"ชูศักดิ์" ยันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญมาตลอด ชี้
MOA ระหว่าง 2 พรรค
ไม่รับประกันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม
2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่..พ.ศ…
เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา156 เพิ่มหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเพื่อไทย ชี้แจงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยว่า
เหตุที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร
แม้จะระบุเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง
แต่มีบทบัญญัติลงโทษนักการเมืองให้พ้นหน้าที่ไม่ชัดเจน
โดยมาจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอานายกฯ ออกจากตำแหน่ง
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย ให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 151 คน มาจาก 1. ส.ส.ร.จังหวัด 100 คน มาจากการเลือกของทั้งประเทศรวม 300 คน
ส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 100 คน 2. ส.ส.ร.จากการคัดเลือก
51 คน
มาจากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎรและครม.ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มี 27
คน แบ่งเป็นเลือกจาก ส.ส.ร. 14 คน
และเลือกจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ 13 คน
เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จให้ส่งมายังรัฐสภาเห็นชอบ
นายชูศักดิ์กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาวันนี้
ส่วนหนึ่งเกิดจากการทำ MOA กันระหว่าง 2 พรรคการเมือง
ที่ให้พรรคหนึ่งดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยมีเงื่อนไขคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ความจริงแล้วรัฐสภามีอายุ 4 ปี จะครบวาระในปี 2570 ขณะนี้ก็อยู่มา 2 ปีเศษ
แต่ท้ายสุดก็ตกลงกันว่าจะยุบสภา ครั้งนี้เราก็ลงทุนสูง
คือเราลดอายุของสภาผู้แทนราษฎรจาก 4 ปีให้เหลือ 2 ปี เราผูกพันว่าต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ก็ยังไม่รู้เลยว่า
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร และจะทำสำเร็จหรือไม่ ที่สำคัญที่สุด
เราต้องทำให้เสร็จภายใน 4 เดือน เพราะถ้าทำไม่เสร็จทันภายใน 4
เดือนนี้ ร่างรัฐธรรมนูญจะตกไป ไม่ทันกับกรอบเวลาการยุบสภา
นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า จึงตั้งความหวังทั้ง 3
พรรคการเมืองต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เป็นการลงทุนมหาศาล
และความสำเร็จก็ยังไม่แน่ใจ 100% ความพยายามของพรรคเพื่อไทยก็ดำเนินมาโดยตลอด
อย่างในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า
เป็นการล้มล้างการปกครอง
ถือเป็นครั้งแรกที่เรานำอำนาจนิติบัญญัติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปให้องค์กรอื่นวินิจฉัย
ในคดีนั้นตนเองเป็นทนายไปซักค้านเอง
จนกระทั่งตุลาการคนหนึ่งต้องออกจากการทำหน้าที่ในองค์คณะ จนในที่สุดศาลก็วินิจฉัยว่าไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง
จนรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีการยื่นแก้ไขหลายครั้ง
แต่โดนล้มไปหลายรอบด้วยวิธีการต่าง ๆ
“เราไม่ปฏิเสธที่จะเอาคนไม่ดีออกจากการเมือง
แต่การที่มีบนบัญญัติลงโทษนักการเมืองนั้น จะต้องมีความชัดเจนแน่นอน
ไม่ได้เกิดจากการตีความวิญญูชนทั่วไป
เข้าใจได้ว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงต้องพ้นหน้าที่
การที่เราไปมอบอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย
อย่าไปหลงประเด็นว่าพวกเราปฏิเสธการปราบโกง” นายชูศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ไม่มีเจตนาจะแก้หมวด 1
และหมวด 2 เหตุผลสำคัญคือ มาตรา 256 กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองจะกระทำไม่ได้ ถือว่าครอบคลุมแล้ว
แต่เมื่อค้นเหตุผลในการร่างกฎหมาย เพราะมีมาตรา 256 ที่อนุญาตให้แก้หมวด 1 หมวด 2 ได้ แต่ต้องทำประชามติก่อน
หากไปแก้ไขไม่ให้แก้หมวด 1 และ หมวด 2 จะทำให้กฎหมายขัดแย้งกันเอง
อีกทั้งหมวด 1 เองก็เคยมีการแก้ไขมาแล้วหลายครั้งในอดีต เช่น
รัฐธรรมนูญปี 2560 เอง
ที่เคยแก้เรื่องการตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระมหากษัตริย์
ทั้งที่ร่างรัฐธรรมนูญนำขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ลงพระปรมาภิไธยแล้ว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #แก้ไขรับธรรมนูญ #ประชุมสภา