วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : ดิฉันจะร่วมผลักดันกงล้อประวัติศาสตร์ให้เดินหน้าจนกว่าการสิ้นสุดชีวิต แต่ไม่สิ้นสุดการต่อสู้ ในบันทึกไว้เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นใหม่ในเรื่ององค์กรประชาชน และเพื่อให้คนรุ่นเก่า ไม่บิดเบือน!!! [ตอนที่ 3/3]

 



บันทึกไว้เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นใหม่ในเรื่ององค์กรประชาชน และเพื่อให้คนรุ่นเก่าไม่บิดเบือน!!! 

การทำโครงการใหญ่ ๆ ที่ร่วมกับพรรคการเมืองและเป็นสาธารณประโยชน์ ภารกิจคือการตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้ง 2554 และตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ปี 2556 ได้แกนนำมาจำนวนหนึ่งทั้ง 2 รุ่น แต่ส่วนมากหลังได้รับเป็นแกนนำก็จะวิ่งไปหาพรรคเพื่อขอตำแหน่งและรายได้ ดังนั้นแกนนำมวลชนจึงเกิดขึ้นใหม่ ๆ ตามสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป ดิฉันก็ไม่ผิดคาดอะไร เพราะเขาบอกว่าเขาทำแบบแกนนำส่วนกลางที่วิ่งเข้าหาพรรค

 

ด้านส่งเสริม (ด้านบวก) และด้านทำลายองค์กร (ด้านลบ) มาจากปัจจัยภายนอกและภายใน

 

ด้านบวก ด้านส่งเสริมการเกิด, การดำรงอยู่และการเติบโตขององค์กร

 

ปัจจัยภายนอกจากปฏิปักษ์ประชาชน

 

การเกิดรัฐประหาร การเกิดมวลชนจัดตั้งขององค์กรขวาจัด การเกิดรัฐซ้อนรัฐโดยองค์กร กอ.รมน. การใช้องค์กรอิสระจัดการกับพรรคการเมือง นักการเมือง การปราบปรามประชาชน จับกุมคุมขัง ไม่ให้ประกันตัว และการเกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่ล้าหลัง การสืบทอดอำนาจรัฐประหารและใช้กลไกจารีตจัดการประชาชน เป็นการส่งเสริมให้เกิดองค์กรการต่อสู้ของประชาชนใหม่ และองค์กรเก่าสามารถดำรงอยู่ได้ยาวนาน

 

ปัจจัยจากพรรคการเมือง


พรรคการเมืองในเวลาที่ถูกกระทำจากรัฐจารีตอำนาจนิยม มีคนในพรรคที่จิตใจเป็นนักประชาธิปไตยและแม้แต่เป็นนักการเมืองที่ไม่ก้าวหน้ามาก่อน ก็สนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมองค์กรนปช. ทั้งในเรื่องขยายงานมวลชน สนับสนุนโรงเรียนการเมือง และการจัดเวทีในต่างจังหวัด เราจึงมีมวลชนมากมายหลากหลาย แม้กระทั่งที่เป็นกองเชียร์พรรคและเป็นนักต่อสู้ของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ยามเป็นรัฐบาลก็มีส่วนช่วยเหลือเรื่องคดีความและการเยียวยา สรุปคือเร่งการขยายตัวของมวลชนและให้การสนับสนุนการชุมนุม (ที่สอดคล้องกับความประสงค์ของพรรคด้วย)

 

ปัจจัยภายในด้านบวก

 

1) การก่อตัว, การดำรงอยู่ขององค์กร อยู่ที่จุดยืนและทิศทางถูกต้อง เพราะต่อต้านเผด็จการ-จารีตนิยม เพราะถ้าเริ่มต้นผิด ก็สลายไปตั้งแต่แรก ๆ แล้ว

 

2) องค์ประกอบของแกนนำและการนำ ในยุคที่มีคุณวีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธาน นปช. มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ และได้รับการยอมรับจากฝ่ายการเมือง (พรรค) และฝ่ายนักต่อสู้ของภาคประชาชน เพราะร่วมสู้กับมายาวนานตั้งแต่ 14ตุลา16

 

3) มีการนำโดยหลักนโยบาย 6 ข้อ เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ และยุทธศาสตร์ 2 ขา ที่ดิฉันเป็นผู้ร่างและได้รับฉันทานุมัติจากการประชุมใหญ่ ซึ่งขณะนั้นมีพรรคเดียว จึงไม่ยุ่งยากมากในการสนับสนุนด้านเวทีรัฐสภา และใช้หลักการนำรวมหมู่มาจนถึงปี 2562 ก็สิ้นสุดภาวะการนำ เมื่อเป็นการนำเดี่ยว

 

4) ด้านบวกสำหรับปัจจัยภายใน คือได้มวลชนที่กระตือรือร้น ตื่นรู้ทางการเมือง จำนวนมากที่เป็นผู้รักประชาธิปไตย แน่วแน่ เป็นตัวเลขมากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งจะร่วมกับคนรุ่นใหม่ที่มีทิศทางก้าวหน้าเช่นเดียวกัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคในการทวงคืนอำนาจประชาชน

 

ด้านลบ ด้านทำลายองค์กรต่อสู้ของประชาชน

 

ปัจจัยภายนอก

 

