[ถอดเทป] นพ.เหวง โตจิราการ :
ความยุติธรรมที่ไม่ควรมีวันหมดอายุ : ข้อเสนอทางกฎหมายเพื่อยุติการลอยนวลพ้นผิด
ในงาน
“จากตากใบถึงราชประสงค์ : ความยุติธรรมที่ไม่ควรมีวันหมดอายุ"
จัดโดยคณะกรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน
เมื่อวันที่
19 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมสัมมนา B1 –
2 ชั้น B1 อาคารสัปปายะสภาสถาน
แยกเกียกกาย
เรียนท่านประธานกรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ผู้ร่วมอภิปรายทุกคน
รวมทั้งผู้เข้าร่วมสัมมนาในวันนี้นะครับ ก่อนอื่นผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นว่าผมดีใจมากที่มีการเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา
ก็คือ การยุติธรรมต้องไม่มีวันหมดอายุครับ ท่านเห็นด้วยกับผมมั้ยครับ
ถ้าเห็นด้วยปรบมือเลยครับ การยุติธรรมมันต้องไม่หมดอายุ ไปหมดอายุได้ยังไง? ถ้าหมดอายุหมายความว่าความอยุติธรรมมันเข้ามาครอบครอง
มาครอบงำ ใช่มั้ยครับ? การยุติธรรมต้องไม่หมดอายุ เพราะฉะนั้น
ผมสนับสนุนเต็มที่เลย
วันนี้ผมทุ่มโถมและตั้งใจมากที่จะมาแสดงความคิดเห็นอภิปรายในวันนี้
นอกจากนี้ก็ยังมีข้อความต่อเนื่องมาก็คือว่า
ข้อเสนอทางกฎหมายเพื่อยุติการพ้นผิดลอยนวล หรือลอยนวลพ้นผิด
ท่านเห็นด้วยกับผมมั้ยครับว่าเราต้องยุติการลอยนวลพ้นผิด ผมว่าทุกคนเห็นด้วยกับผม
คือผมต้องวางหลักก่อนนะครับ ก่อนที่ผมแสดงความคิดเห็นของผมต่อไป
คือถ้าหลักมันแข็งแรงแล้วนะ เราก็สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ไอ้คนที่มันเฉซ้าย เฉขวา กระโดดข้ามขั้วไปทำโน่นทำนี่
เพราะหลักมันไม่แข็งแรงทั้งหมด ใช่มั้ยครับ? คือถ้าหลักคุณไม่แข็งแรง จบ!!! เราต้องยืนบนหลักที่แข็งแรง
นี่เป็นหลัก 2 ข้อที่กรรมาธิการท่านตั้งเป็นหัวข้อการสนทนาในวันนี้
ผมเองขออนุญาตท่านประธานและขออนุญาตที่ประชุมทุกท่านในการที่จะตั้งคำถามของผม 3 คำถาม ซึ่งจะเป็นเรื่องหลักเหมือนกัน และผมอยากให้ทุกท่าน
ถ้าเห็นด้วยกับหลักนี้ต้องยึดครองหรือยึดถือหลักนี้อย่างเหนียวแน่นมั่นคงตลอดชีวิต
หลักข้อที่
1 ผมเรียนถามท่านนะครับ ท่านตอบจากน้ำใสใจจริงของท่านเลยนะครับว่า
ท่านเห็นด้วยที่รัฐ
ใช้อำนาจรัฐเข่นฆ่าประชาชนที่เห็นต่างจากตัวเองแล้วมาแสดงสิทธิทางการเมืองโดยได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญ
ท่านเห็นด้วยหรือเปล่าครับ? เห็นด้วยมั้ยครับ? ผมเชื่อครับ ไม่เพียงแต่ในห้องประชุมแห่งนี้
ผมเชื่อว่าท่านผู้ชมทางบ้านทุกคนก็คงจะตอบตรงกันก็คือ ไม่เห็นด้วยครับ
ผมคิดว่าประชาชนไทยทุกคน และไม่เพียงแต่ประชาชนไทยทุกคน ประชาชนทั้งโลกด้วย
เขาไม่เห็นด้วยหรอกครับว่าที่รัฐจะใช้อำนาจรัฐมาเข่นฆ่าประชาชนของตัวเองเพียงแต่ประชาชนของตัวเองเห็นต่างจากรัฐแล้วมาแสดงออกโดยสิทธิที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ
ถูกต้องมั้ยครับ? นี่คือข้อที่ 1 นะครับ
คือเราไม่เห็นด้วยที่รัฐจะใช้อำนาจรัฐในการเข่นฆ่าประชาชนเพียงเพราะประชาชนมีความเห็นต่างทางการเมืองแล้วมาเรียกร้องตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ
นี่คือข้อที่ 1 ใช่มั้ยครับ
ข้อที่
2 จากข้อที่ 1 คือท่านเห็นด้วยมั้ยครับในการที่จะต้องเอารัฐที่ฆ่าประชาชนมารับโทษตามกฎหมายโดยปราศจากข้อคุ้มครองใด
ๆ ทั้งสิ้น เห็นด้วยมั้ยครับ? ก็ในเมื่อรัฐใช้อำนาจมาฆ่าประชาชน
มันไม่มีรัฐไหนหรอกที่จะฆ่าประชาชนตัวเองทั้ง ๆ ที่ ผมใช้คำว่า “ประชาชน” นะ
หรือจะให้มันหนักกว่านั้นก็คือประชาชนที่เป็นพลเมืองก็ได้ เพราะบางคนนี่หัวหมอ
อาจจะบอกว่าไอ้พวกนี้เป็นกบฏ เหมือนที่มันใส่ร้ายป้ายสีปี 53 ว่าพวกเราเป็นกบฏ (ขออนุญาตใช้คำว่า “มัน” นะ) แล้วตอนนี้ 15 ปีแล้วนะครับ คุณจับได้มั้ย? ชายชุดดำสักคนหนึ่งจับได้หรือเปล่า? 15 ปีแล้วนะครับ แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีเวลา 14 เดือนครับ แล้ววันที่เขาฆ่า ผมใช้คำว่า “ฆ่า” นะ ขออนุญาตใช้ภาษาตรง ๆ
เพราะผมไม่ต้องการที่จะเล่นลิ้น
เพราะผมเห็นนักการเมืองหลายคนเล่นลิ้นเพื่อที่จะปกป้องตัวเองให้พ้นจากความผิดที่ตัวเองทำ
ไม่ต้องเล่นลิ้น วันนั้นที่คุณฆ่าประชาชน คุณใช้ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพเลยนะครับ ในนี้ (วารสารเสนาธิปัตย์)
เขียนไว้ชัดเจนนะครับ และมีรายละเอียด ถ้ามีเวลาผมจะอ่านให้ฟัง
หากไม่มีเวลาไปโหลดในอินเตอร์เน็ตแล้วอ่านดูนะ เขารับสารภาพในนี้เลยนะครับว่าทหารหน่วยไหน?
กรม/กองไหน? รักษาถนนอะไร? นี่คือเรื่องที่ 2 ก็คือ
เราจะปล่อยให้รัฐที่ใช้อำนาจรัฐฆ่าประชาชนที่เป็นพลเมืองของตัวเองที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
เพียงเพราะพวกเขาเห็นต่างจากรัฐ ไม่ว่าสังคม การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา
หรือสิทธิในการดูแลตัวเองก็ตาม นี่คือหลักข้อที่ 2
ผมอยากจะวางหลักเอาไว้ก่อน
หลักข้อที่
3 ก็คือว่า เราต้องยุติจะเรียกว่าวัฒนธรรมก็ได้นะ ผมใช้คำว่าวัฒนธรรมดีกว่า
อาจารย์ธงชัยท่านมองในแง่กฎหมายบอกว่าอภิสิทธิ์ในการพ้นผิดลอยนวล
แต่ผมใช้คำว่าวัฒนธรรม
เหตุผลที่ผมใช้คำว่าวัฒนธรรมเพราะชีวิตผมเห็นกรณีรัฐใช้อำนาจรัฐฆ่าประชาชนที่เห็นต่างมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า
10 กรณี เพราะฉะนั้น ผมกลัวว่ามันจะเกิด ๆ ๆ ไปอีก
ผมจึงอยากจะถามหลักข้อที่ 3 เราต้องยุติ
ไม่ให้รัฐฆ่าประชาชนที่เห็นต่างแล้วมาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยชอบ
เราต้องยุติใช่มั้ยครับ? ต้องยุติ
เพราะฉะนั้น
3 หลัก 1) รัฐจะฆ่าประชาชนไม่ได้
ไม่ว่าประชาชนจะมีความคิดเห็นอะไรก็ตาม ใช้กฎหมายกับเขาสิครับ
ถ้าเขาทำผิดกฎหมายก็ใช้กฎหมายกับเขา ไม่ใช่เอาปืนไปฆ่าเขา 2)
รัฐที่ฆ่าประชาชนต้องเอามาลงโทษครับ ไม่ควรได้รับอานิสงส์จากกฎหมายใด ๆ
หรือข้อบังคับใด ๆ มาคุ้มครองให้เขาพ้นผิด ข้อที่ 3)
คือเราต้องยุติ ท่านครับ ผมเองก็อายุ 70 กว่าเกือบ 80
แล้วนะครับ ผมอาจจะอยู่ในโลกนี้ไม่รู้กี่ปี 10-20 ปีก็ไม่รู้ แต่ผมไม่อยากให้พ้นจากผมไป หรือในชีวิตผม ผมก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็คือว่า
ประเทศไทยหรือรัฐไทยต้องหยุดการฆ่าคนไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป
ดังนั้นนี่เป็นการตอบคำถามแรกของพิธีกรก็คือคุณฐาโดยตรงเลยครับว่า
ทั้งหมดที่พูดมาไม่ว่าจะเป็น ตากใบ-ราชประสงค์
นี่เป็นอาชญากรรมโดยรัฐหรือเปล่า? ชัดเจน!!!
