คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ แถลงผลการประชุมปัญหาการฟอกเงินกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทย เผย "เบน สมิธ" บินออกนอกประเทศแล้ว เมื่อ 29 ก.ย. ชี้พบข้อมูลน่ากังวลหลายเรื่อง เล็งสอบต่อ สัปดาห์หน้า เชิญ "ธรรมนัส-ไชยชนก-ธปท." แจง
วันที่ 2 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมซึ่งพิจารณาปัญหาการปรามสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ที่สงสัยว่าเป็นหัวขบวนสำคัญระดับแมมมอสของเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา ว่า จากการชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทราบว่าปัจจุบัน นายเบนจามิน สมิธ ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปแล้ว โดยเดินทางด้วยไพรเวทเจต T7-TCB เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบว่าประเทศปลายทางเป็นประเทศอะไร
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่าที่ประชุมได้ถามย้ำต่อกรณีการให้สัญชาตินายเบนจามิน เบื้องต้น กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่าเนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการและมีปัญหาเรื่องของข้อตุกติกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ปรึกษาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสมเด็จฮุน เซน จึงยืนยันว่ายังไม่มีการให้สัญชาติใดๆในเวลานี้ อย่างไรก็ดีมีประเด็นที่กมธ.กังวลใจ คือ ความเชื่อมโยงกับบริษัทฮุยวัน และ ฮุยวัน PLC ซึ่งมีเงินไหลเวียนบริษัทนี้ 3 ล้านล้านบาทโดยเชื่อว่าเงินส่วนใหญ่ที่ไหลเวียนเป็นเงินที่มาจากการฟอกเงิน
"จากการสอบถามข้อเท็จจริง มีการเชื่อมโยงไปถึงการซื้อทองคำจากฝั่งกัมพูชามาที่ประเทศไทย และมีการพูดถึงการฟอกเงินในปัจจุบัน โดยทางตำรวจไซเบอร์ได้ระบุว่าการฟอกเงินในปัจจุบัน มีการทำธุรกรรมเปลี่ยนเป็นคริปโตและหลีกเลี่ยงไปซื้อทองคำ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงน่าเชื่อว่าการที่ประเทศไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาจำนวนมาก อาจจะเชื่อมโยงบางอย่างกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์" นายรังสิมันต์ กล่าว
ขณะนี้สันติบาลอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงและยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้มีการให้สัญชาติไทย ด้านสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กำกับดูแลเรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติประเภทหนึ่งที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการฟอกเงิน โดยมีการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันอาชญากรรมดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะ กมธ. มีข้อเสนอ ดังนี้
1. ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขาดการประสานงานในการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงาน จึงควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงสำหรับการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
2. มีการนำข้อมูลไบโอเมทริกข์ของประชาชนกว่าล้านคนไปแลกกับโทเคนดิจิทัล ผ่านการสแกนม่านตา ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและกระทบต่อความสงบเรียบร้อย จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและดำเนินการป้องกัน รวมทั้งเร่งแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวโดยด่วน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การประชุมในสัปดาห์หน้า กมธ.ฯจะเชิญบุคคลหลายคนมาให้ข้อมูล ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นผู้รู้จักและมีภาพถ่ายทำบุญร่วมกันกับนายเบนจามิน จึงเชื่อว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน รวมถึงเชิญนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เข้าชี้แจงกรณีพูดถึงสินบน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และอีกหลายหน่วยงานเข้าชี้แจง รวมทั้งจะเชิญกองทัพเรือ มาชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่ากองทัพเรือจะใช้อาคารที่ตั้งของสแกมเมอร์เป็นหน่วยประสานงาน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #รังสิมันต์โรม