ไทย
– สหรัฐฯ แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทน เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและรักษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อสรุปผลการเจรจาภายในสิ้นปี
2568
เมื่อวันที่
26 ตุลาคม 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์
เปิดเผยว่า
ไทยและสหรัฐอเมริกาได้สรุปผลแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา
(Joint Statement on Framework for United States–Thailand Agreement on
Reciprocal Trade) ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ได้ประกาศผ่านเว็ปไซต์ของทำเนียบขาว
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า
สร้างสมดุลทางการค้า และเป็นกรอบแนวทางการเจรจาความตกลงทางการค้าต่างตอบแทน
ที่จะต้องเจรจาในรายละเอียดภายหลังจากนี้ โดยแถลงการณ์นี้มิได้มีผลผูกพันทางกฎหมาย
แต่เป็นกรอบแนวทางที่ใช้ในการหารือร่วมกันต่อไป
รมว.พาณิชย์
กล่าวว่า ร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของไทยและสหรัฐฯ
ที่จะเดินหน้าเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างกัน
โดยความตกลงดังกล่าวจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
โดยตั้งเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาภายในปลายปีนี้ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า
จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศทางธุรกิจที่ดี
และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุน
โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ต่างมุ่งหวังจะเห็นความสำเร็จของการเจรจา ที่จะช่วยเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งดำเนินการให้บรรลุผล
ทั้งนี้
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นลำดับต้น เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ
เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยและมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะนี้
รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา
โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นประธาน พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ในการเจรจา ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย
สาระสำคัญของแถลงการณ์ร่วม
* กรอบการเจรจา
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อสร้างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าต่างตอบแทนในระยะยาว โดยจะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
* การเจรจาในอนาคต
ความตกลงจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
* การส่งเสริมการค้า
- ด้านภาษี : สหรัฐฯ
จะยกเลิกมาตรการกีดกันทางภาษีสำหรับสินค้าประมาณ 99% ของสหรัฐฯ
ส่วนไทยจะคงภาษีต่างตอบแทนไว้ที่อัตรา 19% สำหรับสินค้าไทย
- ความร่วมมือ : ทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน
(supply chain resilience)
-
การจัดการ : จะร่วมมือกันจัดการกับพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และร่วมมือในการควบคุมการส่งออก ความมั่นคงด้านการลงทุน และการต่อต้านการหลบเลี่ยงภาษี
* การซื้อขายเชิงพาณิชย์:
สหรัฐฯ
และไทยรับทราบข้อตกลงทางการค้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในภาคเกษตรกรรม พลังงาน และการบิน
ซึ่งรวมถึง
- การซื้อสินค้าเกษตรมูลค่าประมาณ
2.6 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
- การซื้อผลิตภัณฑ์พลังงานมูลค่าประมาณ
5.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
- การซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ
จำนวน 80 ลำ มูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์
* การดำเนินการต่อไป
สหรัฐฯ
และไทยจะเจรจาและสรุปความตกลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อเตรียมการสำหรับลงนาม
