วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

“ภัทรพงษ์” ถามกระทู้ “สุชาติ” กรณีสารพิษน้ำกก-สาย ยกทัพหลวงไปเยือนแบบใด แก้ปัญหาและตอบคำถามไม่ได้สักข้อ วอนเลิกแก้ปัญหาด้วยการโยนงานให้กระทรวงอื่นได้แล้ว


ภัทรพงษ์” ถามกระทู้ “สุชาติ” กรณีสารพิษน้ำกก-สาย ยกทัพหลวงไปเยือนแบบใด แก้ปัญหาและตอบคำถามไม่ได้สักข้อ วอนเลิกแก้ปัญหาด้วยการโยนงานให้กระทรวงอื่นได้แล้ว


วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้สดด้วยวาจาถาม สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ที่เกิดจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมา


โดยภัทรพงษ์ระบุว่าจากการลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 โดยระบุว่าเป็นการ “ยกทัพหลวง” ไปช่วยประชาชน ตนสงสัยว่าถ้าทัพหลวงทำได้แค่นี้ ตัวแม่ทัพเองต้องพิจารณาตนเองแล้วหรือไม่ เพราะปัญหาหลักไม่ได้ถูกแก้ไข และไม่ได้ถูกพูดถึงเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำประปาเป็นพิษ 18 หมู่บ้าน ที่มีการตรวจพบสารตะกั่วเกินมาตรฐานและปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ เดือนมิถุนายนตรวจพบ 4 หมู่บ้าน กรกฎาคมตรวจพบ 6 หมู่บ้าน และสิงหาคมที่ผ่านมาพบ 18 หมู่บ้าน


ปัญหาต่อมาที่ไม่ได้พูดถึงเลยคือการตรวจปัสสาวะในประชาชน ที่พบกลุ่มเสี่ยงมีสารหนูเกินเกณฑ์ปลอดภัย 7 ราย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีพูดเองว่าก่อนลงพื้นที่ได้ให้อธิบดีทำการบ้านให้หลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่พูดถึงปัญหานี้เลย ปัญหาต่อมาก็คือการเตรียมการรับมือกับข้าวนาปีกว่า 100,000 ไร่ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวในไม่กี่วันที่จะถึงนี้ ที่ปลูกด้วยน้ำที่ปนเปื้อนจากสารโลหะหนักเกินมาตรฐานจากน้ำกก น้ำสาย และน้ำลวก แต่ตอนนี้กลับยังไม่มีมาตรการตรวจสอบที่ชัดเจน และไม่มีมาตรการในการเยียวยาในกรณีที่ตรวจเจอสารโลหะหนักเกินมาตรฐานเลย


ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าตนจึงขอถามว่ารัฐบาลมีแนวทางที่จะจัดการด้วยมาตรการเร่งด่วนอย่างไรบ้าง กับการจัดการแหล่งน้ำเป็นพิษภายในประเทศ ในทั้งสามประเด็นหลัก คือ น้ำประปาเป็นพิษ 18 หมู่บ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กรณีการตรวจพบบุคคลที่มีสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐานในปัสสาวะ และการรองรับข้าวนาปีที่กำลังจะเก็บเกี่ยวและมาตรการเยียวยาหากตรวจพบเจอสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน


ทางด้านสุชาติระบุว่าสำหรับปัญหาน้ำประปาเป็นพิษ 18 หมู่บ้าน ทางตนได้มีการประสานกับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยแล้ว รวมทั้งผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค แหล่งน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ที่ใช้น้ำประปาผลิตนั้น ใช้จากแม่น้ำอายมาผลิต ส่วนแหล่งน้ำที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำได้เอง เช่น แหล่งน้ำบาดาล ซึ่งจะมีการเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาช่วยเรื่องผลผลิตสินค้าเกษตร ส่วนนี้ได้ลงไปสำรวจและได้พูดคุยคุยกันแล้ว


ส่วนแหล่งน้ำผิวดินที่มีการจัดเตรียมมาทดแทนน้ำประปา อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็ได้ลงพื้นที่ไปด้วย และตนก็ได้ประสานกับผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคและรองผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคอยู่ประจำ หากน้ำประปาเป็นพิษหรือมีผลต่อประชาชน การประปาส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดเชียงใหม่หรือผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคจะต้องตอบคำถามและชี้แจงให้ประชาชนได้รับความกระจ่าง


สุชาติกล่าวต่อไปว่าส่วนเรื่องการตรวจสุขภาพประชาชน วันนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการรายงานว่าสาธารณสุขจังหวัด กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีการลงไปตรวจและดูแลประชาชนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่ ส่วนเรื่องของข้าวนาปี ได้มีการประสานกับ ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามแก้ปัญหาเรื่องของพืชผลการเกษตรอยู่


