วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568

“ลิซ่า” ชี้รัฐธรรมนูญเป็นต้นตอปัญหาปากท้อง ทำเสียงประชาชนไร้ความหมาย ย้อนตั้งแต่ รธน.60 บังคับใช้ นายกฯ ไม่เคยมาจากพรรคอันดับ 1 - รัฐบาลผลักดันนโยบายไม่ได้ คน 1% รวยขึ้นมหาศาล แต่ปากท้องประชาชนถูกทำลาย ทางรอดเดียวต้องร่าง รธน. ใหม่

 


“ลิซ่า” ชี้รัฐธรรมนูญเป็นต้นตอปัญหาปากท้อง ทำเสียงประชาชนไร้ความหมาย ย้อนตั้งแต่ รธน.60 บังคับใช้ นายกฯ ไม่เคยมาจากพรรคอันดับ 1 - รัฐบาลผลักดันนโยบายไม่ได้ คน 1% รวยขึ้นมหาศาล แต่ปากท้องประชาชนถูกทำลาย ทางรอดเดียวต้องร่าง รธน. ใหม่


วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 โดยกล่าวว่า การพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญในประเทศไทยถูกทำให้เป็นเรื่องยากและไกลตัว แม้แต่นักการเมืองบางส่วนก็เลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ เลี่ยงที่จะอธิบายกับประชาชน อาจให้เหตุผลว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการเมืองเชิงเทคนิค เหมาะกับนักกฎหมายมากกว่า ทำให้ประชาชนเองก็รู้สึกว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเข้าใจยาก เป็นเรื่องการเมืองของชนชั้นนำ ห่างไกลกับปัญหาปากท้องของคนรากหญ้า


ความรู้สึกดังกล่าวของประชาชนไม่ได้เกิดจากการที่ประชาชนไม่ตื่นรู้ แต่เกิดจากการที่ชนชั้นนำพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอารัฐธรรมนูญออกห่างประชาชน ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของเรา เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า และชนชั้นนำก็ทำแบบนี้มาจนเป็นวัฒนธรรม แม้แต่ระบบการศึกษาไทยก็สอนแค่ว่ารัฐธรรมนูญคือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ไม่ได้สอนว่าประชาชนเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้สอนให้เข้าใจว่าทำไมทุกครั้งที่มีการต่อสู้ทางการเมือง ต่างฝ่ายถึงต้องการที่จะเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และไม่ได้สอนว่าทำไมหลังจากที่คณะรัฐประหารฉีกและร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ มักจะมีคนบางกลุ่มที่รวยขึ้น ในขณะที่ประชาชนจนลง 


ในทางประวัติศาสตร์ การฉีกรัฐธรรมนูญจากการรัฐประหารหลายครั้ง ทำให้เกิดภาพว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการเมืองที่สกปรก ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง ยิ่งปัจจุบันหลายกลุ่มหลายองค์กรพยายามผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ แต่ต้องเจอกับอุปสรรคมากมายจนกลายเป็นเรื่องเงื่อนไขทางกฎหมายที่ซับซ้อน น่าเบื่อ ไร้ความหวัง ไม่มีใครอยากยุ่ง


“ในฐานะตัวแทนประชาชน ดิฉันอยากบอกกับประชาชนไทยทุกคนว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ซับซ้อน แต่มีคนที่จงใจทำให้มันซับซ้อน เมื่อใดก็ตามที่เราได้ยินว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยาก รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไม่ได้หรอก นี่คือกลไกที่ชนชั้นนำวางไว้ พยายามรักษาผลประโยชน์ของเขาอย่างถึงที่สุด ปกป้องรักษาปากท้องของพวกเขา ขณะเดียวกันเป็นการทำลายปากท้องของประชาชน”


ภคมนกล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องโดยตรงกับการมีชีวิตอยู่ในประเทศนี้ รัฐธรรมนูญคือสาเหตุของสภาพปากท้องของประชาชน ลองนึกย้อนไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหลังรัฐประหาร สภาพเศรษฐกิจปากท้องคนรากหญ้าเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าย่ำแย่ ทำมาหากินยากขึ้น โอกาสที่จะพลิกฟื้นชีวิตไม่ต้องพูดถึง แค่มีงานทำก็ดีมากแล้ว ดิ้นรนกันทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่รอด ในขณะที่คนบางกลุ่มซึ่งเป็นคนส่วนน้อยร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล มีอำนาจมากขึ้นทั้งอำนาจทางการเมืองและอำนาจในการควบคุมและครอบงำเศรษฐกิจของประเทศ 


ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องของบุญกรรม แต่เป็นผลลัพธ์จากการออกแบบโครงสร้างและกลไกทางการปกครองที่คณะรัฐประหารและพวกพ้องไตร่ตรองไว้แล้ว รัฐธรรมนูญที่เป็นมรดกของคณะรัฐประหาร คือส่วนสำคัญของปัญหาปากท้องของคนส่วนมาก คือต้นเหตุของระยะห่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เพราะมันคือรัฐธรรมนูญที่วางโครงสร้างให้คนรวยจำนวน 1% ของประเทศนี้ พุ่งตัวทะยานขึ้นกอบโกยโดยการเหยียบหัวคนส่วนมากขึ้นไป 


แม้รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดราคาสินค้าอย่างไฟฟ้า น้ำมัน ยางพารา หรือปาล์ม ไม่ได้กำหนดราคาค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ ไม่ได้กำหนดอัตราภาษีเงินได้หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่สิ่งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำ มากกว่านั้นคือการมีอำนาจชี้ขาดว่าใครจะมาเป็นคนบริหารทรัพยากรของประเทศ ควบคุมโอกาสที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจที่จะส่งผลดีต่อประชาชน กล่าวให้เห็นภาพคือตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ 2560 ประเทศไทยมีนายกฯ มาแล้ว 4 คน ไม่มีใครมาจากพรรคที่ได้อันดับ 1 และพรรคที่ชนะจะถูกทำให้อ่อนแอลงด้วยกลไกในรัฐธรรมนูญ ถูกตัดสิทธิ ยุบพรรคทำลายเจตนารมณ์ของประชาชน


สรุปง่ายๆ ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ ประชาชนไม่มีทางได้รับการสนองนโยบายที่ใฝ่ฝันจากรัฐบาลที่คุณมอบความไว้วางใจให้ พรรคการเมืองเมื่อได้รับเลือกตั้ง แต่ผลักดันนโยบายไม่ได้ก็อ่อนแอลง ประชาชนไม่เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา ก็เข้าเกมที่ชนชั้นนำต้องการ นี่คือโครงสร้างอำนาจที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้สร้างขึ้น หากไม่แก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ เราจะอยู่ในวงโคจรการเมืองที่ไร้ความหวัง สิ่งเหล่านี้จะอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน 


ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงอย่างประเทศไทย การยกระดับปากท้องของประชาชนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนบางกลุ่มซึ่งเป็นคนส่วนน้อยต้องเสียประโยชน์ การแก้ไขปัญหาปากท้อง การลดความเหลื่อมล้ำจึงเป็นการต่อสู้ทางการเมือง แต่การสู้ทางการเมืองเช่นนี้ยากเหลือเกินที่ประชาชนจะเป็นผู้ชนะ เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบกติกาให้ประชาชนเสียเปรียบตั้งแต่แรก การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนที่ต้นเหตุจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 


ในสังคมประชาธิปไตย ประชาชนส่งเสียงผ่านผู้แทนเพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาปากท้อง แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกลับออกแบบให้เสียงของประชาชนไร้ความหมาย องค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสามารถยุบพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมาได้ นี่เป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างระบอบการปกครองที่ปากท้องของประชาชนไม่ได้ถูกคำนึงถึงตั้งแต่แรก 


ภคมนย้ำว่า การที่ประชาชนจะได้ใช้อำนาจในการกำหนดหน้าตาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือการปลดล็อกทางเศรษฐกิจและการทลายขีดจำกัดที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นนำ นี่จึงไม่ใช่เรื่องของการเมืองน้ำเน่า ไม่ใช่เรื่องกฏหมายที่ซับซ้อนน่าปวดหัว แต่เป็นการตัดสินว่านับต่อจากนี้ไปประชาชนคนไทยจะลืมตาอ้าปากได้หรือไม่ 


“ดิฉันเชื่อว่ามนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อแค่จะเอาตัวรอดให้ไม่อดตาย การใฝ่ฝันว่าลูกจะได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ ถึงเวลาเจ็บป่วยได้เข้าถึงโรงพยาบาลดีๆ ทำงานมีรายได้ มีเงินเก็บเยอะๆ คือศักดิ์ศรีของมนุษย์ มันจะมีค่าอะไรถ้าเราต้องใช้ชีวิตไปวันๆ โดยเลิกหวัง เลิกฝันว่าชีวิตเราจะอยู่ดีกินดีขึ้นได้ เห็นหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้พรากความฝัน และความเป็นไปได้ในชีวิตประชาชนคนธรรมดาแทบหมดสิ้น ในฐานะผู้แทนราษฎรยืนยันว่าอำนาจการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นของประชาชน และรัฐธรรมนูญคือทางรอดเดียวของประชาชน” ภคมนกล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน