วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : เตือนประชาชน “รักชาติได้ แต่อย่าคลั่ง” ประเมิน ประชาชนที่มีความคิดเสรีนิยมและก้าวหน้า แม้กระทั่งเยาวชนก็ไม่ไปร่วมม็อบ แม้ไม่ชอบ นายกฯ และอยากให้ลาออกก็ตาม


อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : เตือนประชาชน “รักชาติได้ แต่อย่าคลั่ง” ประเมิน ประชาชนที่มีความคิดเสรีนิยมและก้าวหน้า แม้กระทั่งเยาวชนก็ไม่ไปร่วมม็อบ แม้ไม่ชอบ นายกฯ และอยากให้ลาออกก็ตาม


[ถอดเทป] จากรายการ NEWSROOM HOT-ISSUES 24 มิ.ย. 68

ดำเนินรายการโดย กาย- พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ


กาย-พงศ์เกษม : จากกระแสการเรียกร้องให้ “อุ๊งอิ๊ง” ทั้งลาออกและยุบสภา ม็อบวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. นี้ ปลุกกระแสชาตินิยม-คลิปเสียงนายกฯหลุด คิดว่าคนจะมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมและออกมาเยอะมั้ย อาจารย์เห็นแกนนำแล้ว และเขาบริจาคกันเร็วมากเลยผ่านไปวันเดียว 10 ล้านแล้ว มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน


อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : สำหรับอาจารย์นะ อาจารย์ก็ยังเป็น concept ของยุทธศาสตร์ของฝั่งอนุรักษ์นิยมกับฝั่งเสรีประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นคนที่มามันเป็นศิษย์เก่าที่ว่า อันที่หนึ่ง ชูลักษณะขวาจัดคลั่งชาติ คือรักชาติ กับคลั่ง มันไม่เหมือนกัน ถึงแม้เราไม่ได้ออกไป แต่ถ้าคนรักชาติ มันต้องปฏิเสธการคลั่งชาติ ทัศนะของกลุ่มนี้ พูดตรง ๆ ก็เป็นศิษย์เก่าจำนวนหนึ่งของพันธมิตรฯ และ กปปส. แล้วพวกเขาก็ไม่ได้เป็นเอกภาพกัน ก็มาจำนวนหนึ่งนะ ไม่ได้มาก็มี อยู่ในรัฐบาลก็มี เช่น คุณขิง-เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ หรือคุณวิทยา แก้วภราดัย ก็ยังอยู่เป็นรัฐบาล ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เต็มที่ อันนี้มีลักษณะปัจเจก มีทั้งความแค้นส่วนตัว มีทั้งลักษณะแนวคิดแบบเคยเกลียดคุณทักษิณมาก เคยโจมตีมามาก จนไม่สามารถจะรับได้ว่ามาเป็นรัฐบาล มันก็เท่ากับว่าที่ทำเมื่อก่อนนั้นมันผิดและมันแพ้ พวกนี้จะไม่ได้สนใจยุทธศาสตร์ของการต่อสู้ระหว่างฝั่งอนุรักษ์นิยมกับค่ายเสรีประชาธิปไตย แต่นี่เป็นปัจเจก ไม่ชอบก็ออกมา


ถ้าแนวคิดของอาจารย์ก็คือ โดย concept เอาคนเสื้อแดงก็ได้ คนเสื้อแดงมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเขาตามพรรคเพื่อไทยไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจารย์คิดว่าไม่มากนะ อาจจะเป็นหนึ่งในน้อยมาก ๆ เลยของคนเสื้อแดงทั้งหมด สมมุติตีว่าคนเสื้อแดงประมาณ 10 ล้าน อันนั้นมันแบบเสื้อแดงแท้ ๆ นะ แต่คนที่ติดตาม ครั้งที่แล้วเพื่อไทยได้ popular vote 10 ล้าน ที่ตอนนั้นบอกไม่เอาสองลุงนะ ก็คือยังเป็นประชาธิปไตยเต็มที่ เที่ยวหน้าจะเหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ คนที่ตามพรรคเพื่อไทยก็ไม่ออกมาม็อบนี้ แล้วคนที่ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย แต่เป็นอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย ก็ไม่ออกมาม็อบนี้ ไม่สามารถจะมาร่วมเอามือตบกับตีนตบมาผสมกัน



