วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ 400 เฉพาะกรุงเทพฯ-ธุรกิจโรงแรม แต่ราคาสินค้าแพงเหมือนกันทุกที่ “เซีย” จี้ รมว.แรงงาน ทบทวนค่าจ้างขั้นต่ำต้อง 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ

 


ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ 400 เฉพาะกรุงเทพฯ-ธุรกิจโรงแรม แต่ราคาสินค้าแพงเหมือนกันทุกที่ “เซีย” จี้ รมว.แรงงาน ทบทวนค่าจ้างขั้นต่ำต้อง 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ


วันนี้ (18 มิถุนายน 2568) นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสข้อความระบุว่า ข่าวประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 เฉพาะกรุงเทพ สงสัย ทำไมฝนตกไม่ทั่วฟ้า ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นแค่กทม. - ธุรกิจโรงแรม แต่ราคาสินค้าแพงเหมือนกันทุกที่


โดยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568 คณะกรรมการค่าจ้าง ได้มีข้อสรุปจากการประชุมไตรภาคีเห็นชอบให้ปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป หลังจากเล่นละครล่อหลอกพี่น้องคนทำงานอยู่นานปี โดยกำหนดให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทในเขตกรุงเทพฯ ส่วนจังหวัดอื่นให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท แค่บางกลุ่มอาชีพ คือ กิจการโรงแรมทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรม 50 ห้องขึ้นไป และกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทในประเภทกิจการสถานบริการทั่วประเทศ ตาม พ.ร.บ. สถานบริการ อาทิ คาราโอเกะ ผับ บาร์ ค็อกเทลเลานจ์


โดยสรุปก็คือ ค่าแรงขั้นต่ำในกรุงเทพปรับขึ้นเป็น 400 บาท และในต่างจังหวัดปรับขึ้นเฉพาะคนงานในโรงแรมเท่านั้น และธุรกิจให้บริการบางส่วน มันก็วนกลับไปที่เรื่องที่ผมและพรรคประชาชนตั้งคำถามมาเป็นปีว่า ทำไมไม่สามารถขึ้นค่าจ่ายขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศได้


ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้คัดค้านการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ ในทางตรงกันข้ามมีแต่เรียกร้องให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำตลอดมา แต่..ทำไมการปรับขึ้นค่าจ้าง ’ขั้นต่ำ‘ ถึงไม่ปรับขึ้นให้เท่ากัน ในทุกกิจการพร้อมกันทั่วประเทศ ! ปีก่อนก็ขึ้นเป็น 400 บาทเฉพาะกิจการโรงแรม 4 ดาวขึ้นไปเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวไม่กี่จังหวัดกับอีก 4 อำเภอ มาปีนี้ปรับขั้นต่ำขึ้นเป็น 400 บาททุกสาขาอาชีพแค่เฉพาะในกรุงเทพฯ กับแค่คนทำงานในกิจการโรงแรมสองดาวขึ้นไปและคนทำงานในกิจการสถานบันเทิงทั่วประเทศเท่านั้น คำถามคือแล้วคนทำงานในภาคส่วนอื่น ๆ เขาไม่สมควรได้รับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นกันบ้างหรือครับ?


ขณะที่ค่าครองชีพ สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วประเทศ เช่น ราคาน้ำมันพืช ราคาเนื้อ นม ไข่ หรือค่าวัตถุดิบในประกอบอาหาร จะอยู่ที่จังหวัดไหนราคาที่ไม่ต่างกัน และยังปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันพืชแพงขึ้นกว่าเดิม 37.5%, ราคาหมูเนื้อแดงต่อกิโลกรัมแพงขึ้นกว่าเดิม 12.9%, ราคาไข่ไก่แพงขึ้นกว่าเดิม 10% แม้กระทั่งราคาก๊าซหุงต้มแบบถัง 15 กิโลกรัมก็แพงขึ้นจากเดิมกว่า 16.2% นี่เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงจากกระทรวงพาณิชย์ที่ผมได้นำมาใช้ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วการที่คนทำงานนอกกรุงเทพฯ หรือกิจการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่มีประกาศให้ปรับขึ้น ยังต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาเท่าๆ กัน แต่กลับไม่ได้รับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น มันยุติธรรมกับพวกเขาแล้วหรือครับ


อีกหนึ่งความกังวลของผม คือ การบังคับใช้และตรวจสอบ หากนายจ้างบางรายไม่ยอมปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นตาม ลูกจ้างก็จำเป็นต้องเป็นผู้ร้องเรียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้ทราบ ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นกันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ลูกจ้างจะกล้าลุกขึ้นมารักษาสิทธิของตัวเองในสภาพเศรษฐกิจที่หางานใหม่ได้ยากลำบากเช่นนี้และแทบไม่มีอำนาจต่อรองกับนายจ้าง และหากระบบการตรวจสอบและคุ้มครองแรงงานเชิงรุกของภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพเช่นทุกวันนี้ ยิ่งเป็นความเสี่ยงสูงที่คนทำงานจะไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด และภาครัฐก็จะไม่ทราบด้วยว่าในจังหวัดนั้นๆ มีคนที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามสิทธิอีกจำนวนเท่าใด


ผมขอแสดงความกังวลต่อกระบวนการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ล่าช้า ไม่เป็นธรรม และมีช่องโหว่ให้นายจ้างกระทำผิดกฎหมายได้ และขอเรียกร้องให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานหากมีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนของแรงงานในยุคที่ข้าวยากหมากแพงเช่นปัจจุบันจริงต้องทบทวนการปรับค่าจ้างใหม่ “ค่าจ้างขั้นต่ำต้อง 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ”

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ค่าแรงขั้นต่ำ #เซียจำปาทอง #เครือข่ายผู้ใช้แรงงานพรรคประชาชน #พรรคประชาชน