วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"ณัฐพงษ์" จี้ "อนุทิน" ปราบสแกมเมอร์ชายแดน ลั่น ช้าเท่ากับ "ใส่เกียร์ว่าง" บี้ ให้รวดเร็วเหมือนแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ !

 


"ณัฐพงษ์" จี้ "อนุทิน" ปราบสแกมเมอร์ชายแดน ลั่น ช้าเท่ากับ "ใส่เกียร์ว่าง" บี้ ให้รวดเร็วเหมือนแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ !


วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้กล่าวถึงการติดตามการแก้ปัญหาสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซนเตอร์ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่นานาชาติให้ความสำคัญอย่างยิ่ง


นายณัฐพงษ์ชี้ว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศเกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักรทราบมาว่าได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์และคอลเซนเตอร์บริเวณชายแดนของประเทศไทยแล้ว ด้วยเหตุนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงควรเป็นประเทศที่ถือบทบาทหลักในการแก้ไขปัญหานี้ที่ส่งผลกระทบต่อชาวโลกทุกประเทศ


นายณัฐพงษ์ได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการอย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยเปรียบเทียบว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนรวมถึงตนเองจึงอยากเห็นการปราบปรามเครือข่ายเหล่านี้ได้อย่างเข้มข้น สำหรับการแก้ปัญหาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะมีกลไกทวิภาคีอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือผู้นำประเทศต้องสามารถดำเนินการได้อย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ก็มีความเชื่อมโยงกับรองนายกรัฐมนตรีและอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย


นายณัฐพงษ์ระบุอย่างชัดเจนว่า ยิ่งนายกรัฐมนตรีช้าหรือนิ่งนอนใจกับเรื่องนี้มากเท่าไร ก็อาจเป็นการแสดงออกให้สังคมเห็นว่านายกรัฐมนตรีใส่เกียร์ว่าง ไม่จัดการคนของตนเองที่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ การแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดจะยิ่งเป็นการแสดงออกถึงความโปร่งใสของรัฐบาล นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์เห็นว่านายกรัฐมนตรีอาจจะยังแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารน้อยเกินไปสำหรับปัญหาชายแดนและคอลเซนเตอร์ และมักจะโยนความรับผิดชอบไปให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเปิดเสียงบริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายกรัฐมนตรีก็ยังตอบว่าเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งแท้จริงแล้วต้องจี้ไปที่นายกรัฐมนตรีคนเดียวในฐานะผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนนี้ได้


ด้านบทบาทของพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรคพยายามรักษาสมดุลระหว่างการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและการตรวจสอบรัฐบาลในฐานะฝ่ายค้าน หากนายกรัฐมนตรียังคงล่าช้า ฝ่ายค้านก็จะยกระดับการตรวจสอบรัฐบาลให้เข้มข้นขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชนยังคงยืนยันว่า การโหวตตาม MOA นั้น เป็นการประเมินเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเรื่องความเสียหาย ปัญหาอื่น ๆ ของประเทศไปพร้อมกัน และยืนยันว่าจะไม่ให้คะแนน เนื่องจากไม่ได้เลือกมาบริหารประเทศ แต่เลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ


การตัดสินควรให้ประชาชนตัดสินในคูหาเลือกตั้งในอีกไม่เกิน 6 เดือนนี้ดีกว่า ส่วนกรณีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นไปตามหลักการ ไม่ได้มีเจตนาขู่ และจะยื่นเมื่อไรก็ยื่นเลย แต่จะไม่พูดออกสื่อ เพราะหากนายกรัฐมนตรีรู้ก่อนก็จะยุบสภาก่อน ดังนั้น หากถึงวันที่จะยื่นจะไม่บอกใครแน่นอน แต่จะส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน


นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ยังได้ชี้แจงกรณีที่มีผู้ตั้งคำถามถึง สส. ของพรรคประชาชน ที่ระบุว่าเทคโนโลยีสแกนม่านตาเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเนื่องจากมีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึง นายเบน สมิธ โดยระบุว่าได้มีการสื่อสารและทำความเข้าใจกับ สส. ในพรรคบางท่านแล้วว่า ต้องแยกระหว่างระบบแพลตฟอร์ม World ID และ World Coin ออกจากเส้นทางการเงิน ที่ตัวแทนของบริษัทนี้ในประเทศไทยอาจมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ และจะมีการปรับทิศทางการสื่อสารเรื่องนี้ให้รัดกุมและถูกต้องมากขึ้น


นายณัฐพงษ์ย้ำว่า ข้อมูลที่กรรมาธิการมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้มา เป็นข้อมูลที่หน่วยงานรัฐมาชี้แจง ดังนั้นไม่น่าใช่ข้อมูลที่ผิดพลาด แต่กังวลว่าวิธีการสื่อสารอาจทำให้ผู้สนับสนุนเทคโนโลยีในโลกอนาคต ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้าน Fake ID หรือ AI ที่อาจมาปลอมแปลงเป็นมนุษย์ในอนาคต อาจเข้าใจผิดว่าทั้งระบบเป็นแพลตฟอร์มสำหรับทำอาชญากรรมข้ามชาติ


อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์เชื่อว่า การอภิปรายของนายรังสิมันต์ในกรณี นายเบน สมิธ นั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก เนื่องจากรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เองก็ขึ้นรายชื่อแล้ว จึงคิดว่าเรื่องนี้มีมูล และยืนยันว่าจะไม่โยงใยถึงขั้นทำให้ข้อกล่าวหาของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผิดพลาดไปแต่อย่างใด และภาพที่ไปปรากฏว่าทำบุญร่วมกัน ก็ยังไม่ได้คำตอบ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #ปราบสแกมเมอร์