ผมจะเพิ่มเติมให้ชัด
ๆ นะ เพราะหลายท่านอาจจะอายุน้อยกว่าผม ผมจะถอยหลังไปเลย
เพียงแต่ว่าถอยหลังไปจากนี้ส่วนใหญ่มันลอยนวลไปแล้ว แล้วความที่มันลอยนวลไปแล้ว
ผมใช้คำว่า “มัน” นะ เพราะมันใช้รัฐ
ใช้อำนาจรัฐฆ่าประชาชนที่เห็นต่างจากตัวเองอย่างอำมหิต แล้วมันก็ลอยนวลไป แล้วมันก็เลยสร้างเป็นวัฒนธรรม
เกิดความเคยชิน จริง ๆ วัฒนธรรมก็คือความเคยชิน คือการปฏิบัติที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ๆ ๆ
ๆ ๆ จนไม่มีใครทักท้วง
มันจึงกลายเป็นวัฒนธรรมหรือจะเรียกว่าขนบธรรมเนียมประเพณีก็ได้
เพราะฉะนั้นผมไม่ยอมให้เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าในที่ประชุมแห่งนี้
รวมทั้งคนที่ดูการถ่ายทอดทั่วประเทศและทั่วโลกก็คงเห็นด้วยกับผม
คือไม่ต้องการให้มีวัฒนธรรมฆ่าคนแล้วลอยนวล ใช่มั้ยครับ? ของผมนะ
ถึงผมจะเกิดไม่ทันนะ แต่ว่าผมโตทันที่จะรู้ “เผ่า ศรียานนท์” ฆ่า 4 รัฐมนตรี
และอ้างว่ากำลังจะย้ายสถานที่จำขัง แล้วผ่านไปที่บางเขน
แล้วบอกว่ามีโจรจีนมลายูมาปล้น เลยยิงต่อสู้กัน ทำให้ 4 รัฐมนตรีถูกยิง
(ถูกยิงทิ้ง) โอเค ไอ้คนที่ถูกกล่าวหาอาจจะได้รับโทษไปตามศาล
แต่ถามว่าคนที่วางแผนใหญ่คือใคร
เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่างเขาไม่สามารถดำเนินการอย่างนี้ได้ ลอยนวล!!! แต่เขามีชะตากรรมเนื่องจากขัดแย้งทางการเมือง
จอมพลสฤษดิ์เขารัฐประหารจอมพล ป. เพราะฉะนั้น “เผ่า” ก็เลยหลุดไป นะครับ
นี่คือยุคที่ 1 ผมจะทวนสั้น ๆ นะ
อันที่
2 คือ สฤษดิ์-ถนอม-ประภาส
โอ้โห...หนักเลย นาทราย นาหินกอง 7 ศพที่กกจำปา
และอีกเยอะแยะ มันยังมีการฆ่ามากมายเลย สุดท้ายก็ลอยนวลหมด ในสมัยจอมพลสฤษดิ์,
จอมพลถนอม, จอมพลประภาส นี่ไงมันก็เลยเกิดความเคยชิน เพราะว่าฆ่าเสร็จแล้วลอยนวล ๆ
ๆ เพราะฉะนั้นสบายใจเฉิบเลย ก็ฆ่าได้เรื่อย ๆ ผมเองเป็นหมอนี่ผมรู้
ที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นหมอผมคิดว่าคนทั่วไปก็รู้ เอาเป็นนายพรานแล้วกัน
ผมเคยเข้าป่าไปนะ ตอนนั้นเนื่องจากผมจำเป็นต้องเปลี่ยนเวทีการต่อสู้
ทั้งนี้เนื่องจากรัฐฆ่าคนที่เห็นต่าง เขาเอามือปืนไปรอผมที่หน้าห้องผ่าตัด 2 คนเลย อาจารย์บอกผมเอง ผมก็เลยมีความจำเป็นในการที่เปลี่ยนเวทีการต่อสู้
ผมก็เลยไปสัมผัสกับคนที่อยู่ในป่า พรานที่อยู่ในป่าเวลาเขาไปล่ากวางยิงกวางได้ตูม! เขาสะใจ เขาจะไปล่ากวางเรื่อย ๆ ล่าสัตว์อื่น ๆ เรื่อย ๆ ฉันใดก็ฉันนั้น
รัฐที่มันฆ่าประชาชนมันจะสะใจเพราะมันลอยนวล เมื่อกี้บอกแล้วสมัยเผ่า ต่อมา สฤษดิ์-ถนอม-ประภาส ก็เอาอีก ก็ลอยนวลอีก
แล้วก็ยังมาฆ่า
14ตุลา, 6ตุลา ก็ฆ่าอีก กล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์
ท่านจะเห็นเลยนะมันฆ่าซ้ำ ๆ ๆ ๆ ผมถามว่าเราจะให้การฆ่าซ้ำ ๆ อย่างนี้เกิดซ้ำ ๆ ๆ
ต่อไปในอนาคตอีกมั้ยครับ ผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่เห็นด้วย เราต้องหยุดให้ได้
ผมฝากท่านประธานนะครับว่าสมมุติถ้าหยุดในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ได้แหม...ผมจะดีใจมาก
แต่ถ้าหยุดไม่ได้ท่านประธานต้องเดินต่อนะครับ และทุกท่านต้องเดินต่อ นี่มาสมัยถนอม-ประภาส-สฤษดิ์ แล้วพอ 6ตุลา นี่ฆ่าในธรรมศาสตร์
ก็ลอยนวลอีก จริง ๆ อาจารย์ธิดาได้พูดในตอนเช้านี้แล้วครับว่าการสืบคดีของ 6ตุลา มันเกือบ ๆ จะถึงต้นตอที่แท้จริงแล้ว ในที่สุด เกรียงศักดิ์
ชมะนันทน์ ก็ประกาศนิรโทษฯ
เรื่องนิรโทษกรรมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในการที่จะต้องพูดถึง
แต่เดี๋ยวผมจะค่อย ๆ พูดไป ผมพยายามที่จะดูแลเวลาให้ดี ๆ ในระหว่าง 14ตุลา16 จนถึง 6ตุลา19
เกิดการฆ่าอย่างยิ่งใหญ่เลย มหาศาลเลย ก็คือพัทลุงครับ ถีบลงเขา เผาลงถังแดง
ตอนนั้นผมเป็นกรรมการบริหารของศูนย์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
เขาก็เลยมาร้องเรียน ผมก็เลยลงไปแล้วไปดูชาวบ้าน ขออนุญาตนะครับ
บางทีเป็ความขัดแย้งส่วนตัว ก็คือขออนุญาตนะครับ นี่คือความจริงครับ กอ.รมน.
ไปตั้งค่ายที่นั่น แล้วพลพรรคของ กอ.รมน.
เพียงแต่ไปรักผู้หญิงคนเดียวกันเท่านั้นเอง มันจับคนที่เป็นก้างขวางคอมาเผาทั้งเป็น
แล้วมันก็ลอยนวล แล้วเราอยากจะให้สิ่งนี้มันเกิดขึ้นเหรอ?