ทั้งนี้ ถ้าเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนได้เตรียมแหล่งน้ำสำรองให้กับการประปาส่วนภูมิภาคไว้แล้ว ส่วนกรมควบคุมมลพิษก็มีการทำงานและชี้แจงกับประชาชนว่ามีจุดตรวจประมาณ 15 จุดเก็บมลพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสายและแม่น้ำลวกอีก 5 จุด โดยมีการชี้แจงผลทุกครั้งที่มีการตรวจ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงที่เกี่ยวข้องประมาณ 4-5 กระทรวง ซึ่งในส่วนนี้มีการหารือกันอยู่และเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลอยู่แล้ว


จากนั้นภัทรพงษ์ได้ถามกระทู้ต่อ โดยระบุว่าจากคำตอบของรองนายกรัฐมนตรี ตนยังไม่เห็นความห่วงใย เพราะในเรื่องของน้ำประปารองนายกรัฐมนตรีพูดถึงประปาส่วนภูมิภาคเสียมาก แต่ต้องเข้าใจในพื้นฐานของจังหวัดเชียงรายว่า 85% ของการใช้น้ำในจังหวัดเชียงรายคือประปาหมู่บ้าน ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีก 15% คือประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ปัญหาที่ถูกละเลยคือประปาหมู่บ้าน และที่รัฐมนตรีบอกว่าถ้าอยู่ใต้สังกัดกรมทรัพยากรน้ำบาดาลหรือกรมทรัพยากรน้ำรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้ว แต่เมื่อสองวันที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ลงพื้นที่ไปดูปัญหาในเรื่องของน้ำประปาเป็นพิษ แต่ก็ดูเพียงแค่ 3 จากทั้งหมด 18 หมู่บ้านเท่านั้น


เรื่องของสารหนูเกินในคน รองนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ตอบคำถาม เรื่องของข้าว 100,000 ไร่ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วันโยนให้ธรรมนัส รองนายกรัฐมนตรีอาจจะลืมไป แต่ก็ไม่น่าจะลืม เพราะรองนายกรัฐมนตรีก็เป็นประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่เพิ่งมีการประชุมกันเมื่อวานนี้ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องนั่งอยู่ในกรรมการชุดนั้นด้วย แต่ทำไมรองนายกรัฐมนตรีถึงตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ เพราะไม่มีในวาระการประชุมใช่หรือไม่


ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าการจัดการปัญหาที่ต้นตอคือการเจรจาระหว่างประเทศ ทุกครั้งที่มีคำถามจากภาคประชาชน ว่ารองนายกรัฐมนตรีว่าจะจัดการที่ต้นตอโดยการเจรจาระหว่างประเทศอย่างไร รองนายกรัฐมนตรีกลับไม่ตอบคำถามนี้ แต่โยนให้ กรรณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ที่ลงพื้นที่ไปด้วยเป็นคนตอบแทนตลอด วันนี้ตนจึงขอฟังชัดๆ จากรองนายกรัฐมนตรี ว่ามีแนวทางจัดการปัญหาที่ต้นต่อเพื่อแก้ปัญหามลพิษข้ามแดนนี้อย่างไร


จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตอบคำถามครั้งที่สอง โดยระบุว่าจากการลงพื้นที่วันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีข้าราชการลงไปสำรวจพื้นที่หลายจุด ซึ่งตนก็อยากให้ผู้ถามกระทู้ลงไปด้วยกันจะได้เห็นกับตาแล้วจะได้ทำงานร่วมกัน ส่วนเรื่องการตรวจสุขภาพที่ผู้ถามกระทู้วิตกกังวล หน่วยงานที่ตรวจสอบก็ยืนยันแล้วว่าไม่พบสารปนเปื้อนเกินควร ตนได้ข้อมูลมาแบบนี้


ส่วนที่มีการประชุมเมื่อวาน มีวาระเรื่องแม่น้ำกก โดยมีการตั้งคณะทำงานเจรจาร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาอยู่ในการประชุมอยู่แล้ว รวมถึงคณะทำงานติดตามสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบสุขภาพในพื้นที่แม่น้ำกกอีกอนุกรรมการหนึ่ง ส่วนเรื่องข้าว 100,000 ไร่ การแก้ปัญหาก็ต้องทำความเข้าใจกับผู้ซื้อ ซึ่งตนไม่ได้อยู่กระทรวงที่ซื้อขายในการเจรจา ส่วนเรื่องการต่างประเทศก็ต้องใช้วิธีการเจรจาระหว่างประเทศ


