วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“ลูกเกด” ชลธิชา โพส 5 ปี ที่ “ไม่ทราบชะตากรรม” ของ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ผู้ถูกบังคับสูญหาย และ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-บังคับสูญหายฯ

 


“ลูกเกด” ชลธิชา โพส 5 ปี ที่ “ไม่ทราบชะตากรรม” ของ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ผู้ถูกบังคับสูญหาย และ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-บังคับสูญหายฯ


วันนี้ (4 มิ.ย. 68) “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชน จ.ปทุมธานี โพสข้อความระบุว่า วันที่ 4 มิถุนายน 2563 คือวันสุดท้ายที่ครอบครัวได้ติดต่อกับวันเฉลิม ขณะลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในประเทศกัมพูชา ก่อนจะได้ยินเสียงจากปลายสายของวันเฉลิม “โอ๊ย หายใจไม่ออก” แล้วสายจึงตัดไป และไม่ทราบชะตากรรมของวันเฉลิมอีกเลย


ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของวันเฉลิม ร่วมกับภาคประชาสังคม พยายามทำทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถในการติดตามทวงถามความคืบหน้าของกระบวนการสืบสวนสอบสวนการบังคับสูญหายวันเฉลิมในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออย่างน้อยที่สุดจะได้ทราบถึงชะตากรรมของบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขา แต่จนถึงปัจจุบัน นอกจากจะยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดแล้ว มิหนำซ้ำยังต้องเผชิญกับอุปสรรคและข้อจำกัดมากมายของกระบวนการทางกฎหมาย ภายใต้การบังคับใช้ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ที่ยิ่งส่งผลให้ความพยายามสืบทราบชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายในต่างประเทศมีความยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก


ปัญหาและข้อจำกัดของการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-บังคับสูญหายฯ ในกรณีของวันเฉลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสืบสวนข้ามพรมแดนระหว่างรัฐ มีหลายประการ อาทิ การขาดการทำงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงานภายในรัฐ ไม่มีการซิงค์ข้อมูลคดี รวมถึงขั้นตอนกระบวนการที่เกี่ยวข้องและจำเป็นในทางคดีระหว่างหน่วยงานที่มีอำนาจตามพ.ร.บ. ทำให้ญาติและทนายต้องวิ่งไปมาระหว่างหน่วยงานเพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าต่างๆด้วยตนเอง รวมถึงการที่หน่วยงานรัฐไทยไม่สามารถเข้าไปสืบสวนสอบสวนและค้นหาข้อเท็จจริงในต่างประเทศได้ หากยังไม่ได้รับการอนุญาตจากประเทศที่เกิดเหตุ ทำได้เพียงแค่ประสานข้อมูลที่จำเป็นผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือสำนักงานอัยการสูงสุด เท่านั้น ส่งผลให้การสืบทราบชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายยิ่งเป็นไปได้อย่างลำบากยิ่งขึ้น หากรัฐ (ในภูมิภาค ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่ามีการกดปราบข้ามแดน รวมถึงผลักดันส่งกลับผู้ลี้ภัย) ขาดเจตจำนงทางการเมืองร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการบังคับสูญหาย นอกจากนี้หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนกรณีบังคับสูญหายตามพ.ร.บ. ไม่มีงบประมาณที่เพียงพอในการเดินทางไปสืบสวนที่ต่างประเทศ จึงทำงานได้อย่างจำกัด เป็นต้น


ที่ผ่านมา เกด และคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้พิจารณากรณีการบังคับสูญหายผู้ลี้ภัยและนักกิจกรรมทางการเมืองหลายกรณี ทำให้ทราบถึงปัญหาและข้อจำกัดการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-บังคับสูญหายฯ และนอกจากเราจะติดตามความคืบหน้าในการสืบชะตากรรมของบุคคลผู้ถูกบังคับสูญหายอย่างใกล้ชิดแล้ว เราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อพิจารณาการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการป้องกันทรมาน-บังคับสูญหาย และเพื่อให้มั่นใจว่า พ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-บังคับสูญหายฯ จะถูกบังคับใช้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายโดยแท้จริงอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปค่ะ


สุดท้ายนี้ เกดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามพ.ร.บ.ป้องกันทรมาน-บังคับสูญหายฯ จะเร่งดำเนินการสืบสวนการบังคับสูญหายคุณวันเฉลิม รวมถึงบุคคลอื่นที่ถูกบังคับสูญหายโดยเร็วที่สุด โดยใช้กลไกระหว่างประเทศในภูมิภาคที่มีอยู่อย่างสุดความสามารถ เพราะทุกวินาทีที่สูญเสียไป คือ โอกาสและความหวังในการได้พบกันอีกครั้งของผู้ถูกบังคับสูญหายและครอบครัวของพวกเขา และรัฐไทยจะต้องทำให้กรณีบังคับสูญหายจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #วันเฉลิม