พอหลังจากนั้นสมัยพลเอกเปรมท่านประกาศ 66/23
ผมก็ชื่นใจนะว่ามันต้องไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว อ้าว! มันเกิดปี 35 ขึ้นอีก รสช. เขาใช้ทหารมาฆ่าอีก
ท่านดูสิครับในดิจิทัลฟุตพริ้นในอินเตอร์เน็ตท่านจะยังเห็นอยู่เลย ยิงในแนวระดับ
ผมยังจำได้เลย ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วนะตอนนั้น แต่ผมดูถ่ายทอดสดในวันนั้น
ก็คือประชาชนเขาเอารถเมล์มา 3 หรือ 4 คัน
แต่มีคันหนึ่งรถเมล์เต็มคันเลยครับ วิ่งเข้ามาชนหาทหารที่เขาวางแนวตั้งปืนโกน
ผมเรียกของผมเองนะ แต่ผมถามทหาร ทหารเขาบอกไม่ใช่เรียกอย่างนั้น ตั้งว่าปืนโกนจาน
ก็คือมีฐานแล้วก็มีกระบอกปืนแล้วก็ยิงลูกกระสุนยาวกว่านิ้วชี้ผมอีก ยิงตู้ม ๆ ๆ
รถคันนั้นหมดเกลี้ยงเลย เพราะฉะนั้นที่บอกว่าตาย 44 ศพ
ผมรับฟังแต่ผมคิดว่าคงมากกว่านั้นแน่ อย่างเนี้ย
ไอ้นี่พ้นไปเพราะว่าเขาออกนิรโทษกรรม แต่มันเกิดความเคยชินขึ้นอีกแล้วว่า
เฮ้ยฆ่าแล้วมันลอยนวล
คราวนี้มาถึงวันนี้นะ
ผมเข้ามาถึง 53 เลย ท่านที่เคารพทุกท่าน มีคนพูดกันเยอะแยะเลยนะว่าปี 52 ไม่มีการฆ่า ท่านจำได้มั้ยครับว่าปี 52
ก็มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ยังจำได้มั้ยครับ ปี 52
ก็มีการชุมนุมนะครับ ผมยืนยันว่ามีการ “ฆ่า” ครับ
เพราะว่าผมไปดูคนเสื้อแดงคนหนึ่งที่ถูกยิงตรงบริเวณเหนือราวนมซ้ายแล่วกระสุนแฉลบไปตัดรักแร้ซ้าย
ตรงนี้มีเส้นเลือดใหญ่แผงใหญ่อยู่ในนี้
เดชะบุญเขาโดนยิงที่หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก แต่ว่ามันไม่ได้ไกลจากโรงพยาบาลราชวิถีเท่าไร
ก็เลยมีคนพาเขาไปที่โรงพยาบาลราชวิถี เขาก็เลยรอดชีวิต เสร็จแล้วพี่น้องเสื้อแดงคนนี้
ผมขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อก็แล้วกันนะครับ เพราะเดี๋ยวผมกลัวว่าเขาจะโดนรังควาน
เขาฟ้องแพ่งกองทัพบกครับ ชนะครับ ศาลตัดสินให้ได้ค่าชดเชย 2
ล้าน นี่เป็นข้อยืนยันว่าปี 52 มีการฆ่าครับ ทั้ง ๆ
ที่รัฐบาลหรือนักวิชาการบางคนบอกว่าไม่มีการฆ่าเพราะไม่มีหลักฐาน ก็มีคนเขาบอก
ผมไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง เขาบอกว่าศพมันอยู่ใต้อุโมงค์ตรงบริเวณดินแดง เพราะฉะนั้น
ปี 52 เราไม่มีหลักฐาน แต่ปี 53 ชัดเจนเลย!!!
ผมเชื่อว่าในนี้หลายคนทันที่จะได้ดูการถ่ายทอดสด
เริ่มต้นที่อาจารย์ธิดาเขาบอกว่าทำสงคราม 3 ครั้ง ครั้งแรกก็คือที่ไทยคม
ทั้งนี้เนื่องจากเขาต้องการที่จะตัดสัญญาณไทยคม ทั้ง ๆ ที่ไทยคมนี่เป็นกิจการเอกชน
เพราะฉะนั้นรัฐไม่มีสิทธิในการที่จะตัดสัญญาณ แต่คนเสื้อแดงเดินมือเปล่าไป
แล้วทางนั้นระดมยิงอย่างหนักเลย ตอนแรก ๆ ใช้แก๊สน้ำตา เดชะบุญที่ลมกลางทุ่งพัดแก๊สน้ำตาไปคลุมทหารหมดเลย
ทหารเลยหนีกระเจิดกระเจิงแล้ววางอาวุธไว้
แล้วก็มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งไปหลบบนหลังคาแล้วก็เล็งยิง
สุดท้ายทางฝ่ายทหารตอนนั้นเขาเรียก ศอฉ. ในเล่มนี้เขาบอกชัดนะ รัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ แก้ปัญหาการชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยการตั้ง ศอฉ. ขึ้น แล้ว ศอฉ.
ใช้กองทัพมาแก้ปัญหาคนเสื้อแดง ถ้าใช้กองทัพแปลว่าอะไรครับ
แปลว่ามีเจตนาฆ่าอยู่แล้วครับ ทำไมคุณไม่ใช้ตำรวจอย่างที่ อานันท์ ปันยารชุน
เขาบอกตั้งแต่ปี 35 ล่ะ หลัง 35
อานันท์ ปันยารชุน แถลงข่าวเกือบจะทุกวัน บอกว่าต่อไปนี้การจัดการกับการชุมนุมห้ามใช้อาวุธ
ให้ใช้ตำรวจอย่างเดียว แล้วไม่มีอาวุธ มีแต่กระบองกับโล่
แล้วก็ส่งคนไปศึกษาที่ประเทศเกาหลีใต้ด้วยซ้ำไป เพราะเกาหลีใต้มีการ ประชาชนนะ
เขาขว้างโมโลตอฟใส่เจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ใช้ได้แต่กระบองกับโล่
อานันท์ก็เลยไปศึกษา แล้วก็มาวางหลักเอาไว้ ตามาถึงปี 53 ในนี้
(วารสารเสนาธิปัตย์) เขียนเลยนะว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้ง ศอฉ.
ขึ้นเพื่อที่จะใช้ทหารมารับมือ คำว่ารับมือเป็นภาษาที่ไพเราะ
แต่ความจริงก็คือมาฆ่า เพราะทหารมีหน้าที่อย่างเดียวคือฆ่าครับ
เพราะฉะนั้น
ปี 53 ก็จะเห็นที่ถนนดินสอ ถนนตะนาว นั่นก็คือ 10เมษา
ที่จริงผมสลดใจมาก แล้วผมขมขื่นใจมาก เพราะศพที่ผมเห็นศพแรกนะ
ตอนนั้นผมอยู่ราชประสงค์แล้วผมดูการถ่ายทอดสด ศพแรกนี่ก็คือ สวาท วางาม
เขาถือไม้ไผ่ครับเหมือนผมกุมอย่างนี้ (กุมไมค์) แล้วปลายไม้ไผ่เป็นธงชาติครับ
การถืออย่างนี้เป็นการแสดงต่อสาธารณชนชัดเจนว่าข้าพเจ้าจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา
และพระมหากษัตริย์ ไอ้คนเล็งยิงมันเห็นครับ เพราะกล้องมันเห็นถ้าท่านดูในหนังนะ
กล้องมันเห็นชัด ๆ คุณยังยิงเข้าเลย กะโหลกแตกครับ สมองกระจุยเลย
คุณทำได้ยังไงครับ
แล้วก็
88 ศพนะ นอกจาก 10เมษา ที่ถนนดินสอ ที่ตะนาว
มีจำนวนทั้งสิ้น 26 ศพ แต่ 22 ศพเป็นของประชาชน
อีก 5 ศพ ก็คือทางทหาร เขาก็ใส่ร้ายเลย
ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมตรงนี้นิดหน่อยว่า ทุกครั้งที่รัฐจะฆ่าประชาชน
รัฐจะสร้างเรื่องโกหกใส่ร้ายป้ายสีประชาชนทั้งสิ้น ทุกครั้ง ย้อนหลังไปก็แล้วกัน
ผมจะได้ไม่เสียเวลานะครับ เที่ยวนี้ก็เหมือนกัน ใส่ร้ายป้ายสีว่าพวกเราเป็นพวกล้มเจ้า
สุดท้าย สรรเสริญ แก้วกำเนิด
ไปเซ็นรับรองต่อหน้าศาลว่าไอ้ผังดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการล้มเจ้าเลย
ทั้งนี้เนื่องจากอาจารย์ยิ้มไปเรียกร้องต่อศาล และศาลท่านก็เลยไกล่เกลี่ย และไก่อูเซ็นเองว่าผังดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการล้มเจ้า
นี่มันโกหกชัดเจน แล้วก็ชายชุดดำ อาจารย์ธิดาบอกแล้ว คลิปที่เห็นนะครับ
ผมเนี่ยสังเกตดู ข้อที่ 1) มันปรากฏ 3
วันให้หลังครับ คือวันที่เกิดเหตุนั่นวันที่ 10
แต่คลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ในสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวันที่ 13 ผมสังเกตดูเห็นว่ามีโลโก้ของ “อัลจาชีรา” ผมก็เลยถามนักข่าว “อัลจาชีรา”
เขาบอกว่าเขาซื้อมาครับ เพราะว่าผมสงสัยแล้วว่าถ้าคลิปดังกล่าว
นักข่าวมันถ่ายจริงนะ มันต้องแพร่ภาพทันที เพราะว่าคนแพร่ภาพทันทีจะได้รางวัล
ไม่ต่างอะไรกับรางวัลโนเบลไพรซ์ของด้านสื่อสารมวลชน เขาเรียก พูลิตเซอร์ไพรซ์
ถ้าถ่ายทอดทันทีนะ เพราะวันนั้นถ่ายทอดได้แล้ว แต่ทำไมมาถ่ายทอดวันที่ 13 ล่ะ นั่นมันมีข้อพิรุธแล้ว พอผมไปถามอัลจาชีรา เขาบอกว่าซื้อมาครับ
ซื้อมาจากฟรีแลนซ์ ก็คือนักข่าวอิสระ ผมก็ไปถึงบางอ้อเลย นี่แปลว่าโกหกอีกแล้ว
แล้วอาจารย์ธิดายืนยันเมื่อกี้นะ
แล้วผมก็เอาคำของอาจารย์ธิดามาตอกย้ำอีกทีก็คือ ไม่มีกระสุนอาก้าแม้แต่นัดเดียว
ไม่มีใครบาดเจ็บจากกระสุนอาก้า และไม่มีใครล้มตายจากกระสุนอาก้าเลย เพราะฉะนั้น
ไอ้ชายชุดดำเป็นเรื่องโกหกครับ ชายชุดดำก็ดี เรื่องล้มเจ้าก็ดี เป็นเรื่องโกหก
แต่คุณฆ่าแล้ว แล้วคราวนี้เขายังใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงว่า พ.อ.ร่มเกล้าตายเพราะ M79
ยิงจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยิงเข้าไป คือมันต้องพยายามสร้างเรื่องเท็จ
แล้วตอนหลังขออนุญาตด้วยความเคารพนะ อันนี้เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ ผมจะได้ให้ปรากฏไว้ก็คือ
คณะกรรมการตรวจค้นข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ โดยมีอาจารย์คณิต ณ นคร เป็นหัวหน้าหรือประธาน เสร็จแล้วก็มีคุณสมชาย
หอมลออ เขียนรายละเอียดของเหตุการณ์ในรายงานของ คอป. ของอาจารย์คณิต เขียนว่า
วันนั้นคนเสื้อแดงวิ่งเป็นแถวเป็นแนวเข้าไปในถนนดินสอ
แล้วก็ไปปีนรั้วบ้านทรงไทยแล้วปีนเข้าไป ส่วนหนึ่งก็หนีออกไป
แล้วอีกส่วนหนึ่งตอนนั้นเขามารับแล้วว่า ร่มเกล้า ตายจากระเบิดขว้าง M67 ก่อนหน้านี้มันใส่ร้ายป้ายสีบอกว่าคนเสื้อแดงยิง M79 ตอนหลังคือมันมีหลักฐานออกมานะ ผมก็ได้ผ่านตาผมนะครับ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานบอกว่าไอ้หลุมที่ระเบิดตรงบริเวณร่มเกล้าเสียชีวิตมีเศษโลหะของ
M67 และร่างกายของร่มเกล้ามีชิ้นส่วนโลหะของ M มันก็ชัดเจนเลยนะครับว่าร่มเกล้าตายด้วย M67 (M67 คือระเบิดขว้างที่ได้ผลในระยะทาง 30-40 เมตร)
มันก็พยายามเขียนบอกว่าคนเสื้อแดงฆ่าร่มเกล้า
ก็คือว่าคนเสื้อแดงวิ่งเข้ามาแล้วก็ปีนกำแพงรั้วของบ้านทรงไทย
แล้วก็ขว้างจากบ้านทรงไทย
ข้อที่
1) ทหารมันยึดพื้นที่เต็มไปหมดเลย 2-3 พันคน
มีรถเกราะอยู่ 4 คัน ทหารเต็มไปหมด เบียดไหล่กันเลย 3-4 พันคน แล้วทหารมันจะให้คนเสื้อแดงวิ่งเข้าไปเหรอ? ข้อที่ 2) ทหารมันยึดโรงเรียนสตรีวิทยา 4-5 ชั้นเลย
แล้วทุกชั้นมีทหารส่อง ๆ ๆ ๆ แล้วบ้านทรงไทยมันอยู่ตรงข้ามเลย
แล้วไอ้ทหารที่ยืนอยู่มันจะอนุญาตให้คนเสื้อแดงขว้างเหรอ? ข้อที่ 3) ประตูดังกล่าวมันสูงเกิน 2 เมตรครับ คนไทยสูง 1.70 เมตร มันไม่มีทางขว้าง เพราะฉะนั้น โกหกอีกแล้ว
ผมมีเพื่อทหารเล่าให้ผมฟัง
บอกว่าคนที่ขว้างก็คือทหารที่ยืนอยู่ในถนนดินสอ เพราะฉะนั้น ขว้างกันเอง ฆ่ากันเอง
แต่นี่มันใส่ร้ายป้ายสีว่าคนเสื้อแดงทำ เพราะฉะนั้นมันก็เลยต้องการเอาคืน
มันก็เลยไปคิดอย่างเป็นระบบ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเป็นอาชญากรรมโดยรัฐ ผมขออนุญาตที่จะนิยามนิดหนึ่ง
ไม่ใช่มาจากผมหรอก แต่มาจากทางสากล เขาบอกว่าอาชญากรรมโดยรัฐประกอบด้วยอะไร
องค์ประกอบข้อที่ 1) จงใจเจตนา ข้อที่ 2) เป็นการวางแผนโดยละเอียด
ข้อที่ 3) โดยคณะที่วางแผนกัน ข้อที่ 4)
พื้นที่ที่เกิดเรื่องกว้างขวาง ข้อที่ 5) มีคนตายจำนวนหนึ่ง
อาจารย์ธิดาอธิบายไปแล้วนะครับว่าตอนนั้น
ICC พยายามบอกว่าตายแค่ 100 อาจารย์ธิดาบอกไม่ใช่ครับ
มันซ้ำแล้วซ้ำอีก ๆ ๆ ต้องหยุดให้ได้ เพราะฉะนั้น 5 ประการ
ถ้าท่านเห็นด้วยกับผมนะ หลัก 5 ประการนี้
ไปสำรวจตรวจสอบดูจะเห็นชัดเจนนะกรณีตากใบก็ดี กรณีราชประสงค์ปี 53 ก็ดี มันชัดเจนเลยว่าเป็นอาชญากรรมที่ก่อโดยรัฐ
การนำเอาคนผิดมาลงโทษ
ผมก็ขออนุญาตที่จะกราบเรียนทุกท่านว่า
ทางคนเสื้อแดงนปช.
หรือแกนนำทุกคนพยายามที่จะทวงความยุติธรรมให้กับพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกฆ่าอย่างอำมหิตเมื่อปี
53 กรณี 10เมษา53 จนถึง 19พฤษภา53 ท่านคิดดูนะครับ
ผมได้พูดตั้งแต่ตอนต้นแล้วนะครับว่า
รัฐที่จะฆ่าประชาชนเขาจะใส่ร้ายป้ายสีด้วยเรื่องเท็จก่อน
เพราะฉะนั้นท่านคิดดูความอำมหิตสิครับ วันที่ 19พฤษภา
พวกผมสลายม็อบเวลาประมาณ 13.00 น.