สุชาติกล่าวต่อไปอีกว่าปัญหาแม่น้ำกกไม่ใช่ปัญหาของกระทรวงเดียวแต่เป็นปัญหาระหว่างกระทรวงต่างประเทศที่ต้องหารือกัน รวมถึงกระทรวงมหาดไทยในเรื่องของการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องดูแลเรื่องพืชผลการเกษตร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคือดูแลการตรวจวัดน้ำและการควบคุมคุณภาพน้ำ ดังนั้น ผู้ตั้งกระทู้ควรตั้งคำถามให้ตรงกระทรวงที่รับผิดชอบ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่ทำอยู่ตั้งอนุกรรมมาสองชุดแล้วในการติดตามเจรจา ซึ่งรัฐบาลก่อนก็ได้มีการเจรจามารอบหนึ่งแล้ว


จากนั้น ภัทรพงษ์ได้ถามกระทู้ต่อเป็นรอบสุดท้าย โดยระบุว่าที่รองนายกรัฐมนตรีบอกว่าห่วงใยไม่แพ้ตน แต่ตอนนี้รองนายกรัฐมนตรีเองยังไม่รู้ว่ามีการตรวจสารหนูและพบคนที่มีสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐานไปแล้ว รองนายกรัฐมนตรีไม่ทราบเลยหรือว่า 7 คนที่ตรวจเกินอยู่ที่ จ.เชียงราย ไม่ได้ตรวจโดยกรมอนามัยแต่ตรวจโดยกรมควบคุมโรค ตรวจ 322 คนในจังหวัดเชียงรายแล้วเจอ 7 คน ข้อมูลแค่นี้รองนายกรัฐมนตรีไม่รู้ได้อย่างไรทั้งที่เพิ่งประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมา


ประเด็นในวันนี้คือรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต้องดูข้อมูลให้ครบทั้งหมดถึงจะแก้ปัญหาได้ ส่วนเรื่องการเจรจาระหว่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรีตอบมาเหมือนกับไม่รู้ ตอนอภิปรายระหว่างการแถลงนโยบายตนก็บอกไปแล้ว ว่าระหว่างวันที่ 12-16 ตุลาคม 2568 จะมีเวทีอาเซียนว่าด้วยข้อตกลงบริหารจัดการภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉิน และวันที่ 21-23 ตุลาคม 2568 ก็จะมีอีกเวทีหนึ่ง คือ China ASEAN Environmental Cooperation ตามกรอบ LMEC ซึ่งตรงกับอำนาจหน้าที่ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยตรง เพราะมีทั้งจีน ไทย เมียนมา และมีแผนการปฏิบัติในเรื่องมลพิษทางน้ำอย่างชัดเจนมาก


ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าอย่างแรกที่รองนายกรัฐมนตรีต้องทำ คือเลิกโยนปัญหาให้ สนทช. ที่ไม่มีแผนการปฏิบัติ ภารกิจ หรือกรอบที่จะทำในเรื่องนี้ และควรเลิกโยนปัญหาให้กระทรวงการต่างประเทศ เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมและมลพิษข้ามแดนระหว่างประเทศ คนที่เป็นแกนหลักในการเจรจาระหว่างประเทศคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนกระทรวงต่างประเทศทำหน้าที่สนับสนุนในการเจรจาเพียงเท่านั้น นี่คือประเด็นที่รัฐบาลต้องเดินให้ถูกทางเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ โดยก่อนที่จะมีการประชุม ต้องมีการตั้งวาระเข้าไปพร้อมกับกรอบระยะเวลาที่ต้องการให้ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศปฏิบัติ นี่คือสิ่งที่ต้องดำเนินการในทางการทูตล่วงหน้าก่อนที่จะมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการด้วย


คำถามสุดท้าย ตนขอถามรองนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไป แน่นอนว่าคณะกรรมการชุดนี้คือการให้แต่ละกระทรวงมาทำงานร่วมกัน วางแผนตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สามารถแบ่งหน้าที่ตามอำนาจของแต่ละกระทรวง ตั้งโครงการตามงบกลางเพื่อใช้แก้ปัญหาตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อขอมติคณะรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามกฏหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.แร่ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สามารถออกมาตรการในการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของผู้นำเข้าและส่งออกแร่ รวมถึงกฎหมายโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถออกประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขโรค เกี่ยวกับโรคที่ต้องเฝ้าระวังจากสารโลหะหนัก และประกาศเขตพื้นที่โดยต้องเฝ้าระวังกรณีพบสารโลหะหนักเกินมาตรฐานได้


หรือกระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างการมีฐานข้อมูลที่รวมข้อมูลจากทุกกระทรวงมาไว้ที่เดียวและเปิดเผยให้ประชาชนทราบ ไม่ว่าจะเป็นผลการตรวจน้ำ น้ำประปา พืชผลทางการเกษตร และผลการตรวจสุขภาพ จุดไหนที่เกินมาตรฐานก็บอกประชาชนด้วยว่าหน่วยงานไหนกำลังดำเนินการอะไรอย่างไร ถ้าทำเรื่องแค่นี้ได้ก็ไม่ต้องมาเสียหน้าเหมือนที่บอกตนว่าไม่มีการตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐาน โดยที่ไม่ได้เช็คกับกรมควบคุมโรคก่อนมาตอบกระทู้สดในวันนี้


ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าจากคำพูดของรองนายกรัฐมนตรีในวันนั้น ที่บอกว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตัวเองดำเนินการภารกิจเรื่องมลพิษโดยตรง รัฐบาลมีการวางแผนจัดการมลพิษแบบบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวงอย่างไร และใช้กลไกอะไรในการวางแผนจัดการ และการวางแผนการใช้งบกลางเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางน้ำจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมาที่ส่งผลกระทบมาในประเทศไทยอย่างไร ตรงนี้ตนขอให้ตอบอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลมีโครงการอะไรจากกระทรวงอะไรบ้าง และขอกรอบเวลาที่ตั้งให้แต่ละกระทรวงว่าจะต้องนำโครงการเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในเมื่อไหร่บ้าง


ทางด้านสุชาติได้ตอบคำถามโดยระบุว่าเรื่องแม่น้ำกกเมื่อวานนี้ที่มีการประชุม ได้มีการตั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องสองคณะ เป็นคณะทำงานประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภูมิภาคแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมีรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานในคณะทำงานนี้ อีกคณะหนึ่งคือคณะติดตามสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยมีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นประธานคณะทำงาน เพื่อติดตามการแก้ปัญหาในเรื่องการเจรจาโดยใช้รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน ส่วนผู้ที่ติดตามเรื่องของความเดือดร้อนเช่นสารตกค้างในน้ำและพืชผลการเกษตร มีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเมื่อเช้าได้มีการพูดคุยกัน แล้วตนยังบอกด้วยว่าให้มีการหาข้อมูลจากผู้ตั้งกระทู้ถามด้วย


ส่วนสิ่งที่ผู้ตั้งกระทู้ถามมาในเรื่องของการประชุม LMEC หรือ China-ASEAN กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว ต้องมีการประชุมหารือกันแน่นอน ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าสารพิษมาจากเส้นทางอย่างไรหรือเพราะเหตุใด ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องของการเจรจาและการพิสูจน์ ทั้งนี้ ตนขอฝากผู้ตั้งกระทู้ถามขอให้เสียสละเวลารับโทรศัพท์ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อธิบดีที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสอบถามหาข้อมูล หรือหากมีการชวนลงพื้นที่ก็ขอให้สละเวลาเพื่อประชาชนด้วย


จากนั้น ภัทรพงษ์ได้ตอบรองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าในส่วนของการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ขอให้ไม่ต้องห่วง เพราะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาทำในเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยมีฐานข้อมูลและระบบฐานข้อมูลทุกอย่างที่รวบรวมมาจากทุกหน่วยงาน ในส่วนนี้ทางรัฐบาลสามารถเอาสิ่งที่อนุกรรมาธิการทำไปใช้ต่อได้


จากการตั้งกระทู้ถามในวันนี้หากให้ตนสรุป สามารถกล่าวได้ว่าแม้รองนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ไปก็ไม่มีการจัดการปัญหาอะไรอย่างเร่งด่วน ที่สมเหตุสมผลกับปัญหาที่คนเชียงใหม่และเชียงรายกำลังเจอ มีคนพบสารหนูเกินมาตรฐานก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็น จ.เชียงราย ไม่ใช่ จ.เชียงใหม่ ข้าว 100,000 ไร่ที่ใช้น้ำปนเปื้อนในการปลูกกำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่แล้วก็ยังไม่มีมาตรการในการตรวจและแนวทางในการเยียวยา การแก้ปัญหาที่ต้นตอด้วยการเจรจาระหว่างประเทศ ตนก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรองนายกรัฐมนตรี


การลงพื้นที่ที่รองนายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นการยกทัพหลวงมาแก้ปัญหาให้คนเชียงใหม่และคนเชียงราย ถ้าทัพหลวงทำได้แค่นี้แสดงว่าแม่ทัพนำทัพไม่เป็น ไม่มีการวางแผนใดล่วงหน้า แบบนี้ยกทัพไปที่ศึกก็พ่ายทุกศึก ผมขอเตือนรองนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลที่ตอบคำถามในวันนี้ คำตอบในวันนี้และการดำเนินการในการแก้ปัญหาที่เร่งด่วนวิกฤตขนาดนี้ ไม่ต่างอะไรกับการไม่ใส่ใจและละเลยต่อปัญหา และมันกำลังจะกลายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับชีวิตของประชาชน” ภัทรพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #สารพิษ #น้ำกกสาย