#วันสิ่งแวดล้อมโลก พรรคประชาชน
ชี้คุณภาพชีวิตคนไทยเหมือนอยู่โลกที่สาม
จี้ถามรัฐบาลเลิกดองกฎหมายแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้หรือยัง?
วันนี้
(5 มิ.ย. 68) วันสิ่งแวดล้อมโลก
เป็นวันที่ได้รับการประกาศจากองค์การสหประชาชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เพจหลักพรรคประชาชน โพสข้อความระบุว่า
ปัญหาสิ่งแวดล้อมคือหนึ่งในวิกฤตที่คนไทยต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
แต่กลับไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังมานานเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นพิษ
PM 2.5 ที่ทุกวันนี้เรารู้แล้วว่ามีแหล่งกำเนิดจากที่ใดบ้างและควรใช้กลไกอะไรแก้ปัญหา
หรือกรณีสารเคมีรั่ว โรงงานไฟไหม้ โกดังระเบิด
ที่ระยะหลังเกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่ชุมชน
หรือภูเขาขยะที่ประชาชนต้องทนสูดดมกลิ่นเพราะการจัดการที่ไม่ได้มาตรฐาน
รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงงานอุตสาหกรรมแบบไร้การควบคุม
ปัญหาส่วนใหญ่มีจุดร่วมเดียวกัน
คือการประกอบกิจกรรมของบุคคล ผู้ประกอบการ หรือกระทั่งหน่วยงานรัฐ
ที่ละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แต่กฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยขาดความเท่าทันต่อสถานการณ์
ไม่มีบทลงโทษที่เพียงพอต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้
พรรคประชาชนขณะยังเป็นพรรคก้าวไกล
เราจึงยื่นกฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 4 ฉบับเพื่อให้รัฐมีกฎหมายเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศ
โดยยื่นเข้าสภาฯ ตั้งแต่ 13 ธันวาคม 2566
และเนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก
5 มิถุนายน เราจะมาอัปเดตสถานะล่าสุดของกฎหมายแต่ละฉบับ
ให้เห็นความคืบหน้าที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับกฎหมายบางฉบับที่รัฐบาลออกแรงดันเต็มสปีด
1)
ร่าง พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน (อากาศสะอาด) เสนอโดย
ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8 และรองโฆษกพรรคประชาชน
เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทยมาหลายปี
โดยกฎหมายดังกล่าวจะ
-
บังคับให้โรงงานและบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ต้องจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมทั้งระบบ
มีโทษสำหรับธุรกิจที่มีหน้าที่ส่งรายงานแต่กลับไม่ส่งหรือแจ้งเท็จ
-
ท้องถิ่นโดย อบจ. เป็นประธานในคณะกรรมการระดับจังหวัด
ซึ่งมีอำนาจสามารถประกาศเขตฝุ่นพิษอันตรายได้
-
เปิดเผยรายชื่อผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ที่เป็นสาเหตุของการก่อมลพิษต่อสาธารณะ
-
กระทรวงที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต้องรายงานผลการดำเนินการ
ปัจจุบันร่างนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณา
2)
ร่าง
พ.ร.บ.การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม (PRTR) เสนอโดย กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล สส.ระยอง เขต 1 พรรคประชาชน
เพื่อแก้ปัญหาการประกอบกิจการโดยไร้ความรับผิดชอบของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสารมลพิษ
โดย
-
บังคับให้ผู้ที่ครอบครอง ปล่อย
หรือเคลื่อนย้ายสารมลพิษต้องรายงานและเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
หน่วยงานต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ
เกี่ยวกับชนิดและปริมาณของสารมลพิษที่ปลดปล่อยจากแหล่งกำเนิดสู่สิ่งแวดล้อม
รวมถึงข้อมูลการนำน้ำเสียหรือของเสียที่มีสารมลพิษออกจากแหล่งกำเนิด
ไปบำบัดหรือกำจัดภายนอก
ปัจจุบันบรรจุวาระการประชุมของสภาฯ
แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา
3)
ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เสนอโดย ศนิวาร บัวบาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
เพื่อให้ประเทศไทยมีกลไกการบังคับและการส่งเสริมที่เข้มงวดเพื่อให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมายที่กำหนดตามพันธกรณีระหว่างประเทศ
โดย
-
นิติบุคคล หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ
ต้องตรวจวัดและจัดส่งรายงานปริมาณการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก
และเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนเข้าถึงได้
พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการชุดต่างๆ
สามารถติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้
-
ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว
และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าเกณฑ์
ซึ่งจะกำหนดเฉพาะเจาะจงไปตามรายอุตสาหกรรม
โดยระดับเพดานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะถูกปรับลดลงทุกปี
ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกตีความเป็นร่างการเงิน
ปัจจุบันรอให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับรอง
4)
ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการขยะและการหมุนเวียนทรัพยากร เสนอโดย
พูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดการขยะในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
จนส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยร่างกฎหมายนี้จะ
-
เปลี่ยนการแบ่งการจัดการขยะซึ่งปัจจุบันต่างหน่วยงานต่างทำกันไปคนละทาง
ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกหน่วยงาน โดยแบ่งการจัดการตามประเภทของขยะ
-
ให้มีแนวทางการจัดการขยะแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะต้นทาง
การกำกับการขนส่งกลางทาง
การกำหนดมาตรฐานและแนวทางการอนุญาตและควบคุมสถานที่จัดการขยะปลายทาง
-
นำหลักการหรือลำดับขั้นในการจัดการขยะ ประกอบด้วยการลดการเกิดขยะ
การใช้ซ้ำ การนำมาใช้ใหม่ การนำมาทำเป็นเชื้อเพลิง และการกำจัด
มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการขยะ
-
ขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต
ให้ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่น
ซากบรรจุภัณฑ์และซากขยะอิเล็กทรอนิกส์
-
กำหนดเงินค้ำประกันการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับขยะและตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อน
เพื่อให้ภาครัฐเข้าไปแก้ไขและฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนได้ทันที
ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกตีความเป็นร่างการเงิน
ปัจจุบันรอให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับรองเช่นกัน
เห็นได้ว่ากฎหมายสิ่งแวดล้อมที่พรรคประชาชนนำเสนอสู่สภาผู้แทนราษฎรทั้ง
4 ฉบับตั้งแต่กว่า 1 ปีที่แล้วนั้น
มีแค่ฉบับเดียวที่มีความคืบหน้าชัดเจน คือร่าง พ.ร.บ.ฝุ่นพิษฯ
ที่หลายพรรคการเมืองต่างร่วมกันเสนอและเห็นชอบจนเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก
เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำร่างกฎหมายเหล่านี้เข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯ
โดยเร็ว โดยเฉพาะร่าง PRTR
ที่รัฐบาลสามารถเร่งรัดขึ้นมาพิจารณาได้ และนายกฯ
หากเห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ควรเร่งลงนามรับรองร่างการเงิน
ทั้งร่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและร่างการจัดการขยะฯ ด้วย
แน่นอนว่าสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยไม่อาจแก้ไขหรือเนรมิตให้กลับมาดีได้ทันทีด้วยเพียงกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง
แต่การมีกฎหมายที่เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนในอนาคต