วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2567

สส. - ส.ก. ก้าวไกล กทม. แถลง 10 ข้อสังเกต ผังเมืองกทม. ใหม่ สะท้อนปัญหาการพัฒนาแบบกระจุกความเจริญ ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมกำหนด

 


สส. - ส.ก. ก้าวไกล กทม. แถลง 10 ข้อสังเกต ผังเมืองกทม. ใหม่ สะท้อนปัญหาการพัฒนาแบบกระจุกความเจริญ ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมกำหนด

 

วันนี้ (5 มกราคม 2567) ที่รัฐสภา สส. และ ส.ก. พรรคก้าวไกล นำโดย ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพ เขตบางเขน จตุจักร หลักสี่ และ ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ สส.กรุงเทพ เขตประเวศ สะพานสูง แถลงข้อเสนอและข้อสังเกต 10 ประการ กรณีการจัดทำผังเมืองฉบับใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน

 

ศุภณัฐกล่าวว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็น ที่จะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 6 มกราคม 2567 เวลา 09.00 น. นั้นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการรับฟังความคิดเห็นครั้งใหญ่ หลังจากมีการรับฟังย่อยเมื่อช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา หากพี่น้องประชาชนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้แสดงความคิดเห็น อาจจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อีก โดยศุภณัฐ ได้ไล่เรียงข้อสังเกตและความกังวลดังนี้

 

ข้อเสนอข้อที่ 1 ในการรับฟังความคิดเห็นครั้งถัดไป (6 มกราคม 2567) หากพี่น้องประชาชนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้แสดงความคิดเห็นทางหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร จะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อีก และขณะเดียวกัน ร่างผังเมืองที่มีการนำเสนออยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ตัวที่เป็นตัวสมบูรณ์ จึงต้องร่วมกันสงวนสิทธิ์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นในรอบถัดไป

 

ข้อเสนอข้อที่ 2 การกำหนดสีผังเมืองโดยที่ไม่มีคอนเซ็ปท์ ซึ่งการเปลี่ยนผังเมืองของกทม. ในครั้งที่ 4 ครั้งนี้ เป็นเพียงการอัปเดทโซนนิ่ง คือการเพิ่มความเข้มข้นของการใช้ประโยชน์ของที่ดิน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงตามแนวรถไฟฟ้าและการใช้ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่การวางผังเมืองเพื่อชี้นำความเจริญหรือกำหนดอนาคตของเมือง แต่เป็นการวางผังเมืองหลังจากที่เมืองได้มีการเจริญเติบโตไปก่อนแล้วค่อยปรับผังเมืองตามการเจริญเติบโตที่ไร้ทิศทางของเมือง

 

ข้อเสนอข้อที่ 3 การเปลี่ยนแปลงผังเมืองโซนสีเขียว ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและพื้นที่เกษตรกรรม ในฝั่งตะวันตก เช่น เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน ที่เคยถูกวางไว้ว่าเป็นพื้นที่รับน้ำ จะมีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับการใช้ประโยชน์ของที่ดินอย่างก้าวกระโดดกว่าในหลายพื้นที่ ขณะที่ในส่วนของฝั่งตะวันออกจะมีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ยังคงไว้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม

 

ข้อสังเกตข้อที่ 4 คือการไม่กำหนดยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด กำหนดการเมืองกรุงเทพฯ นั้นไม่ได้มีการวางแผนร่วมกันระหว่างกทม. กับปริมณฑลอย่างมียุทธศาสตร์ เช่น ช่วงรอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ทำให้การพัฒนาไม่มีความต่อเนื่อง ทั้งที่พื้นที่ติดต่อกัน แต่กลับเจริญไม่เท่ากัน

 

ข้อสังเกตข้อที่ 5 เรื่องของ FAR Bonus หรือสิทธิพิเศษในการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผังเมืองกำหนด ร่างผังเมืองปัจจุบันมีการกำหนดมาตรการจูงใจให้เอกชนในการแลกกับ FAR Bonus เพิ่มในรูปแบบต่างๆ เช่น การทำบ่อหน่วงน้ำเป็นพื้นที่รับน้ำ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Afforable home) หรือการทำทางเชื่อมถนนสาธารณะ หรือการทำพื้นที่สำหรับเป็น Hawker Center เพิ่มพื้นที่สำหรับหาบเร่แผงลอยเพื่อแลกกับ FAR Bonus ที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้สิทธิในการสร้างอาคารที่ใหญ่ขึ้นสูงขึ้นหนาแน่นขึ้นได้ แต่ไม่ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์หรือผลประโยชน์ที่กรุงเทพฯ จะได้รับอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งพรรก้าวไกลมองว่า ควรกำหนด FAR เฉพาะในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา

