“นันทนา” แถลงเปิดโปงเกมอำนาจในวุฒิสภา ระบุถูก สว.
เสียงข้างมากใช้ช่องทางจริยธรรม “กลั่นแกล้ง-ปิดปาก” หลังวิจารณ์การแต่งตั้งกรรมาธิการ
กล่าวถึงสว. ตามอาชีพเดิมว่า "คนขายหมู"
อ้างเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ผิดจริยธรรม เล็งส่ง ป.ป.ช. ตรวจสอบ “สว.ฝ่ายอิสระ”
ชี้การกระทำนี้เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย เพราะ “พวกมากลากไป”
กำลังใช้จริยธรรมจัดการฝ่ายตรงข้าม
วันที่
27 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.
แถลงถึงกรณีในที่ประชุมวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ (28 ต.ค.)จะมีการพิจารณารายงานผลการพิจารณาข้อร้องเรียนจริยธรรมน.ส.นันทนา
ของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ว่า ตนในฐานะ สว. ที่ถูกฟ้องปิดปากในวุฒิสภา
มีกำลังใจต่อสู้
เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลและความฉ้อฉลทั้งหมดในวุฒิสภาเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
วันนี้กลุ่มสว.อิสระจึงมาแสดงพลังเพื่อต่อต้านการฟ้องปิดปากในวุฒิสภา
เนื่องจากมีผู้มาร้องต่อคณะกรรมการจริยธรรมว่าตนมีพฤติกรรมเสียดสีด้อยค่า สว.
ท่านหนึ่งโดยการให้สัมภาษณ์ว่า
ตนถูกโหวตออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมืองโดยได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการจึงขอฟ้องประชาชนว่า
กระบวนการคัดสรรผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรรมาธิการไม่ได้คำนึงถึงฐานประวัติกลุ่มอาชีพของผู้สมัคร
สว. แต่ใช้เสียงข้างมากในการโหวต
ซึ่งสิ่งที่ตนเรียกคนที่เข้ามาเป็นกรรมาธิการตามอาชีพของเขาว่าคนขายหมูนั้น
เป็นการด้อยค่าตรงไหน เข้าข่ายผิดจริยธรรมตรงไหน และเรื่องนี้มีการไต่สวนในศาลอาญามาแล้ว
ซึ่งทนายได้ซักค้านในศาลไปแล้ว
“ทางสว. ก็บอกว่าตัวเองมีความภาคภูมิใจในอาชีพนี้
และเมื่อตนเรียกว่าคนขายหมูไปด้อยค่าหรือผิดจริยธรรมตรงไหน
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า
การกระทำที่วุฒิสภาโดยคณะกรรมการจริยธรรมนั้นได้พิจารณาตามหลักการที่ถูกต้องหรือไม่
เพราะเพียงแค่พูดว่าคนขายหมูแล้วมีผู้มาร้องก็กล่าวหาว่าตนผิดจริยธรรม
จนจะมีการลงมติให้ตนมีความผิดเพื่อนำไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) พิจารณาต่อ”น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา
กล่าวต่อว่า ยังมีกรณีอื่นที่ได้ร้องเรียนเข้าไปในกรรมการจริยธรรมชุดนี้ เช่น
นายอลงกต วรกี สว. ร้องไห้ล้อเลียนในสภาฯ และที่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.
อภิปรายกล่าวหาว่าตนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำโรคจิต
ก็มีผู้ไปร้องเรียนแต่ถูกยกไปอย่างรวดเร็ว แต่กรณีของตนเป็นความผิดร้ายแรง
ต้องมาลงมติในวันพรุ่งนี้
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ตนไม่ยอมศิโรราบเพราะตนเองถือว่าสิ่งที่ออกมาส่งเสียงให้กับประชาชน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฮั้ว สว. เขากระโดง รวมถึงการแต่งตั้งกรรมาธิการ
การกระทำต่าง ๆ เป็นผลประโยชน์ที่ ตนต้องออกมาพูด ดังนั้นการกระทำของคณะกรรมการจริยธรรมถือเป็นการฟ้องปิดปาก
หากใครที่มีท่าทีกระด่างกระเดื่องก็จะโดนเชือดเหมือนที่ตนโดน
เราจะปล่อยให้สมาชิกวุฒิสภา
ใช้พวกมากลากไปปิดประตูตีแมวกับสว.อิสระที่คิดต่างเช่นนั้นหรือ
"คณะกรรมการจริยธรรมมี 22 คน 15 คน ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้วสว.รวมทั้งประธานกรรมการ คือ
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ซึ่งดิฉันก็ได้ร้องคัดค้านไปว่า
คณะกรรมการชุดนั้นเป็นคู่ขัดแย้งกับดิฉัน เพราะดิฉันร้องให้เขาหยุดปฏิบัติหน้าที่
เพื่อให้เขาหยุดพิจารณาเรื่องของดิฉันให้เหลือ 7 คน
เขาก็ไม่ยอมให้เขาพิจารณาเขาก็ไม่ยอมยัง ยังคงดำเนินการต่อไป ซึ่งชัดเจนว่า
พยายามที่จะใช้เสียงข้างมากในการลงมาในการลงมติ
และเรื่องนี้ดิฉันได้ร้องคัดค้านไปยัง ป.ป.ช.
