“สส.เซีย”
พร้อมพนักงานที่ถูกนายจ้างลอยแพ ร้อง “รัฐบาล-รมว.แรงงาน” ใช้งบกลางเพื่อเยียวยาคนงานที่ถูกลอยแพเลิกจ้าง
วันอังคารที่
17 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา
นายเซีย จำปาทอง สส.พรรคประชาชน พร้อมด้วย นายวิมล ห่วงไธสง และพนักงานแนวร่วม 4
กลุ่มจากบริษัทแอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มซีสปินนิ่ง บอดี้แฟชั่น
และยานภัณฑ์ เรียกร้องรัฐบาลและรมว.แรงงาน เร่งจ่ายเงินเยียวยาให้กับแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง
นายเซีย
กล่าว่า ที่ผ่านมากลุ่มลูกจ้างได้ดำเนินการเรียกร้องต่อรัฐบาล กระทรวงแรงงาน
และยื่นหนังสือต่อคณะ กมธ. การแรงงาน แล้ว 2 ครั้ง
แต่ว่าการชดเชยเยียวยายังไม่เกิดขึ้น
ล่าสุดทางกลุ่มลูกจ้างได้เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงแรงงานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
แต่พี่น้องแรงงานรู้สึกว่ากระทรวงแรงงานปล่อยปละละเลย
ไม่นำปัญหาของพี่น้องแรงงานมาเป็นวาระสำคัญในการแก้ปัญหา ไม่จริงจังในการแก้ปัญหา
การประชุมครั้งที่ผ่านมารัฐมนตรีมอบหมายให้เลขานุการรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
หลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมประชุมได้แยกย้ายไป
และบันทึกการประชุมที่มีการบันทึกไว้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงลายมือชื่อ
ทางกลุ่มลูกจ้างจึงมีความร้อนใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ได้รับการแก้ไข
ลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินเยียวยา ตนจึงอยากเรียกร้องให้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานเร่งเบิกจ่ายงบกลางเพื่อนำเงินมาชดเชยเยียวยาแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง
และขอเรียกร้องให้
รมว.แรงงานเร่งดำเนินการจัดเวทีประชุมพูดคุยหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกจ้าง
ให้ได้รับเงินเยียวยาตามสิทธิ์ทางกฎหมายโดยเร็ว
ด้าน
นายวิมล ห่วงไธสง ตัวแทนพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อน อ่านแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่า
นับตั้งแต่ถูกนายจ้างเลิกจ้างลอยแพ
กลุ่มพนักงานได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบกลางเพื่อเร่งเยียวยาปัญหาฉุกเฉินของแนวร่วมคนงาน
4 กลุ่ม ประกอบด้วย คนงานของแอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มชีสปินนิ่ง บอดี้แฟชั่นฯ
และยานภัณฑ์ รวมแล้วไม่เกิน 3,000 คน ใช้เงินทั้งหมดราว 466
ล้านบาท อ้างอิงจากข้อมูลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. 2541
ทั้งนี้
ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการขอเงินเปล่า ๆ
หากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางมาให้กับคนงานแล้ว
ทรัพย์สินของนายจ้างที่ถูกกรมบังคับคดียึดเอาไว้ก็จะถูกยกให้เป็นของรัฐบาล
ซึ่งทางรัฐบาลสามารถเอาคืนคลังต่อไปได้ในภายหลัง
ข้อเสนองบกลางได้ถูกสานต่อโดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน
ซึ่งได้ลงนามรับรองเรื่องการของบไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568
ตามหนังสือด่วนที่สุด รง 0502/381 และเมื่อวันที่
4 เมษายน 2568 ภายหลังการติดตามทวงถามอย่างต่อเนื่อง
ตัวแทนคนงานได้รับทราบจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าการขอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจาก
8 หน่วยงานนั้น
ได้รับหนังสือความเห็นตอบกลับมาอย่างครบถ้วนแล้ว
และพร้อมสำหรับการทำสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการต่อไป