ให้พี่น้องทุกคนกลับบ้านโดยไปที่สนามศุภชลาศัย
ส่วนใครที่กลับไม่ทันก็ให้เข้าไปที่วัดปทุมฯ แค่วัดปทุมฯ
เรื่องเดียวก็บอกได้อย่างชัดเจนถึงความอำมหิตของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับ ศอฉ.
แล้วนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ ผมมามองย้อนหลัง
วันนั้นผมอาจจะไม่เท่าทันรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยซ้ำไป คือเขาประกาศว่า
รัฐบาลประกาศว่า แล้วมีนักสันติวิธีบางคนก็ไปร่วมมือกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ก็คือเขาประกาศว่าวัดปทุมฯ เป็นเขตอภัยทาน แปลว่าปลอดกระสุนแน่นอน
แต่ท่านครับ
13.30 น. พวกผมถูกขนตัวไปค่าย จ.ประจวบคีรีขันธ์ 15.00 น.
ครับ ไม่มีใครเหลืออยู่แล้วครับ บริเวณแถบนั้นมีทหาร 4-5
หมื่นคนคุมพื้นที่ทั้งหมด ฉับพลันทันใดมีการเผาเซ็นทรัลเวิลด์, ZEN, สยามสแควร์
จากนั้นก็กระจายไปเผาทั่วกรุงเทพมหานคร ที่ชัดเจนก็คือตลาดหลักทรัพย์ฯ
แล้วก็ใส่ร้ายป้ายสีทันทีเลยว่าคนเสื้อแดงเผา คิดดูซิครับว่าพวกนี้เขาฉลาดขนาดไหน
ความฉลาดเขาคือความอำมหิต ก็คือไอ้เรื่องฆ่าคนเสื้อแดงมันชัด ๆ นะครับ
แต่ทำไงถึงจะให้สาธารณชนทั้งหลายลืม หรือไม่พูด
หรือไม่ใส่ใจเรื่องการฆ่าคนเสื้อแดง ก็สร้างเรื่องเผาไงล่ะครับ
แล้วบอกว่าคนเสื้อแดงเผา สุดท้ายในกรุงเทพฯ ศาลท่านตัดสินยกหมดเลย
เพราะว่าคนเสื้อแดงไม่ได้เผา แล้วใครเผา? สำหรับผมฟันธงเลยว่า ศอฉ.
โอเค
ต่างจังหวัด ผมเคารพคำพิพากษาศาล ศาลท่านบอกว่าคนที่ถูกฟ้อง หลายคนถูกจำคุก
ผมเคารพครับ ผมไม่ก้าวล่วง แต่ตามความเข้าใจของผมเท่าที่ผมติดตามเรื่องมา
ผมเอาที่ตำรวจก่อน ตำรวจจับยังไง เขาถ่ายรูปคนที่เป็นไทยมุง คนที่ไปดูเผาศาลากลาง
แล้วก็จิ้มในไทยมุงนั่นแหละ แล้วเอาเข้ามาตั้งข้อหา ท่านครับ ชาวบ้านชนบทเขากลัว
พอตำรวจมาปุ๊บจับปุ๊บมีคดีปุ๊บ
ตำรวจโน้มน้าวจูงใจให้เซ็นรับสารภาพไปก็แล้วกันเรื่องมันจะได้จบ ๆ ก็เซ็นไป
เพราะฉะนั้นก็จบ แต่จริง ๆ ยังเชื่อของผม ผมเคารพคำพิพากษาศาลไม่ไปก้าวล่วง
ผมเชื่อว่า ศอฉ. เป็นคนเผา เพื่อเอาเรื่องเผามากลับเรื่องฆ่าคน 100 ศพ
ผมใช้คำว่า 100 ศพ ก็แล้วกันจะได้เข้าใจง่าย ๆ
ท่านครับ
หลังจากนั้นยังอำมหิตกว่านั้นอีก ไม่ต้องเป็นนักอาชญวิทยา ไม่ต้องเป็นทนายความ
ไม่ต้องรู้กฎหมาย เวลาเกิดอาชญากรรมร้ายแรงขึ้น
สถานที่ประกอบอาชญากรรมต้องถูกกันเอาไว้เป็นเวลาที่แน่นอนเพื่อหาหลักฐานจนกว่าจะสาวไปถึงฆาตรกรหรืออาชญากรได้
นี่วันที่ 23พฤษภา 19 เผา 20 ไฟสงบ 21,
22, 23 ผ่านมา 3 วัน Big Cleaning Day เลยครับ แล้วท่านคิดว่าเขารักกรุงเทพฯ ขนาดนั้นเหรอ ไม่ใช่ครีบ
คือทำลายหลักฐานทั้งหมด นี่คือความอำมหิตของรัฐไงล่ะ หลังจากนั้นพวกเรา
ผมถูกขังอยู่ประมาณเกือบปีนะ ผมออกมาประมาณต้นปี เดือนกุมภา ปี 54 ข้างนอกอาจารย์ธิดาก็เดินเรื่องไป ตอนนั้นกระแสใหญ่เลยทั่วทั้งประเทศ
“ด่า” คนเสื้อแดง ขออนุญาตใช้ภาษาชาวบ้าน
ขอประทานอภัยถ้าภาษาผมอาจจะเป็นภาษาชาวบ้านนะ เพราะมันจะได้สื่อกันง่าย ๆ
ด่าคนเสื้อแดงว่า ไอ้เผาบ้านเผาเมือง ไอ้ล้มเจ้า ตอนนั้นยังไม่ได้มีกรณีสรรเสริญ
แก้วกำเนิด มารับสารภาพ ดังนั้นเป็นภารกิจของอาจารย์ธิดาที่จะต้องลบล้างความเข้าใจที่ผิดทั้งหมดตลอดเลย
นานมาก
แล้วท่านคิดดูซิครับ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ สำหรับผมนะ คุณต้องคอยรับอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องเบา ๆ
แต่ก็ไม่เบานักหรอก ก็คือตั้งแต่ 19พฤษภา ถึงเดือน กรกฎา54 ที่มีการเลือกตั้ง ประมาณ 14 เดือน
ทำไมคุณไม่ไต่สวนการตายโดย ป.วิอาญา มาตรา 150 วรรค 3
ทำไมคุณไม่ดำเนินการ? ไม่มีเลยครับ แล้วก็จับชายชุดดำไม่ได้ในช่วง 14 เดือนนั้น แล้วในช่วงที่มันเกิดเหตุการณ์ คุณมีกำลัง
อาจารย์ธิดาโชว์ไปแล้ว ผมบวกตัวเลขประมาณ 9 หมื่นนาย
(ทั้งตำรวจและทหาร) ทำไมคุณจับชายชุดดำสักคนไม่ได้ ยิงสักคนก็ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวเป็นพัน ๆ นะ เดินทุก ๆ วันตลอด 24 ชั่วโมง
ผมอยู่ บางทีผมก็ไม่ได้นอน เขาเดินไปหมดทุกที่ทุกเต็นท์ ถ่ายรูปได้เลย
ไม่เห็นหลักฐานเลยว่ามีชายชุดดำ
เพราะฉะนั้น
Big
Cleaning Day แล้วก็เผานะ หลังจากนั้น 14
เดือนก็ไม่ได้มีการไต่สวนเลยนะ แล้วหลังจากที่กระแสเรื่องเผาบ้านเผาเมือง, ล้มเจ้า
จากการต่อสู้ของอาจารย์ธิดาที่เป็นประธานตอนนั้นเบาลง
เราถึงมาเอาใจใส่ผลักดันให้เกิดมีการไต่สวนก็เป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เขาไต่สวน 31 ศพ อาจารย์ธิดาพูดเมื่อเช้านี้แล้วว่า ที่เขารัฐประหาร เหตุผลประการหนึ่ง
เขาอาจจะกลัวเรื่องการไต่สวน ถ้ามันไต่สวนไปครบ 89
ศพเมื่อไหร่ มีสิทธิ์ มีลุ้น เช่นเดียวกับ 6ตุลา
พอไต่สวนไปแล้วเกือบ ๆ แล้วนะ รัฐประหารเลย นี่ก็เหมือนกัน พอรัฐประหารปุ๊บ จบเลย พอตั้งแต่ปี
57 เป็นต้นมาจนถึงปี 66
อย่างที่อาจารย์ธิดาโชว์ตัวเลย DSI ดำเนินกับศพที่เหลือ 63 ศพ ว่าตายจากใครก็ไม่รู้ ไม่ได้ตายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่