เป็นอำนาจรัฐจารีตอำนาจนิยม ใช้ยุทธวิธีปราบปราม เข่นฆ่า จับกุมคุมขัง ทำให้มวลชนถูกทำลายพลังการต่อสู้ไปจำนวนหนึ่ง และเมื่อมีการสืบทอดอำนาจยาวนาน จาก 2557 มาจนถึงปัจจุบัน ก็แบ่งแยกมวลชน ทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของประชาชนจำนวนหนึ่งไป

 

ด้านพรรคการเมืองที่เป็นมิตรร่วมรบ

 

ในส่วนด้านลบและทำลายองค์กรตลอดมาคือ ด้านทำลายภาวะการนำให้ไปขึ้นต่อกับพรรค ทั้งที่บางครั้ง (หลายครั้ง) พรรคการเมืองไม่ได้เดินไปในทิศทางก้าวหน้าของประชาชน ทำให้องค์กรมีการนำที่อ่อนแอ ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องมือของพรรคและทำลายหลักการนำตามเส้นทางองค์กรที่ก้าวหน้า นอกจากนี้ยังสนับสนุนกลุ่มย่อย ๆ ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีมวลชนและมีแนวทางแตกต่างจากนปช. ทำให้สร้างปัญหาให้องค์กรและประชาชนมวลชนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตย มีแกนนำที่แสดงบทละครเพื่อรับผลประโยชน์เกิดขึ้นมากมาย (นายก็เชื่อด้วย) บางครั้งให้ข้อมูลเท็จและทำให้ผู้มีอำนาจเชื่อผิด ทัศนะใหญ่ ๆ ที่เห็นต่างกันคือ การเขียนรัฐธรรมนูญ 2550, การนิรโทษกรรมสุดซอย, การนำคดีสู่ศาลโลกรับรอง ICC เหล่านี้เป็นความหลงผิด ทำให้พรรคเสียหาย และการต่อสู้ของประชาชนเสียหายไปด้วย

 

ล่าสุดคือการข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายจารีตอำนาจนิยมที่จัดการลงโทษ จับกุม เข่นฆ่าคนเสื้อแดง ทำให้มวลชนแตกแยกเสียหาย จะเรียกว่าล่มสลายก็ได้ แต่มวลชนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยก็จะเติบโตต่อไปและเดินไปข้างหน้า แม้ไม่มีมิตรร่วมรบเก่าเดิมไปด้วย แต่สงครามอำนาจไม่ให้เป็นของประชาชนยังดำเนินอยู่ ประชาชนก็ต้องสู้ต่อไป

 

ด้านลบที่เป็นปัจจัยภายใน

 

ปัจจัยภายในองค์กรถือเป็นด้านหลักของปัญหาองค์กรนั้น ๆ

 

ภาวะการนำขององค์กรในระยะหลัง ๆ ไม่ได้ขึ้นกับหลักการ หลักนโยบายขององค์กร ไม่ใช้การนำรวมหมู่ และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ก็จะเกิดการล่มสลายขององค์กรนั้น ๆ แม้จะเป็นองค์กรปฏิวัติหรือปฏิรูปก็ตาม

 

เมื่อแกนนำส่วนมากขึ้นต่อพรรคการเมือง แสวงหาผลประโยชน์ที่จะได้จากพรรค โดยเฉพาะเมื่อได้เป็นรัฐบาล แกนนำทุกระดับก็จะวิ่งเข้าหาการรับผลประโยชน์ ยิ่งกว่าสนใจการทำงานขององค์กรประชาชน ช่วงที่ดิฉันเป็นประธานนปช. ก็ไม่เดือดร้อนเรื่องนี้นัก เพราะพวกเขาให้ดิฉันทำงานกับมวลชนไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ให้ค่ากับการทำงานมวลชน ยกเว้นมีเวทีปราศรัยใหญ่ ๆ ดังนั้นเราก็ยังทำงานไปได้ตามแผนการ

 

การละทิ้งงานต่อสู้ในฐานะฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตย แต่ไปอยู่กับพรรคการเมืองเต็มที่ เมื่อย้ายข้างข้ามขั้ว กระทั่งหลอมรวมกับฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตย นี่คือการล่มสลายภาวะการนำขององค์กรจริง

 

ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยก็ยังคงเดินทางต่อไป ดิฉันก็ร่วมด้วยในการผลักกงล้อประวัติศาสตร์ให้เดินหน้าจนกว่าการสิ้นสุดชีวิต แต่ไม่สิ้นสุดการต่อสู้!


การเดินทางไกลของการต่อสู้จึงมีทั้งคนเดินทางมาสมทบใหม่ และคนที่จากเราไป ถ้าจะเรียกเป็นมิตรร่วมรบ สหายร่วมศึก ก็ขึ้นกับช่วงเวลาใด ดิฉันมีทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ มีมิตรร่วมรบ สหายร่วมศึก ยุค 2516, 2519, 2535, 2549-2553-2557, 2563-ปัจจุบัน ดิฉันเดินบนเส้นทางอุดมการณ์ทางการเมืองเดิม เพื่อทวงอำนาจความยุติธรรม-ความเท่าเทียมให้ประชาชน จึงถือเพื่อนร่วมอุดมการณ์เป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อนร่วมรับผลประโยชน์ และเรามีเพื่อนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในการเดินทางด้วยอุดมการณ์ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เพราะเส้นทางการต่อสู้ของประชาชนมีการยกระดับคุณภาพขึ้นไปตลอดเวลา นี่คือสถานการณ์สงครามยืดเยื้อสำหรับการต่อสู้ทางการเมืองของประชาชนไทย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นปช #คนเสื้อแดง #ธิดาถาวรเศรษฐ