วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“สส.เซีย” พร้อมพนักงานที่ถูกนายจ้างลอยแพ ร้อง “รัฐบาล-รมว.แรงงาน” ใช้งบกลางเพื่อเยียวยาคนงานที่ถูกลอยแพเลิกจ้าง

 


“สส.เซีย” พร้อมพนักงานที่ถูกนายจ้างลอยแพ ร้อง “รัฐบาล-รมว.แรงงาน” ใช้งบกลางเพื่อเยียวยาคนงานที่ถูกลอยแพเลิกจ้าง


วันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา นายเซีย จำปาทอง สส.พรรคประชาชน พร้อมด้วย นายวิมล ห่วงไธสง และพนักงานแนวร่วม 4 กลุ่มจากบริษัทแอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มซีสปินนิ่ง บอดี้แฟชั่น และยานภัณฑ์ เรียกร้องรัฐบาลและรมว.แรงงาน เร่งจ่ายเงินเยียวยาให้กับแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง


นายเซีย กล่าว่า ที่ผ่านมากลุ่มลูกจ้างได้ดำเนินการเรียกร้องต่อรัฐบาล กระทรวงแรงงาน และยื่นหนังสือต่อคณะ กมธ. การแรงงาน แล้ว 2 ครั้ง แต่ว่าการชดเชยเยียวยายังไม่เกิดขึ้น ล่าสุดทางกลุ่มลูกจ้างได้เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่พี่น้องแรงงานรู้สึกว่ากระทรวงแรงงานปล่อยปละละเลย ไม่นำปัญหาของพี่น้องแรงงานมาเป็นวาระสำคัญในการแก้ปัญหา ไม่จริงจังในการแก้ปัญหา


การประชุมครั้งที่ผ่านมารัฐมนตรีมอบหมายให้เลขานุการรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม หลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมประชุมได้แยกย้ายไป และบันทึกการประชุมที่มีการบันทึกไว้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงลายมือชื่อ ทางกลุ่มลูกจ้างจึงมีความร้อนใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ได้รับการแก้ไข ลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินเยียวยา ตนจึงอยากเรียกร้องให้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานเร่งเบิกจ่ายงบกลางเพื่อนำเงินมาชดเชยเยียวยาแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง และขอเรียกร้องให้ รมว.แรงงานเร่งดำเนินการจัดเวทีประชุมพูดคุยหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกจ้าง ให้ได้รับเงินเยียวยาตามสิทธิ์ทางกฎหมายโดยเร็ว


ด้าน นายวิมล ห่วงไธสง ตัวแทนพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อน อ่านแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่า นับตั้งแต่ถูกนายจ้างเลิกจ้างลอยแพ กลุ่มพนักงานได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบกลางเพื่อเร่งเยียวยาปัญหาฉุกเฉินของแนวร่วมคนงาน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย คนงานของแอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มชีสปินนิ่ง บอดี้แฟชั่นฯ และยานภัณฑ์ รวมแล้วไม่เกิน 3,000 คน ใช้เงินทั้งหมดราว 466 ล้านบาท อ้างอิงจากข้อมูลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541


ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการขอเงินเปล่า ๆ หากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางมาให้กับคนงานแล้ว ทรัพย์สินของนายจ้างที่ถูกกรมบังคับคดียึดเอาไว้ก็จะถูกยกให้เป็นของรัฐบาล ซึ่งทางรัฐบาลสามารถเอาคืนคลังต่อไปได้ในภายหลัง ข้อเสนองบกลางได้ถูกสานต่อโดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ซึ่งได้ลงนามรับรองเรื่องการของบไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ตามหนังสือด่วนที่สุด รง 0502/381 และเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ภายหลังการติดตามทวงถามอย่างต่อเนื่อง ตัวแทนคนงานได้รับทราบจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าการขอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจาก 8 หน่วยงานนั้น ได้รับหนังสือความเห็นตอบกลับมาอย่างครบถ้วนแล้ว และพร้อมสำหรับการทำสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการต่อไป โดยเบื้องต้นยังไม่มีหน่วยงานไหนไม่เห็นด้วยในหลักการ และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ทางกลุ่มพนักงานก็ได้รับทราบจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ข้อเสนองบกลางดังกล่าวนั้น ได้ถูกส่งกลับไปที่กระทรวงแรงงานตามหนังสือ นร. 0507/12388


โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ก็รับปากว่า จะแก้ปัญหาให้ทางกลุ่มพนักงาน ซึ่งต่อมาก็นัดหมายเป็นการประชุมในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 โดยมีการมอบหมายให้นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธาน มีตัวแทนกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน เป็นผู้เข้าร่วมประชุม แต่เมื่อสิ้นสุดการประชุมแล้วก็ไม่ได้มีมาตรการการเยียวยาแรงงานตามข้อเรียกร้องที่กลุ่มพนักงานได้ขับเคลื่อนกันมาราว 5 เดือนติดต่อกันจากประชุมร่วมกับผู้แทนกระทรวงแรงงานเพื่อติดตามความคืบหน้า สรุปสาระสำคัญที่ลูกจ้างติดตามคือการอนุมัติงบมาช่วยเหลือลูกจ้าง และผู้แทนกระทรวงแรงงานแจ้งว่า ตามที่สำนักเลขาคณะรัฐมนตรีได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานทั้ง 8 หน่วยงาน มีเพียง 3 หน่วยงานที่เห็นด้วย คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข ส่วนอีก 5 หน่วยงานไม่เห็นด้วย คือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยแจ้งว่าเรื่องดังกล่าวเป็นภาระงบประมาณที่ผูกพันเป็นระยะยาว ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพิจารณาการช่วยเหลือจากเงินกองทุนอื่น ๆ ที่มีอยู่ และให้ไปเร่งรัดการดำเนินคดีกับนายจ้าง


สรุปแล้วตลอดระยะเวลากว่า 5 เดือนมีการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงแรงงานกับผู้แทนลูกจ้าง เช่น เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ซึ่งนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในที่ประชุม แต่ไม่เคยแจ้งเรื่องเหล่านี้ให้ลูกจ้างทราบ สรุปคือ กระทรวงแรงงาน หลอกแรงงานมาตลอด มิหนำซ้ำ เมื่อประชุมเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้จัดทำบันทึกการประชุมได้ให้ผู้ร่วมประชุมลงลายมือชื่อ แต่ผู้แทนกระทรวงแรงงานไม่ยอมลงลายมือชื่อในเอกสาร นายอารี ไกรนรา และผู้แทนจากหน่วยงานราชการไม่สนใจที่จะรอลงลายมือชื่อ แยกย้ายกันไปหมดเหลือเพียงไม่กี่คน


ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ที่ทำเอกสารนำเอกสารไปให้ ผอ. กลุ่มงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุ้มครองแรงแรงาน ลงลายมือชื่อก็กลับไม่ลงชื่อและแสดงความเป็นกังวลใจ ออกไปทางไม่พอใจกับเจ้าหน้าที่ที่จัดทำบันทึกการประชุม และพยายามพูดคุยให้นำข้อความบางส่วนออกจากบันทึกการประชุมอีกด้วยทางกลุ่มพนักงานผู้ได้รับความเดือดร้อนจึงขอแถลงต่อสื่อและสาธารณะในวันนี้ว่า ทางกระทรวงแรงงานได้แสดงพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดขอบโดยสิ้นเชิง บิดพลิ้วหนีการรับรองบันทึกการประชุมหาทางออก ตระบัดสัตย์ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับแรงงาน ทั้งด้วยหนังสือกับด้วยปากเปล่า และใช้วิธีเตะถ่วงหลอกลวงแรงานให้รอคอยความหวังเรื่อย ๆ มาเป็นเวลาหลายเดือน กลับเพิ่มพูนความเดือดร้อนให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างลอยแพยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ต้องเร่งนัดหมายประชุมกับพนักงานผู้ได้รับความเดือดร้อนอีกครั้งโดยเร็วที่สุด เพื่อหารือแนวทางการเยียวยาแรงงาน ทั้งจากความเสียหายที่นายจ้างกระทำด้วยการฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานและความเสียหายที่กระทรวงแรงงานกระทำซ้ำเติมกับแรงานด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นายจ้างลอยแพ #แรงงาน #กระทรวงแรงงาน