โดยเบื้องต้นยังไม่มีหน่วยงานไหนไม่เห็นด้วยในหลักการ และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ทางกลุ่มพนักงานก็ได้รับทราบจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า
ข้อเสนองบกลางดังกล่าวนั้น ได้ถูกส่งกลับไปที่กระทรวงแรงงานตามหนังสือ นร. 0507/12388
โดยนายพิพัฒน์
รัชกิจประการ ก็รับปากว่า จะแก้ปัญหาให้ทางกลุ่มพนักงาน
ซึ่งต่อมาก็นัดหมายเป็นการประชุมในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 โดยมีการมอบหมายให้นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธาน
มีตัวแทนกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
กรมการจัดหางาน เป็นผู้เข้าร่วมประชุม
แต่เมื่อสิ้นสุดการประชุมแล้วก็ไม่ได้มีมาตรการการเยียวยาแรงงานตามข้อเรียกร้องที่กลุ่มพนักงานได้ขับเคลื่อนกันมาราว
5 เดือนติดต่อกันจากประชุมร่วมกับผู้แทนกระทรวงแรงงานเพื่อติดตามความคืบหน้า
สรุปสาระสำคัญที่ลูกจ้างติดตามคือการอนุมัติงบมาช่วยเหลือลูกจ้าง
และผู้แทนกระทรวงแรงงานแจ้งว่า
ตามที่สำนักเลขาคณะรัฐมนตรีได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานทั้ง 8 หน่วยงาน มีเพียง 3 หน่วยงานที่เห็นด้วย คือ
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข ส่วนอีก 5 หน่วยงานไม่เห็นด้วย คือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม
โดยแจ้งว่าเรื่องดังกล่าวเป็นภาระงบประมาณที่ผูกพันเป็นระยะยาว
ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพิจารณาการช่วยเหลือจากเงินกองทุนอื่น ๆ
ที่มีอยู่ และให้ไปเร่งรัดการดำเนินคดีกับนายจ้าง
สรุปแล้วตลอดระยะเวลากว่า
5 เดือนมีการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงแรงงานกับผู้แทนลูกจ้าง เช่น
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ซึ่งนายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในที่ประชุม
แต่ไม่เคยแจ้งเรื่องเหล่านี้ให้ลูกจ้างทราบ สรุปคือ กระทรวงแรงงาน
หลอกแรงงานมาตลอด มิหนำซ้ำ
เมื่อประชุมเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้จัดทำบันทึกการประชุมได้ให้ผู้ร่วมประชุมลงลายมือชื่อ
แต่ผู้แทนกระทรวงแรงงานไม่ยอมลงลายมือชื่อในเอกสาร นายอารี ไกรนรา
และผู้แทนจากหน่วยงานราชการไม่สนใจที่จะรอลงลายมือชื่อ
แยกย้ายกันไปหมดเหลือเพียงไม่กี่คน
ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ที่ทำเอกสารนำเอกสารไปให้
ผอ. กลุ่มงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุ้มครองแรงแรงาน
ลงลายมือชื่อก็กลับไม่ลงชื่อและแสดงความเป็นกังวลใจ
ออกไปทางไม่พอใจกับเจ้าหน้าที่ที่จัดทำบันทึกการประชุม
และพยายามพูดคุยให้นำข้อความบางส่วนออกจากบันทึกการประชุมอีกด้วยทางกลุ่มพนักงานผู้ได้รับความเดือดร้อนจึงขอแถลงต่อสื่อและสาธารณะในวันนี้ว่า
ทางกระทรวงแรงงานได้แสดงพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดขอบโดยสิ้นเชิง
บิดพลิ้วหนีการรับรองบันทึกการประชุมหาทางออก
ตระบัดสัตย์ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับแรงงาน ทั้งด้วยหนังสือกับด้วยปากเปล่า และใช้วิธีเตะถ่วงหลอกลวงแรงานให้รอคอยความหวังเรื่อย
ๆ มาเป็นเวลาหลายเดือน
กลับเพิ่มพูนความเดือดร้อนให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างลอยแพยิ่งขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน
ต้องเร่งนัดหมายประชุมกับพนักงานผู้ได้รับความเดือดร้อนอีกครั้งโดยเร็วที่สุด
เพื่อหารือแนวทางการเยียวยาแรงงาน
ทั้งจากความเสียหายที่นายจ้างกระทำด้วยการฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานและความเสียหายที่กระทรวงแรงงานกระทำซ้ำเติมกับแรงานด้วย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นายจ้างลอยแพ #แรงงาน #กระทรวงแรงงาน