กาย-พงศ์เกษม : นี่เขาใส่เสื้อขาวนะ


อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : เอ้ย จะใส่เสื้ออะไร นี่! สีมันอยู่ทีนี่ (ชี้ที่ศีรษะ) และอยู่ในนี้ (ชี้ที่หัวใจ) เหมือนคนใส่เสื้อแดง แต่ว่าก็ยังมีสัญลักษณ์ กปปส. อยู่เต็ม เพียงแต่ว่าไม่เป่านกหวีดเท่านั้น โดยแนวคิดอุดมการณ์ ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเสรีนิยมและเลือกเสรีประชาธิปไตย อาจารย์มองว่าร่วม 70% ไม่มา!!! แต่ว่า กปปส.เก่า และถ้าหากว่ามีเงินเยอะพอควร ประเภทที่เรียกว่าเงินมาก็ดีกว่าอยู่เฉย ๆ ก็อาจจะมีมาจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นแนวคิดและให้เต็มที่แบบเมื่อก่อน หรือเหมือนที่เขาทำ AI คนเต็มอนุสาวรีย์ชัยฯ อาจารย์ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถามว่าถ้ามีเงินอยู่สักประมาณ 10 กว่าล้านนะ ก็คงได้จำนวนหนึ่ง แต่ว่าโดยแนวคิดของคนที่เป็นฝ่ายเสรีนิยม แล้วก็เป็นเสรีประชาธิปไตย ไม่มาแน่นอน!!! เราจะเห็นได้ อย่างคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ถึงแม้ว่าเป็นแกนนำเสื้อแดง เมื่อตอนที่ทำพรรคเพื่อชาติ คะแนนเสียงก็ยังไม่พอ แต่จะว่าไปกลุ่มกดดันเหล่านี้เวลาทำพรรคการเมืองก็ไม่ได้เสียงมากนะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เคยตั้งพรรคเสียงก็ไม่มาก เพราะประชาชนก็จำแนกกัน


ในทัศนะของอาจารย์ อาจารย์ถือว่าคนยังอยู่ในแนวคิดที่อยู่คนละฟาก เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมา แล้วอาจารย์ก็อยากจะฝากถึงประชาชนด้วยว่า รักชาติได้ แต่อย่า “คลั่ง” ถ้าคุณเป็นพุทธศาสนิกชน อย่าว่าแต่เป็นคนเหมือนกันเลย สัตว์โลกเขายังต้องมีความเมตตา คุณต้องมีลักษณะแนวคิดแบบสากลนิยมด้วย ถ้าคุณเป็นเสรีนิยมจริง คุณจะไม่เหยียดเชื้อชาติ คุณจะไม่เหยียดเพศ คุณจะไม่เหยียดคนพิการ คุณจะไม่เหยียดคนที่ไม่มีความรู้ คุณจะไม่เหยียดคนที่ยากจน อันนี้คือความก้าวหน้าของคน การเหยียดเชื้อชาติเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งแสดงถึงความอนารยะ อาจารย์มองด้านดีนะว่าสังคมไทยกำลังพัฒนาไปสูง เพราะฉะนั้น คนที่คิดได้อย่างนี้จะไม่มา ถึงแม้เขาจะรักชาติ แต่ไม่ถึงกับ “คลั่ง”


กาย-พงศ์เกษม : ข้อเรียกร้องของพรรคประชาชนคือให้นายกฯ “ยุบสภา” ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพลังแผ่นดินคือให้นายกฯ “ลาออก” และคนที่สนับสนุนรัฐบาลก็เรียกร้องให้นายกฯ “อยู่ต่อ” ถ้าข้อเรียกร้องให้ “ลาออก” จุดไม่ติด จะนำไปสู่ข้อเรียกร้องอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะอำนาจนอกระบบขึ้นมา


อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : ถ้าเป็นประเทศทั่วไปที่เจริญแล้ว นายกฯ ที่อยู่ในสภาพอย่างนี้นะ ตามหลักต้องลาออก แต่หมายความว่าเป็นวิถีทางของระบบรัฐสภา แต่ว่าบ้านเราสถานการณ์ไม่ปกติ รัฐบาลนี้ก็เลยพยายามอ้างว่าเพื่อความสามัคคี แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เพราะอย่างที่เราเห็นแล้ว หน้าตาคนที่เป็นนายกฯ ต่อไปก็ลำบาก พรรคประชาชนก็เสนอยุบสภา แต่พรรคอื่น ๆ ก็ไม่อยากยุบ เพราะเขายังไม่พร้อม จริง ๆ กลไกรัฐสภายังพอใช้ได้อยู่ แต่ถ้าถามว่าถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้วนะ ถ้านายกฯ ทำแบบนี้นะ อันนี้ส่วนตัวอาจารย์ไม่ได้ต้องการไปประณามตัวนายกฯ นะ ถ้าผิดพลาดขนาดนี้ต้องลาออก พอดีม็อบที่เกิดมันหน้าตาและแบรนด์ มันเป็นแบบเคยมีการเรียกร้องตั้งแต่ยุคปี 2554 เรื่องเขาพระวิหาร รอบ 2 ที่มีเรื่องกันตอนนั้น มันมีลักษณะที่เรียกว่ามันเหมือนกับชวนกันคลั่งไปเลย มันสุดกู่ สุดขั้วไปเลย คือเขาพระวิหารรอบแรกสมัยจอมพลสฤษดิ์ แล้วพอมารอบ 2 ตอนที่คุณทักษิณขึ้น



ทีนี้หน้าตาของคนที่มาทำม็อบมันเป็นหน้าตาชุดเดิมหมดเลย เป็นชุดเดิมของพันธมิตรฯและกปปส. พูดง่าย ๆ ว่าเป็นหน้าตาของกลุ่มจารีตอำนาจนิยมที่ยอมรับการทำรัฐประหารมาทั้ง 2 รอบเลย ตอนพันธมิตรฯ ก็ยอมรับการทำรัฐประหารปี 2549 ตอนกปปส.ก็ยอมรับการทำรัฐประหารปี 2557 พอทำรัฐประหารก็ฉลองชัยชนะเลย เพราะฉะนั้นแบรนด์เหล่านี้และความคิดจารีตอำนาจนิยมเหล่านี้ ประชาชนที่เขาสนใจการเมืองมันยากที่จะไปร่วม ถึงแม้เขาอาจจะไม่ชอบรัฐบาลอยากจะให้คุณ “อุ๊งอิ๊ง” ลาออก แต่มันก็เห็นสภาพที่เกิดขึ้นแบบนี้ว่ามันไปยากกันทั้งคู่


อย่างที่อาจารย์บอกแล้วว่าฝั่งที่เขาคุมการต่อสู้ในเชิงยุทธศาสตร์ พูดตรง ๆ คุณประยุทธ์ฯ ด้วยคนหนึ่ง คำถามว่าแล้วจะเอายังไง? ถ้าพังไป โอเคอย่างดีก็คือเอามากอีกคน หรือว่าถัดไปจะเตรียม คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งทั้งหมดมีแผลหมด คุณอุ๊งอิ๊งก็มีแผล คุณพีระพันธุ์ก็มีแผล แล้วถาตุลาการภิวัฒน์จัดการพวกนี้หมด แล้วเอาไง มันเป็น scenario ที่ดูไม่ออกเลยประเทศไทย! มันเหมือนกับว่าจะต้องมีทหารมาแก้ปัญหาอีก ซึ่งนี่เป็นเวลาที่ยากมาก คือฝั่งอนุรักษ์นิยมก็ไม่ยอมแพ้ ฝั่งประชาชนก็ไม่ได้ยอมแพ้ มันยังเผชิญการต่อสู้กันอยู่ แต่ว่าในฝั่งของประชาชน ในทัศนะของอาจารย์มันเติบโตขึ้นและรู้ทัน ถ้าพูดถึงแบรนด์ของผู้นำม็อบนี้นะ ในความคิดของอาจารย์ ประชาชนที่มีความคิดเสรีนิยมและก้าวหน้า อาจารย์ประเมินแม้กระทั่งเยาวชนก็ไม่ไป!!! คือไม่ต้องไปอ่านคอมเม้นท์หรอก เขาไม่ไป แล้วคนเสื้อแดงก็ไม่ไป แต่ยกเว้นว่าอาจจะมีทีมกปปส.เก่า และส่วนหนึ่งอาจจะมีพรรคการเมืองบางพรรค แล้วก็มีการเงินที่หนุน อาจจะมีม็อบจำนวนหนึ่ง เราก็ประมาทไม่ได้ เพราะว่าเงินมันก็สำคัญเหมือนกัน จ้างผีให้โม่แป้งก็ได้ จ้างคนมาทำม็อบก็ทำได้เหมือนกัน แต่ด้วยความคิดและอุดมการณ์ ผู้รักประชาธิปไตยเขาไม่ชอบคุณอุ๊งอิ๊งหรอก จำนวนหนึ่ง อยากให้ออก แต่จะให้มาร่วมม็อบนี้เขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน อาจารย์คิดอย่างนั้นนะ ยกเว้นว่าสถานการณ์มันพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เลยจุดหนี้ไปจนกระทั่งปัญหาเกิดจะมีการยุบสภาหรืออะไร มันก็จะต้องมีวิถีทางอย่างเช่น อาจจะมีการเรียกร้องให้ “ยุบสภา” หรืออะไรประมาณอย่างนั้นก็เป็นไปได้ในขั้นต่อไป อย่างน้อยก็ขอให้มันอยู่ในวิถีทางของระบบรัฐสภา