 

ข้อสังเกตข้อที่ 6 ปัญหาความไม่สอดคล้องของการคมนาคมระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และผังเมืองกรุงเทพ การตัดถนนใหม่ ไม่ได้สอดคล้องกับแนวทางคมนาคมโดยรวมของภาครัฐ เนื่องจาก กทม. ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมระบบขนส่งมวลชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เช่น กรณีของรถไฟฟ้า รถเมล์ กทม.ไม่ได้เป็นเจ้าของโดยตรง หรือกรณีของทางด่วน ถนน สะพานโครงการขนาดใหญ่ กทม. ก็ไม่ได้เป็นผู้สร้างด้วยเช่นกัน แต่สิ่งก่อสร้างอยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม อีกทั้งผังเมืองของ กทม. ก็ไม่ได้ส่งเสริมการวางผังระบบตาราง (Grid Pattern System) ที่สร้างเพื่อเชื่อมซอย แก้ปัญหารถติดอย่างจริงจัง

 

ข้อสังเกตข้อที่ 7 เรื่องอภิสิทธิ์ที่ดินทหาร ซึ่งเป็นผังสีขาว โดยในร่างผังเมืองฉบับนี้ยังคงไว้ซึ่งความเหลื่อมล้ำ ไม่มีข้อกำหนดในการใช้ที่ดินสำหรับหน่วยทหาร ยกตัวอย่างเช่น การใช้พื้นที่ผังสีขาวในการสร้างอาคารที่พักอาศัยให้แก่เหล่านายพล หรือเป็นบ้านพักของทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งหากเอกชนต้องการพัฒนาพื้นที่ของตนเองกลับต้องเจอกับเงื่อนไขยุ่งยาก ขณะที่พื้นที่ทหารไม่มีข้อบังคับการใช้ที่ดินใด ๆ

 

ข้อสังเกตข้อที่ 8 การกำหนดพื้นที่สีแดงที่ไม่มีหลักการ ร่างฉบับปัจจุบันมีการกำหนดพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่สำหรับการทำพาณิชย์ กระจายตัวอยู่ตามที่ดินของเหล่านายทุน และบางพื้นที่ผังสีแดงไม่สอดคล้องกับผังการพัฒนา sub-cbd หรือพื้นที่เศรษฐกิจขนาดย่อยกระจายตามพื้นที่ รวมถึงไม่มีหลักการและเหตุผลที่สามารถอธิบายถึงผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาผังเมืองว่าเหตุใดในบางพื้นที่ถึงกำหนดให้กลายเป็นพื้นที่สีแดงได้

 

ข้อสังเกตข้อที่ 9 ผังที่โล่ง ในการจัดทำร่างผังเมืองปัจจุบัน มีการจัดให้ผังที่โล่งและฝั่งสีเขียวของกรุงเทพเป็นพื้นที่เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่ในร่างผังเมืองปัจจุบันได้นับรวมกับพื้นที่ของเอกชน เช่นสนามกอล์ฟ เข้าไปด้วย ซึ่งขัดแย้งต่อเงื่อนไขของการเป็นที่ดินเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด

 

ข้อสังเกตที่ 10 ร่างผังเมืองสะท้อนสภาพปัญหาของกรุงเทพได้ชัดเจน คือเรื่องของการกระจุกความเจริญ และไม่ได้ลดความแออัดในกรุงเทพฯ ชั้นใน ไม่มีการกระจายความเจริญโดยมีแผนรองรับอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้กรุงเทพฯ โตเฉพาะกรุงเทพชั้นใน เต็มไปด้วยการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ นำมาซึ่งความแออัดและปัญหารถติดเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนกรุงเทพฯ ตะวันออก และกรุงเทพฯ ตะวันตก กลับยังไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

 

ด้านณัฐพล เปรมพูลสวัสดิ์ กล่าวเสริมว่า ต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนเข้าไปกับกระบวนการจัดทำของผังเมืองในฉบับนี้ให้มากที่สุด เริ่มจากวันพรุ่งนี้ (6 มกราคม) ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ หลังจากนั้น วันที่ 22 มกราคม สส. และ ส.ก. ของพรรคก้าวไกล จะรวบรวมข้อคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับผังเมืองกรุงเทพฯ เพื่อที่จะนำเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไปยังสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง เพื่อให้ผังเมืองฉบับนี้สอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องประชาชนและเป็นผังเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ผังเมือง