชี้ถ้าไม่แก้ รธน.-ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติก็แก้ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ได้


เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ในการประชุมร่วมของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ได้อภิปรายเห็นชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยยกให้เห็นปัญหาของยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน


โดยณัฐพลระบุว่าเมื่อพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มักมีคำถามจากประชาชนว่านักการเมืองจะมุ่งแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม เหตุใดจึงไม่แก้ปัญหาเรื่องปากท้องก่อน จริงอยู่เรื่องปากท้องสำคัญ แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ตนได้เห็นการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ และการจัดสรรงบประมาณ เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญและปากท้องเกี่ยวข้องกันโดยตรง


ระบบการเมืองโดยปกติควรจะเป็นการที่ประชาชนเลือกพรรคการเมืองและรัฐบาลจากนโยบายที่นำเสนอ ที่คิดมาแล้วว่าแก้ปัญหาของประเทศและประชาชนได้จริง เมื่อได้รับเลือกเข้ามาก็ต้องทำนโยบายนั้นให้เป็นจริงผ่านการออกกฎหมาย ใช้อำนาจสั่งการ และการใช้งบประมาณ หากทำได้ก็ได้รับเลือกเข้ามาใหม่ ถ้าทำไม่ได้ประชาชนก็ไม่เลือกเข้ามาใหม่ การเมืองควรจะเรียบง่ายเช่นนี้ แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้เรื่องเหล่านี้ไม่ง่าย เพราะมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมาล็อกการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ และวิธีการจัดสรรงบประมาณ


ณัฐพลกล่าวต่อไปว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 162 ระบุไว้ว่ารัฐบาลที่จะเข้าบริหารต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยที่นโยบายนั้นต้องสองสอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ หมายความว่าต่อให้รัฐบาลหรือพรรคการเมืองนำเสนอนโยบายที่ดี เป็นที่ยอมรับจากประชาชน แต่หากนโยบายนั้นไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าทำแล้วก็เท่ากับผิดรัฐธรรมนูญ


รัฐธรรมนูญยังระบุว่าต้องทำตามที่ยุทธศาสตร์ชาติบอกไว้แล้วด้วย ในมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติระบุว่าหากหน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ หน่วยงานนั้นอาจถูก ป.ป.ช. สอบได้ เมื่อถูกตีกรอบไว้เช่นนี้หน่วยงานรัฐและรัฐบาลย่อมไม่มีใครกล้าทำเกินกรอบ ทำงานแค่ตามที่ถูกระบุไว้แล้วในยุทธศาสตร์ชาติ ปิดกั้นการทำสิ่งจะแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนได้มากขึ้น


ณัฐพลยังระบุว่านอกจากนี้การจัดสรรงบประมาณยังถูกตีกรอบไว้ด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 142 ที่ระบุไว้ว่าการจัดทำงบประมาณแผ่นดินต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ หมายความว่านโยบายหรือโครงการใดที่ดูแล้วจำเป็นมากที่จะต้องได้รับงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหา แต่หากไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่มีสิทธิได้งบแม้แต่บาทเดียว และในขณะเดียวกันต่อให้มีนโยบายหรือโครงการใดที่ไม่ตอบโจทย์และตกยุคไปแล้ว แต่ยุทธศาสตร์ชาติบอกว่าต้องทำอยู่ นโยบายนั้นก็จะได้รับงบประมาณไปแบบอัตโนมัติ กลายเป็นว่างบประมาณแผ่นดินที่มีจำกัดถูกระบุให้ทำทุกเรื่อง ไม่ทำเรื่องใดก็ไม่ได้ กระจายไปแบบเบี้ยหัวแตก ต้องทำทุกเรื่องแต่ทำได้ไม่สุดสักเรื่อง


ประเทศไทยตั้งแต่มียุทธศาสตร์ชาติมาใช้งบประมาณไปแล้ว 7 ปีงบประมาณ ใช้ไปแล้วถึง 26 ล้านล้านบาท ผลของมันเห็นได้จากจีดีพีของประเทศไทยที่ ณ ปัจจุบันโตต่ำในภูมิภาค นี่คือข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ไม่มีใครเถียงได้ และเรายังต้องอยู่กับยุทธศาสตร์ชาติอีกไปจนครบ 20 ปี ซึ่งหากคำนวณไวๆ จะเท่ากับเราจะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินไปอีกรวม 60 ล้านล้านบาทเป็นอย่างน้อยไปกับยุทธศาสตร์ชาติ


ณัฐพลกล่าวต่อไปว่านี่คือเหตุผลที่ทำไมจึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนจึงจะแก้ปัญหาปากท้องได้ เพราะยุทธศาสตร์ชาติที่ระบุในรัฐธรรมนูญปัจจุบันล็อกคอการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการ และการจัดสรรงบประมาณไว้ รัฐบาลและพรรคการเมืองไม่สามารถนำเสนอสิ่งใดที่ล้ำเกินยุทธศาสตร์ชาติได้ ข้าราชการหน่วยงานไม่กล้าทำนอกกรอบ ต้องทำตามที่ระบุไว้เท่านั้น ถ้าไม่ทำตามก็ผิด งบประมาณแผ่นดินจะโยกไปทำเรื่องอื่นก็ไม่ได้เพราะยุทธศาสตร์ชาติล็อกเอาไว้


การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงจำเป็นต้องยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ และให้เรื่องของนโยบายเป็นเรื่องของพรรคการเมืองและรัฐบาลที่ต้องคิดและนำเสนอให้กับประชาชน หากคิดมาดีประชาชนก็เลือก หากเลือกแล้วทำได้ดีประชาชนก็เลือกต่อ ถ้าทำไม่ได้ประชาชนก็ไม่เลือก มันควรที่จะเรียบง่ายเช่นนี้ ไม่ใช่ถูกล็อกโดยยุทธศาสตร์ชาติ


ณัฐพลกล่าวต่อไปว่าแนวคิดในการบริหารประเทศควรเอาโจทย์สำคัญของประเทศตัวตั้ง แล้วดึงหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันเพื่อตอบโจทย์นั้น ไม่ใช่ทำงานแยกกระทรวงเป็นไซโลแบบทุกวันนี้ ซึ่งถ้าไม่แก้ยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้ และถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญและไม่ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติการแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแทบทุกวัน และการแก้โจทย์ใหญ่ของประเทศที่ต้องใช้ทรัพยากรมากแบบพุ่งเป้าก็จะไม่สามารถทำได้เลย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ #ประชุมสภา