กาย-พงศ์เกษม : คำว่า “ม็อบมีเส้น” แต่บริบทการเมืองปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไป “เส้น” มันก็อาจจะเปลี่ยนไป


อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : ก็มียุทธศาสตร์ไง ถ้าไม่เอาพรรคเพื่อไทยแล้วจะอยู่ยังไง? ตายเลย เพราะว่าพวกของตัวเองก็อ่อนแอลงไปทุกวันแล้ว อาจารย์จะบอกว่าตอน 2516 ตอนนั้นเอาประธานองคมนตรีมาเป็นนายกรัฐมนตรี (สัญญา ธรรมศักดิ์) และนี่เป็นโมเดลที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งหลายพยายามจะให้มันเกิดขึ้นอีก เช่นตอนปี 2549 ก็พยายามจะให้เกิดสิ่งนี้ ครั้งนี้ก็อาจจะพยายามก็ตาม แต่ถ้ามองระยะสั้นมันได้ แต่ถ้ามองระยะยาวนะ เอาทำจนสุดฤทธิ์สุดเดชแล้วนะอาจารย์ว่า คุณประยุทธ์ฯ แกตั้งพรรคแล้ว แล้วสุดท้ายพรรคก็ได้ 30 กว่าเสียงก็เรียกว่าเต็มที่สุดแล้วนะ เพราะฉะนั้นมาเป็นได้ แต่จะอยู่ได้กี่วัน ต้องถูกต่อต้านแน่นอน คราวนี้นะคนต่อต้านม็อบตัวจริงเลยแหละ ม็อบฝ่ายเสรีประชาธิปไตยตัวจริง ถ้าเกิดมันมีอะไรที่มาที่มันไม่ได้เป็นไปตามระบบรัฐสภา มันจะมีม็อบตัวจริงออกมาเลย แล้วที่สำคัญก็คือ แล้วต่อไปจะทำยังไง คุณทำเต็มที่แล้ว ได้แค่นี้ อาจารย์ก็เลยบอกว่ามันเป็นภาวะที่เขายากลำบาก ก็กล้ำกลืนอยู่เหมือนกัน แต่ว่าถ้าสมมุติว่ามีคนมานอกระบบอะไรก็ตาม ม็อบจริงเนี่ยมา!!! อันนี้ม็อบเก่าของความเกลียดชัง อาจารย์คิดอย่างนั้นนะ พูดอย่างนี้อย่าโกรธกันนะ เดี๋ยวหาว่าไปประมาทเขา เราเจอกันมานานแล้ว ต่างคนต่างแก่แล้วนะ ดูหน้าก็รู้ มันไม่ใช่แล้ว มันคนละยุคแล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กลุ่มพลังแผ่นดิน #แพทองธาร #รัฐบาลแพทองธาร