พรรคประชาชนดันกฎหมายป้องกันฟ้องปิดปาก รอสภาเปิดรับฟังความเห็น “ชลธิชา” เผยสถิติตั้งแต่รัฐประหาร 57 ไทยยืนหนึ่งอาเซียน ฟ้องปิดปากผู้หญิง-นักสิทธิฯ กระทบเสรีภาพประชาชน
วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา คณะทำงานภายใต้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้จัดเสวนาหัวข้อ “กฎหมาย Anti-SLAPP กับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล : อนาคต ความหวัง และเสรีภาพในการแสดงออก” เพื่อผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายป้องกันการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณะ หรือ “กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก” ให้เป็นกลไกสำคัญในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
ช่วงหนึ่ง ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคประชาชน ในฐานะคณะทำงานฯ ได้นำเสนอความคืบหน้าของการผลักดันกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก โดยกล่าวว่า ร่างกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti SLAPPs) เป็นกลไกทางกฎหมายที่สำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วม ตั้งคำถาม ตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงความเห็นต่อเรื่องสาธารณะ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของการฟ้องปิดปากจำนวนมาก ทั้งประชาชนทั่วไป นักกิจกรรม นักข่าว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมไปถึง สส. โดยการฟ้องปิดปากดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างภาระแก่จำเลยให้เกิดความยุ่งยาก เสียค่าใช้จ่าย เสียเวลา สร้างบรรยากาศของความหวาดกลัวในการแสดงความคิดเห็น แม้ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยไม่ได้มุ่งเน้นที่การแสวงหาความยุติธรรมแต่อย่างใด
ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นและเข้าข่ายเป็นการฟ้องปิดปากอย่างชัดเจน เช่น บริษัทผลิตอาหารขนาดใหญ่ ฟ้องร้องเลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ, กรณีที่บริษัทโทรคมนาคมขนาดใหญ่ ฟ้องคุณพิรงรอง รามสูต อดีตกรรมการ กสทช. ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, กรณีสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนปัจจุบัน ฟ้องร้อง สหัสวัต คุ้มคง และ รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน หลังให้ข้อมูลกรณีการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องกรณีสำนักงานประกันสังคมซื้อตึกมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท หรือกรณีกลุ่มทุนพลังงานใหญ่ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง กับ สส.พรรคประชาชน 3 ราย รวมกัน 300 ล้านบาท จากกรณีการอภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เป็นธรรมและความไม่โปร่งใสในการซื้อพลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลจากกลุ่มทุนดังกล่าว
จากรายงานของ Protection International พบว่า ประเทศไทยตั้งแต่หลังรัฐประหาร2557 ถึง กุมภาพันธ์ 2568 มีผู้หญิงและนักสิทธิมนุษยชนถูกฟ้องปิดปากทั้งหมด 595 คดี จาก 13 ฐานความผิด ซึ่งถือว่ามากที่สุดในอาเซียนอีกด้วย
ชลธิชากล่าวว่า กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปากของพรรคประชาชน ซึ่งเสนอโดยตนและ อนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี เขต 3 ประกอบด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยมีสาระสำคัญดังนี้
(1) เพิ่มบทนิยาม "การมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ" ให้หมายความรวมถึง การเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหนึ่งอย่างใดในกระบวนการตัดสินใจ หรือการดำเนินกิจการหนึ่งกิจการใดที่มีประโยชน์แก่ส่วนรวม หรือประโยชน์อันเกิดแก่การจัดทำบริการสาธารณะ หรือการจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภค หรือประโยชน์อื่นใดที่เกิดจากการดำเนินการ หรือการกระทำที่มีลักษณะเป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนแก่ประชาชนเป็นส่วนรวม หรือประชาชนส่วนรวมจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินการหรือการกระทำนั้น
(2) ยกเลิกโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาทและฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือด้วยการโฆษณา เปลี่ยนเป็นโทษปรับทางพินัย ความผิดฐานหมิ่นประมาท ปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท
(3) เพิ่มเหตุยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ในการมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และหากพิสูจน์ได้ว่าข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง จะถือว่าไม่มีความผิด อย่างไรก็ตาม ห้ามไม่ให้พิสูจน์หากเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัวและการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
(4) จำเลยในคดีอาญาสามารถแถลงต่อศาลว่าถูกฟ้องคดีเพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และขอให้ศาลยกฟ้องคดีได้ ภายใน 30 วันนับจากวันที่ศาลรับคําแถลง รวมทั้งกำหนดกระบวนการไต่สวนและการสั่งคดี ส่วนจำเลยในคดีแพ่ง สามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกฟ้องคดีได้ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และกำหนดให้ชะลอกระบวนพิจารณาคดีทั้งหมดระหว่างการพิจารณาคำร้อง และศาลมีอำนาจสั่งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย รวมถึงค่าสินไหมทดแทน เพื่อการลงโทษได้
(5) ในคดีอาญาที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลเอง หากต่อมาปรากฏความจริงว่าเป็นการฟ้องคดีเพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ศาลอาจกำหนดให้คนที่ฟ้อง (โจทก์) ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าใช้จ่ายในการสู้คดีให้จำเลย และจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเป็นการลงโทษได้
(6) กำหนดกลไกป้องกันในชั้นพนักงานสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และกำหนดข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในหลายท้องที่หรือในท้องที่ที่ไม่เกี่ยวข้อง
(7) ให้อำนาจพนักงานอัยการในการยุติคดีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้ความคุ้มครองการสั่งคดีโดยสุจริต แม้ว่าจะยุติคดีหรือดำเนินคดีต่อไป
(8) ยกเว้นความรับผิดทางแพ่ง กรณีการเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่รู้ว่าเป็นความเท็จ และการเผยแพร่นั้นเป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ หากได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอตามภาวะวิสัยและพฤติการณ์แล้ว ไม่มีความผิดทางแพ่ง
ชลธิชากล่าวว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปากของพรรคประชาชน ยื่นเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรอสภาเปิดรับฟังความเห็นตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ เมื่อรับฟังความเห็นเสร็จแล้วจึงเข้าคิวบรรจุวาระเพื่อพิจารณาในสภาฯ ต่อไป
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กรรมาธิการพัฒนาการเมือง #หยุดฟ้องปิดปาก