เพราะฉะนั้นไต่สวน ผมใช้ภาษาชาวบ้านก็แล้วกันนะ ถ้าใช้ภาษากฎหมายมันจะเข้าใจยาก
คือเพียงแต่ไปตรวจศพเฉย ๆ ไม่ได้ชันสูตรพลิกศพโดย 4 ฝ่าย
ตำรวจ อัยการ นิติเวช เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสรุปสำนวนส่งศาล ไม่มี!!! ทั้ง ๆ ที่ทุกศพยิงโดยทหาร
เพราะฉะนั้นมี
63 ศพ เพราะงั้น DSI คุณตั้งหลักให้ดีนะครับ
คุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ครับ มันไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งอัยการ
ต้องขออนุญาตขอบคุณท่านประธานกรรมาธิการการกฎหมายฯ ที่ท่านได้ทำเรื่องนี้นะครับ
ก็เลยทำให้ DSI เขาส่งรายงานมา ปรากฏว่ารายงาน
เมื่อตอนเช้าอาจารย์ธิดาได้นำเสนอแล้วว่า อัยการบอกว่าสั่งหยุดการสอบสวน
ให้สืบสวนในอายุความ ทำอย่างนี้ได้ยังไง? เพราะทุกศพมันยิงโดยทหาร
คุณต้องเอาทุกศพขึ้นศาล เพราะฉะนั้นพอมาสมัยรัฐประหารนี่เราจบเลยนะ
เราทำอะไรไม่ได้
แล้ว
31 ศพ ได้พยายามนำขึ้นศาลบางศพ
ศาลท่านบอกว่าเรื่องนี้เขาทำในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี คุณต้องไปยื่นเรื่องผ่าน
ป.ป.ช. เรากระอักเลือดเลยเพราะ ป.ป.ช. ท่านปัดตก บอกว่าไม่มีมูล
เพราะว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่ได้การรับรองโดยรัฐธรรมนูญ ปัดตกไป
ก็คือไม่มีมูล เพราะฉะนั้น ป.ป.ช. จบ!!! DSI ก็อยู่ที่ว่าเขาไต่สวน 31 ปุ๊บ 63 ศพที่เหลือบอกว่าไปตรวจศพเฉย ๆ ซึ่งผิดนะครับ
แล้วอัยการก็ไม่ได้ดำเนินการ บอกหยุดสอบสวน ให้สืบสวนภายในอายุความ เราจบเลยครับ
และปรากฏว่าจากรายงานของ
DSI กรณี 6 ศพวัดปทุมฯ
ผมขออนุญาตลงรายละเอียดนิดเดียวเท่านั้นเอง คือผมไปฟังด้วยตัวเองวันนั้น
ศาลท่านอ่านประมาณ 2-3 ชั่วโมง ท่านก็เหนื่อย คนฟังก็เหนื่อย
ท่านอุตส่าห์สรุปง่าย ๆ เลยนะ
ท่านบอกว่าเพื่อความเข้าใจของผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีทุกท่าน สรุปง่าย ๆ 4
ข้อ คือ 1) คนตาย ตายจากทหารบนรางรถไฟฟ้ายิง
แล้วมีชื่อ มีสกุล มีตำแหน่ง มียศ แล้วก็มีจำนวนคนเรียบร้อยเลยครับ 2) ทุกศพ 6 ศพ ไม่มีเขม่าดินปืน
เพราะว่าเขาไม่ได้ยิงต่อสู้ 3)
ไม่มีการต่อสู้ระหว่างชายชุดดำกับทหาร เพราะฉะนั้น คำสั่งการตายของศาล
(ขออนุญาตใช้ภาษาชาวบ้านนะ) ตบหน้ารายงานของอาจารย์คณิตที่เขียนโดย สมชาย หอมลออ
เพราะสมชายเขียนในรายงานฉบับนั้นว่า มันมีการยิงต่อสู้ระหว่างชายชุดดำกับทหารที่ตอม่อตรงสามแยกเฉลิมเผ่า
แล้วไอ้ชายชุดดำคนนั้นมันยิงแพ้ มันก็เลยวิ่งต๊อก ๆ ๆ ๆ
ตามกำแพงวัดแล้วก็วกเข้าไปในวัด แล้วก็กำบังถาวรวัตถุในวัดแล้วยิงต่อสู้
ทหารก็เลยยิงลงมา ก็เลยตาย แต่ไม่ใช่!!! ศาลท่านบอกว่าในศพไม่มีเขม่าดินปืนและไม่มีการยิงต่อสู้ระหว่างชายชุดดำกับทหาร
และอาวุธที่นำมาเสนอ ไก่อูไง เรียกทูตทุกประเทศในโลกมาดูอาวุธ
ศาลท่านบอกว่ารับฟังไม่ได้
แต่ปรากฏว่ามันมีการยื่นฟ้องทางทหาร
ผมเดานะ ผมดูจากรายงาน DSI เขาบอกมีการฟ้อง 6 ศพวัดปทุมฯ ไปทางเส้นทางทหาร
ปรากฏว่าพอยื่นไป มันต้องยื่นอัยการทหารเวลาเดินเส้นทางทหาร ยื่นอัยการทหาร
ปรากฏว่ายื่นตูมปุ๊บ อัยการทหารสั่งไม่ฟ้องเลย
สวนกับคำสั่งการตายในความเห็นทางกฎหมายของผมที่ผมมีความรู้ทางกฎหมายเล็กน้อย
คำสั่งการตายของศาลถือว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือคล้าย ๆ
คำพิพากษาศาลฎีกา จบแค่นั้นนะ แต่อัยการทหารสั่งไม่ฟ้อง เพราะฉะนั้น เราจบหมดเลย
ไป ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ DSI ไม่ดำเนินการ แค่ตรวจศพเฉย ๆ
ไปทหารก็ยกเลิก จบหมดเลย!
ทีนี้เราจะสิ้นหวังไม่ได้
ทีนี้เราจะทำยังไง ควานไปควานมาทีนี้ไปเจอสากล คือศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC เขารับ
เพราะมันมีองค์ประกอบทางกฎหมายที่ผมได้กราบเรียนเมื่อสักครู่นี้ว่า 1) จงใจเจตนาในการวางแผน 2) โดยคณะบุคคล 3) พื้นที่กว้างขวาง 4) มีการฆ่าคน ครบองค์ประกอบ
และไปรู้ข้อมูลอีกข้อหนึ่งก็คือว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีสัญชาติอังกฤษ
และอังกฤษให้สัตยาบันแล้ว ตรงนี้ขออนุญาตกราบเรียนนะ อย่าสับสนนะ
คือถ้าให้สัตยาบันแปลว่าคดีความจะเดินหน้าจากวินาทีที่เซ็นสัตยาบัน ปีนี้ปี 68
สมมุติเซ็นสัตยาบันปี 69 แปลว่าคดีจะขึ้น ICC
ได้เฉพาะคดีที่เดินจากปี 69 ไป ฉะนั้นคดีปี 53 ก็จะหลุดลอยไปเลย ต้องเข้าใจตรงนี้นะ นี่เป็นคำแนะนำจาก ICC นะ พวกเราก็เลยไป ICC กัน
ตอนนั้นขออนุญาตเอ่ยนามก็ได้นะ อาจารย์ธงชัยท่านก็ไป คุณพะเยาว์ อัคฮาด ก็ไป
ปรากฏว่า ICC ก็รับฟังเป็นชั่วโมงเลยนะ
ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาให้โอกาสขนาดนี้หรือเปล่า ไปอธิบายครบถ้วนหมดเลย
เขาบอกว่าเรื่องประเทศไทยนั้นเข้าเลยครับ อาชญากรรมทำลายล้างมนุษยชาติ เข้าครับ
แต่เขาบอกว่าขอโทษนะครับ เรื่องที่เกิดในประเทศไทยทำโดยคนเดียวไม่ได้ ทำโดยนายกฯ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเดียวไม่ได้ คุณต้องฟ้องเป็นกลุ่มก็คือรัฐบาลและศอฉ.
เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาเป็นคนแนะนำเองว่าต้องรับรองเขตอำนาจศาล ไม่ใช่ให้สัตยาบัน
รับรองเขตอำนาจศาลเฉพาะกรณีปี 53
เพราะเขาอธิบายโดยละเอียดเลยนะว่าถ้าประเทศไทยให้สัตยาบัน จบเลยนะ ปี 53 มันจะหลุดไปเลย เราก็กลัวว่ารัฐบาลจะไม่รู้เรื่อง
และกลัวว่ามันจะมีเรื่องราวอะไรต่าง ๆ ก็เลยเชิญ ฟาตู เบนซูด้า
อัยการสูงสุดของเขามาประเทศไทย ชี้แจงต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่กล้าเซ็น
อ้างว่าถ้าเซ็นไปแล้วมันจะเกิดรัฐประหาร แล้วคุณไม่เซ็นแล้วมันเกิดหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นเราตันหมดเลย แล้วพอมาเจอรัฐประหารปี 57 จบเลย
เพราะว่าเขาใช้อำนาจเผด็จการเต็มที่เลย ถึงมีการเลือกตั้งปี 62 นะ มันก็สืบทอดอำนาจรัฐประหารอยู่ดี ประยุทธ์ จันทร์โอชา
มาเป็นนายกรัฐนตรีอยู่ดี เราก็เลยสิ้นหวัง
แต่พอมาปลาย
ๆ แล้ว คือเราจะต้องมีการเลือกตั้งปี 66 แน่นอน
เราก็มีประกายความหวังขึ้นมาเลย ตั้งเป็นคณะบุคคลเรียกว่า
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ก็เลยมาคิดกันว่าทำยังไงถึงจะให้เรื่องนี้คืบหน้า ก็เลยคิด 3 ข้อ ข้อที่ 1 ก็คือว่า มีคณะกรรมการไต่สวนการตาย 63 ศพที่เหลือ ไต่สวนนะ เพราะไอ้ 63 ศพมันถูกทิ้งแล้ว
ข้อที่ 2 ก็คือว่า ทหารที่ฆ่าประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือน
และนักการเมืองที่มีส่วนร่วมในการฆ่าประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือน
เพราะถ้านักการเมืองดังกล่าวฆ่าประชาชนแล้วไปดำเนินการตาม พ.ร.ป.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มันก็ต้องไปผ่าน ป.ป.ช. ซึ่ง
ป.ป.ช. เขาปัดตก แล้วทหารถ้าไปฟ้องผ่านศาลทหาร ก็ต้องขึ้นอัยการทหาร
อัยการทหารก็ปัดตกเมื่อเราไปยื่น ตอนนั้นเขาเป็นฝ่ายค้านทั้งหมด พรรคเพื่อไทย
ขออนุญาตเอ่ยชื่อ ไม่เสียหายอะไร พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย
พรรคประชาชาติ ทุกท่านรับปากหมดเลย ตอนนั้นเป็นเดือนกุมภาปี 66 และเดือนพฤษภาจะมีการเลือกตั้ง รับปากหมด
พอ
10เมษา เราจัดงานรำลึก ทุกฝ่ายมาทั้ง 5-6 พรรคนี้
ก็รับปาก แต่พอเลือกตั้งเสร็จมันเกิดอะไรดลใจใครก็ไม่รู้ มีการย้ายขั้วข้ามข้าง
จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ท่าน จะเรียกตระบัดสัตย์หรือไม่ก็ไม่รู้ ไปเลยครับ หายเลยครับ
ทั้งที่รับปาก แต่เก่งนะคือบอกว่าผมยังสนใจคดีปี 53 อยู่นะ
ผมจะไปแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.
เพื่อให้ราษฎรที่เป็นผู้เสียหายสามารถฟ้องคดีได้โดยตรงในกรณีที่ ป.ป.ช. ปัดตก
เคารพครับ ถ้าคุณทำได้ก็ทำไปเลยครับ แต่ผมไปอ่านมาตรา 234
ของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. คือ ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนและมีความเห็น
คำว่ามีความเห็นเป็นภาษากฎหมาย ก็คือว่าฟันธง
ไต่สวนก็คือสำรวจตรวจสอบค้นคว้ารวบรวม เสร็จแล้วก็ฟันธง แปลว่า ป.ป.ช.
มีอำนาจไต่สวนแล้วก็ฟันธง กรณีที่นักการเมืองดำเนินการผิดรัฐธรรมนูณหรือผิดกฎหมาย
เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็น แปลว่าเขาฟันธง ถ้าเขาฟันธงว่าตกไปแล้ว
แล้วคุณจะไปหยิบยกเพื่อที่จะไปฟ้อง ถามว่าได้มั้ยครับ ผมก็ไม่รู้นะ
แต่ผมอ่านรัฐธรรมนูญแล้วผมคิดว่าไม่น่าจะได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนอย่างนี้
ยกเว้นไปแก้รัฐธรรมนูญเสียก่อน
ผมดีใจมากเลย
เพราะว่าตอนนั้นเราก็สิ้นหวังนะ เพราะว่าพอฝ่ายค้านที่อยู่ในสมัยประยุทธ์
จันทร์โอชา รับปาก แต่พอเขามาเป็นรัฐบาลเขาปฏิเสธ เขาบอกเขาจะไปทำของเขาเอง ไอ้ 3 ข้อที่เราทำ
ไม่เอา!!! เราก็ไม่มีความหวัง
ผมก็เลยมาขอความหวังจากท่านประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ท่านก็เปิดรับ แล้วก็ได้ข้อกฎหมายมาเยอะแยะ
เราก็เลยร่างตอนนั้นยื่น 2 ฉบับ ก็คือ พระธรรมนูญศาลทหาร
ไปเติมนะ ไม่ได้ไปแก้อะไรเลย ไปเติมในมาตรา 14(5) ว่า
ขอให้อำนาจศาลทหารไม่ cover
คือไม่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคดีทหารที่ทำผิดอาญาต่อพลเรือน
คือแปลว่าศาลทหารไม่มีอำนาจพิจารณาคดีทหารที่ทำผิดอาญาต่อพลเรือน
ผมได้มอบให้ท่านประธานฯ ไปแล้ว และอีกอันหนึ่งก็คือ
เราก็ไปคิดกันว่าเรื่องนักการเมืองที่มีส่วนร่วมในการฆ่าประชาชนถ้าเดินไปทางป.ป.ช.มันก็จบอยู่ดี
ท่านปัดตก ท่านบอกว่าไม่มีมูล ก็เลยไปดู ก็เลยไปเติม พ.ร.ป.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากท่านไปอ่านดูนะ
ผมว่าในนั้นเนื้อหาประมาณ 98-99%
เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นโกงกินของนักการเมือง
เราก็เลยปรึกษากับบรรดาผู้มีความรู้ทางกฎหมายทั้งหลาย ก็ไปเติมในมาตรา 10(5) ว่า
ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีที่นักการเมือง
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำผิดอาญาต่อพลเรือน ง่ายมากเลย แค่ไปเติม
ผมดีใจและฝากท่านแล้ว
คราวนี้มาวันนี้เรื่องทั้งหมดที่ผมเรียนไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้เดินไปตามกระบวนการทางกฎหมายทางปกติ
เราทำหมดแล้ว กระทั่งไปทาง ICC แล้วนะ แต่ปรากฏว่ามันตันหมดเลย
เราก็มาฝากความหวังไว้ที่กรรมาธิการการกฎหมายฯ แล้วก็กรรมาธิการการทหาร
แต่ผมก็ทราบว่าเป็นเรื่องลำบาก เพราะโดยตัวกรรมาธิการเองเสนอกฎหมายเห็นจะลำบาก
แต่ท่านก็ทำเรื่องนี้ ผมดีใจมากเพราะเป็นการตีฆ้องร้องป่าวให้พี่น้องประชาชนไทยทั้งประเทศโปรดช่วยกันพิจารณาว่าที่กรรมาธิการการกฎหมายฯ
เสนอมาว่า ความยุติธรรมต้องไม่มีวันหมดอายุ ท่านเห็นด้วยมั้ย ข้อที่ 2 ก็คือว่าข้อเสนอทางกฎหมายเพื่อที่จะให้ยุติการพ้นผิดลอยนวล
ตอนนี้ผมก็ไปปรึกษากับนักกฎหมายเหมือนกันนะครับ แล้วก็อาจารย์ธิดาว่าไปแล้ว
คือเราจะเสริม ใช้คำว่าเสริม ทางนี้ท่านก็เดินของท่านไป