เนื่องจากเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์โดยชัดเจน
คู่ที่มีความขัดแย้งกับดิฉันกลับมาพิจารณา แต่มาพิจารณาคดีของดิฉันระหว่างสอบสวน
ดิฉันก็โดนกลั่นแกล้ง พาพยานมาให้ปากคำ แต่กลับไม่ให้พยานเข้าไปให้ปากคำ
นี่คือการกลั่นแกล้งหรือไม่ และมีการ เก็บโทรศัพท์บอกว่าเป็น ประชุม ลับ
ไม่ยอมให้ทนายเข้าไปด้วย คดีอาชญากรเมื่อเขาให้การยังต้องมีทนาย และดิฉันเป็นอาชญากรระดับไหนทนายถึงเข้าไปไม่ได้
นี่คือการปิดหูปิดตาประชาชนเป็นการปิดประตูตีแมว " น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา
กล่าวว่า
นี่เป็นที่มาไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเข้ามาอยู่ในระเบียบวาระของการประชุมวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้
เพื่อให้ที่ประชุมลงมติว่าตนมีความผิด ถ้าใช้เสียงสว. 3 ใน 5
คือ 120 เสียงจะผ่านได้ฉลุย
เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีหัวสว.มี 130 กว่าคน
และตนจะต้องถูกเชือดส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ
ด้านนายสุนทร
พฤกษพิพัฒน์ สว. กล่าวว่า ตนพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจริยธรรม
ในหลักประชาธิปไตยเราเคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่ควรรักษาเสียงส่วนน้อยไปด้วย
ไม่ใช่ใช้เสียงส่วนใหญ่ไปกำจัดเสียงส่วนน้อย
โดยเฉพาะการใช้คำว่าจริยธรรมที่กว้างมาก ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เห็นว่าหลายคนโดนคำว่าจริยธรรม
และความผิดไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำจึงถูกตีความกว้างใหญ่ไปหมด
จึงคิดว่าหากสังคมกำลังเพิกเฉยกับความอยุติธรรมแบบนี้
เราควรจะเป็นสังคมแบบที่มีความยุติธรรมที่แท้จริง
เห็นถึงความถูกต้องไม่ใช่ถูกเสียงข้างมากลากไปอย่างเดียว
ส่วนน.ต.วุฒิพงศ์
พงศ์สุวรรณ สว. กล่าวว่า
การดำเนินการของวุฒิสภาไม่ได้เป็นอิสระอย่างที่ควรจะเป็นแต่มีการสั่งการจากบางจุด
อาจเป็นบนเขาสักแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยเห็นว่าควรมีการทบทวนเรื่องจริยธรรมเพื่อไม่ให้มีการใช้เรื่องนี้มารังแกกลั่นแกล้งการเมือง
ยกตอนนี้ สว.อิสระเหลือเพียง 20 คน
ซึ่งน่าเป็นห่วงต่อระบอบประชาธิปไตยของไทย ส่วนตัวได้เจริญภาวนาอนุสติทุกวัน
เพราะจุดจบแต่ละคนมาถึงแน่ ถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่กฎแห่งกรรมต้องโดนทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ก่อนที่น.ส.นันทนา และสว.อิสระแถลงข่าวมีประชาชนมามอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ
พร้อมกล่าวว่า ในนามประชาชนที่เป็น FC และติดตามผลงานมาตลอดเห็นว่าตัวนี้น.ส.นันทนา
โดนกลั่นแกล้ง
ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการที่ทำเพื่อความโปร่งใสและความถูกต้องวันนี้
จึงอยากขอเป็นกำลังใจให้นางสาวนันทนาสู้ต่อไป สู้เพื่อประชาชนและเป็นสว.น้ำดีต่อไป
