ฝนตกไม่ทั่วฟ้า
ค่าแรงขั้นต่ำ 400
เฉพาะกรุงเทพฯ-ธุรกิจโรงแรม แต่ราคาสินค้าแพงเหมือนกันทุกที่ “เซีย”
จี้ รมว.แรงงาน ทบทวนค่าจ้างขั้นต่ำต้อง 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ
วันนี้
(18 มิถุนายน 2568) นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาชน โพสข้อความระบุว่า ข่าวประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 เฉพาะกรุงเทพ สงสัย ทำไมฝนตกไม่ทั่วฟ้า ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นแค่กทม. -
ธุรกิจโรงแรม แต่ราคาสินค้าแพงเหมือนกันทุกที่
โดยเมื่อวันที่
17 มิ.ย. 2568 คณะกรรมการค่าจ้าง ได้มีข้อสรุปจากการประชุมไตรภาคีเห็นชอบให้ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่วันที่
1 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป
หลังจากเล่นละครล่อหลอกพี่น้องคนทำงานอยู่นานปี
โดยกำหนดให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทในเขตกรุงเทพฯ
ส่วนจังหวัดอื่นให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท
แค่บางกลุ่มอาชีพ คือ กิจการโรงแรมทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรม 50 ห้องขึ้นไป
และกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทในประเภทกิจการสถานบริการทั่วประเทศ
ตาม พ.ร.บ. สถานบริการ อาทิ คาราโอเกะ ผับ บาร์ ค็อกเทลเลานจ์
โดยสรุปก็คือ
ค่าแรงขั้นต่ำในกรุงเทพปรับขึ้นเป็น 400 บาท
และในต่างจังหวัดปรับขึ้นเฉพาะคนงานในโรงแรมเท่านั้น และธุรกิจให้บริการบางส่วน
มันก็วนกลับไปที่เรื่องที่ผมและพรรคประชาชนตั้งคำถามมาเป็นปีว่า
ทำไมไม่สามารถขึ้นค่าจ่ายขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศได้
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้คัดค้านการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้
ในทางตรงกันข้ามมีแต่เรียกร้องให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำตลอดมา
แต่..ทำไมการปรับขึ้นค่าจ้าง ’ขั้นต่ำ‘ ถึงไม่ปรับขึ้นให้เท่ากัน
ในทุกกิจการพร้อมกันทั่วประเทศ ! ปีก่อนก็ขึ้นเป็น 400 บาทเฉพาะกิจการโรงแรม 4
ดาวขึ้นไปเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวไม่กี่จังหวัดกับอีก 4 อำเภอ มาปีนี้ปรับขั้นต่ำขึ้นเป็น 400 บาททุกสาขาอาชีพแค่เฉพาะในกรุงเทพฯ
กับแค่คนทำงานในกิจการโรงแรมสองดาวขึ้นไปและคนทำงานในกิจการสถานบันเทิงทั่วประเทศเท่านั้น
คำถามคือแล้วคนทำงานในภาคส่วนอื่น ๆ
เขาไม่สมควรได้รับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นกันบ้างหรือครับ?
ขณะที่ค่าครองชีพ
สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ เช่น ราคาน้ำมันพืช ราคาเนื้อ นม ไข่
หรือค่าวัตถุดิบในประกอบอาหาร จะอยู่ที่จังหวัดไหนราคาที่ไม่ต่างกัน
และยังปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันพืชแพงขึ้นกว่าเดิม 37.5%, ราคาหมูเนื้อแดงต่อกิโลกรัมแพงขึ้นกว่าเดิม
12.9%, ราคาไข่ไก่แพงขึ้นกว่าเดิม 10% แม้กระทั่งราคาก๊าซหุงต้มแบบถัง
15 กิโลกรัมก็แพงขึ้นจากเดิมกว่า 16.2% นี่เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงจากกระทรวงพาณิชย์ที่ผมได้นำมาใช้ในการอภิปรายร่าง
พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แล้วการที่คนทำงานนอกกรุงเทพฯ หรือกิจการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่มีประกาศให้ปรับขึ้น
ยังต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาเท่าๆ กัน
แต่กลับไม่ได้รับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น มันยุติธรรมกับพวกเขาแล้วหรือครับ
อีกหนึ่งความกังวลของผม
คือ การบังคับใช้และตรวจสอบ หากนายจ้างบางรายไม่ยอมปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นตาม
ลูกจ้างก็จำเป็นต้องเป็นผู้ร้องเรียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้ทราบ
ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นกันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ลูกจ้างจะกล้าลุกขึ้นมารักษาสิทธิของตัวเองในสภาพเศรษฐกิจที่หางานใหม่ได้ยากลำบากเช่นนี้และแทบไม่มีอำนาจต่อรองกับนายจ้าง
และหากระบบการตรวจสอบและคุ้มครองแรงงานเชิงรุกของภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพเช่นทุกวันนี้
ยิ่งเป็นความเสี่ยงสูงที่คนทำงานจะไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด
และภาครัฐก็จะไม่ทราบด้วยว่าในจังหวัดนั้นๆ
มีคนที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามสิทธิอีกจำนวนเท่าใด
ผมขอแสดงความกังวลต่อกระบวนการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ล่าช้า
ไม่เป็นธรรม และมีช่องโหว่ให้นายจ้างกระทำผิดกฎหมายได้
และขอเรียกร้องให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานหากมีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนของแรงงานในยุคที่ข้าวยากหมากแพงเช่นปัจจุบันจริงต้องทบทวนการปรับค่าจ้างใหม่
“ค่าจ้างขั้นต่ำต้อง 400
บาทเท่ากันทั่วประเทศ”
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ค่าแรงขั้นต่ำ #เซียจำปาทอง #เครือข่ายผู้ใช้แรงงานพรรคประชาชน #พรรคประชาชน