ผมแอบถามกรรมาธิการบางท่านแล้วว่า ตกลงเอายังไง
ท่านบอกว่าปักใจในการที่จะเดินไปข้างหน้า ผมเชื่อนะว่าท่านก็จะปักใจเดินไปข้างหน้า
เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่เราก็ไปเตรียมว่าเราไปพิจารณาคืออย่างนี้
นักกฎหมายเขาบอกว่าคุณหมอครับกฎหมายเขาออกมานี่ต้องบังคับต่อทุกคนเสมอภาคกันนะ
ผมก็บอกใช่ แต่ว่ากรณีที่ผมกำลังพูดถึงนี้ผมพูดถึงรัฐนะ ผมไม่ได้พูดถึงบุคคลแต่ละคน
นาย ก. นาย ข. แต่ผมพูดถึงรัฐ ใช้อำนาจรัฐ
ก็เลยมีคนเขาเสนอซึ่งเรากำลังทำกันอยู่ว่าไปเพิ่มเติมได้มั้ย ในประมวลอาญาได้มั้ย
หมวด 9 ว่าด้วยอายุความ มาตรา 95
ไปเติมเลยว่า อายุความไม่บังคับใช้กับกรณีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นในประเทศ
แล้วก็การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
การที่รัฐใช้ความรุนแรงในการเข่นฆ่าสังหารหรือว่าใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน
ไปเติมแค่ 1 วรรค ผมเชื่อว่าทำได้
และผมเชื่อว่าถ้าทำประชามติทั่วประเทศ ผมเชื่อว่าเกินกว่า 90% จะเห็นด้วยนะครับ
และทางพวกเราก็พยายามผลักดันอยู่ทางด้านอีกขาหนึ่ง
เขาเรียกว่าขาของประชาชน ส่วนขาทางด้านรัฐสภาก็คงจะต้องมอบท่านประธานกมลศักดิ์
ลีวาเมาะ ท่านช่วยผลักดันกันต่อ ผมก็คงจะฝากข้อคิดเห็น ของผมเพียงเท่านี้นะครับ
ก็คือ รูปธรรมขนาดนี้ เราผลักดันกฎหมาย 2 ฉบับมาที่กรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แล้วก็กรรมาธิการการทหาร
และรูปธรรมในการทำงานอีกชิ้นหนึ่งก็คือเราเตรียมที่จะผลักดันเพิ่มเติมประมวลอาญา
หมวด 9 มาตรา 95 ให้เพิ่มเติมลงไปว่า
อายุความไม่บังคับใช้กับกรณีที่รัฐก่ออาชญากรรมทำลายล้างมนุษยชาติกับประชากรพลเมืองในประเทศ
ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ใช้ความรุนแรง สั่งให้มีการเข่นฆ่าหรืออะไรกับประชาชน wording ค่อยว่ากันไปอีกที ผมก็ขออนุญาติเพียงเท่านี้นะครับ
นอกจากการแก้ทางกฎหมายแล้ว ทางการเมืองจะแก้อย่างไร
ผมขออนุญาดเพิ่มเติมสั้น
ๆ ข้อที่ 1 นอกจากเป็นความตั้งใจก่อนที่ผมจะสิ้นลมไป อย่างน้องต้องให้บรรลุ 2 อย่าง 1) ก็คือหยุดการฆ่าประชาชน หยุดรัฐฆ่าประชาชน
ต้องหยุดให้ได้ หยุดอันที่ 2) ก็คือหยุดรัฐประหารให้ได้
ทีนี้หยุดที่
1 ผมได้พูดไปแล้ว หยุดที่ 2 จะทำยังไงผมก็จะพูดสั้น ๆ
ทำได้ครับ เพียงแต่ว่านักกฎหมายและนักการเมือง ต้องฝากท่านกมลศักดิ์
ประธานกรรมาธิการการกฎหมายฯ ทำได้ครับ เพราะวันนี้รัฐธรรมนุญปี 50 มันสิ้นผลบังคับใช้แล้ว รัฐธรรมนูญปี 50
มันคุ้มครองการยึดอำนาจ การที่จะหยุดยั้งเรื่องร้าย ๆ
ที่ผมกราบเรียนเราพูดแต่ปากไม่ได้ ต้องลงมือ อย่างเช่นการหยุดยั้งรัฐฆ่าประชาชน
เราพูดแต่ปากแล้วเราไปออกกฎหมาย ไม่มีวันสำเร็จ
ต้องเอากรณีใดกรณีหนึ่งขึ้นมาอย่างเช่นชัด ๆ นะ 6 ศพวัดปทุมฯ
ดำเนินการเลย เอาทหาร อาจจะเป็นพลทหารก็ได้ติดคุกให้ได้ เพราะมันชัดเจน ศาลสั่ง
ถ้าพลทหารถูกติดคุกจริง ๆ นะ
ต่อไปนี้พลทหารจะไม่ปฏิบัติตามนายทหารที่สั่งให้ยิงประชาชนเลย
ผมเคยถามทหารหลายคน
นี่ผมขออนุญาตด้วยความเคารพว่าถ้ามันดูจะหยาบคายต้องขอประทานอภัย
ผมถามบอกถ้านายคุณสั่งให้คุณยิ่งพ่อกับยิงแม่คุณ คุณยิงมั้ย?
คือทหารจะทำตามคำสั่งต้องมีความชอบธรรมทางกฎหมายและความชอบธรรมทางบ้านเมือง
เพราะฉะนั้น คุณต้องเอาทหารที่ฆ่าประชาชนเข้าคุกให้ได้สักคนหรือสองคน
ผมก็ยังลุ้นตากใบนะ ทำไงถึงจะเอาเข้าคุกให้ได้
เรื่องตากใบนี้ยาวเพราะท่านพูดไปแล้ว นี่คืออันที่ 1 นะ
ดังนั้นรัฐประหารเหมือนกัน
ทำไงถึงจะหยุดรัฐประหารได้ ไม่มีวัน คุณไปเขียนในรัฐธรรมนูญก็ไม่มีวัน
เพราะว่ามาตรา 6 เขียนไว้แล้วว่าห้ามคณะรัฐประหารออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมตัวเอง ไม่ได้
เพราะฉะนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 50 สิ้นสุดการบังคับใช้
ฝากท่านอังคนา ท่านวุฒิสมาชิกที่เคารพ ช่วยนำไปพิจารณาดู
เราสามารถเชิญคณะรัฐประหาร คมช. คปค. มาดำเนินคดีได้มั้ยครับ ผมว่าต้องกล้า ๆ
หน่อย อาจจะสส. หรือ สว. หรือพรรคการเมืองและนักการเมืองดำเนินคดีเลยครับต่อพวก
คมช. หรือ คปค. เพราะว่าเป็นผู้เสียหาย เพราะเขาเป็นตัวแทนรัฐ ในขณะที่ดำเนินคดีไปก็ขออนุญาตด้วยความเคารพ
ก็อาจจะทำเรื่องไปที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อขอความกรุณาให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาช่วยกรุณาพิจารณาทบทวนคำพิพากษาศาลฎีกาเก่า
ๆ ที่พิพากษาว่าการยึดอำนาจที่ได้รับผลสำเร็จหรือชนะเป็นรัฏฐาธิปัตย์
ผมเชื่อนะครับว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาท่านจะยืนอยู่ข้างประชาธิปไตย
ถ้าทำอย่างนี้ได้คือตั้งคดีเลย
เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 มันสิ้นอายุความไปแล้ว ไม่บังคับใช้แล้ว เพราะฉะนั้น คมช. คปค. ทุกคน
เราสามารถที่จะเชิญมารับทราบข้อกล่าวหา แล้วก็ยื่นเรื่องไปที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
นี่ข้อที่ 1 นะครับ
ข้อที่
2 นะครับก็คือเรื่องนิรโทษกรรม ซึ่งอาจจะต้องเขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ
แต่อย่างว่านะถึงเขียนในรัฐธรรมนูญเขาก็ฉีกทิ้ง แต่ยังไงก็ตาม
สมมุติว่ารัฐธรรมนูญปี 60 เขียนไม่อนุญาตให้นิรโทษกรรมได้นะ
เราก็สามารถดำเนินการกับ คสช. แต่เขาเขียนเอาไว้คุ้มครองเขาตลอดชีวิตด้วยมั้ง
เพราะฉะนั้นคงทำไม่ได้ถ้าไประบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
มีเพียงอย่างเดียวก็คือว่าต้องเดินในเรื่องเอาคณะรัฐประหารที่ชนะมาฟ้องคดี
และทำเรื่องต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อขอความกรุณาท่านให้โปรดพิจารณาทบทวน
ผมก็ขออนุญาตเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ความยุติธรรมที่ไม่ควรมีวันหมดอายุ #ข้อเสนอทางกฎหมายเพื่อยุติการลอยนวลพ้นผิด #หมอเหวง #15ปีเมษาพฤษภา53 #ตากใบ