“พิธา“ เดินสายจังหวัดชายแดนใต้ เยี่ยมอาสาสมัครเยาวชนฟื้นฟูหลังน้ำท่วม
ปลื้มพลังคนรุ่นใหม่ร่วมบรรเทาวิกฤต แนะถอดบทเรียนบริหารจัดการทั้ง 3 ระยะ ก่อน-ระหว่าง-หลังท่วม
พิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย รอมฎอน ปันจอร์
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ร่วมเยี่ยมชมและให้กำลังใจการทำงานของกลุ่มอาสาสมัครที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการฟื้นฟูเยียวยาความเสียหาย
หลังเหตุอุทกภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 7 มกราคม
2567 ที่ผ่านมา
โดยเริ่มต้นตั้งแต่การรับฟังปัญหาที่
รพ.สต.บ้านนาโอน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
คุรุภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์สำคัญได้รับความเสียหายจนไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ
ก่อนเดินทางต่อไปยัง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ประสานงานอาสาสมัครของมูลนิธิกระจกเงา
ร่วมรับฟังกระบวนการทำงานของอาสาสมัคร
ก่อนร่วมเยี่ยมชมและให้กำลังใจอาสาสมัครล้างบ้านที่หน้างานใน อ.รามัน จ.ยะลา
แล้วจึงเดินทางต่อไปยังวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี
ร่วมรับฟังกระบวนการออกให้ความช่วยเหลือประชาชนในการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม โดยอาสาสมัครนักเรียนและคณาจารย์วิทยาลัยฯ
ก่อนร่วมส่งมอบอุปกรณ์การซ่อมแซมบ้านที่ได้รับบริจาคมาจากบริษัท Pumpkin ให้กับกลุ่มอาสาสมัครดังกล่าว
พิธากล่าวว่าสิ่งที่ตนได้มาพบในวันนี้และรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ
ก็คือการรวมตัวกันของคนรุ่นใหม่ในทุกพื้นที่ ในการเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือชุมชน
นี่เป็นพลังของคนรุ่นใหม่ในยามวิกฤติที่น่าชื่นชมอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม
แม้ในเวลานี้น้ำจะลดลงแล้ว แต่ปัญหาของประชาชนไม่ได้ลดลงตามด้วย
เรื่องเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดก็คือการฟื้นฟูเยียวยา
ซึ่งในส่วนของพรรคก้าวไกลหลังจากที่ได้มารับฟังปัญหาวันนี้แล้ว
มีงานที่ต้องกลับไปทำ ในการนำเรื่องต่างๆ เข้าหารือในกรรมาธิการคณะต่างๆ
ที่พรรคก้าวไกลมีสมาชิกอยู่ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เร็วที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกษตร เพื่อบรรเทาปัญหาทั้งพืชผลและปศุสัตว์ที่สูญเสีย
ทั้งเรื่องสาธารณสุข ในกรณีที่มี รพ.สต. ได้รับผลกระทบสิบกว่าแห่ง
คุรุภัณฑ์สูญเสียกับน้ำท่วม ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่มีธุรกิจชำระหนี้ไม่ได้ ฯลฯ
พิธายังกล่าวต่อไป
ว่าจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ครั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล
สิ่งที่จะต้องทำหลังจากผ่านกระบวนการฟื้นฟูเยียวยาไปแล้ว ก็คือการถอดบทเรียน
ทั้งก่อนท่วม ระหว่างท่วม และหลังท่วม จะต้องบริหารจัดการอย่างไร
เพราะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เองก็เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากพื้นที่หนึ่งที่จะต้องมีการศึกษา
แบ่งเฟสการรับมือให้มีความชัดเจน จะทำอย่างไรให้การแจ้งเตือนมีความแม่นยำมากขึ้น
การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปศูนย์อพยพจะต้องรองรับผู้ป่วยติดเตียง ผู้หญิง
และเด็กให้มากขึ้น ระหว่างท่วมจะต้องมีการประเมินที่แม่นยำให้เกิดการระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ
และสุดท้านกระบวนการฟื้นฟูเยียวยาให้กลับมาสู่สภาพปกติจะต้องทำให้เร็วที่สุด
ส่วนในระยะยาวที่สุด
จำเป็นต้องมีการกระจายอำนาจ เพราะปัญหาที่ตนได้มารับฟังวันนี้
ส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดการแบบรวมศูนย์ เช่น เรื่องของเรือ
ที่ต้องอาศัยจากกระทรวงกรมที่แตกต่างกันไป
ท้องถิ่นไม่มีทรัพยากรหรืออำนาจที่จะไปดำเนินการเองได้อย่างเต็มที่ การจัดการปัญหาภัยพิบัติในอนาคตจะต้องมึการบริหารที่เน้นจากท้องถิ่นมากขึ้น
ให้คนใกล้ปัญหาได้เป็นคนแก้ปัญหา โดยไม่ต้องรอกระทรวงกรมต่างๆ เป็นหลัก
“ในฐานะฝ่ายค้านวันนี้
สิ่งที่พรรคก้าวไกลทำได้คือการทำหน้าที่พูดแทนประชาชนที่เสียงของพวกเขาส่งไปไม่ถึง
จากการได้ลงพื้นที่จริง ได้เห็นปัญหาจริง สื่อสารแทนประชาขน
ใช้กลไกกรรมาธิการเข้าไปจี้กับผู้มีอำนาจในด้านต่างๆ
ให้เห็นภาพความเดือดร้อนของประชาชน พรรคก้าวไกลจะเน้นการทำงานเชิงรุกเช่นนี้ไปเก็บเกึ่ยวประสบการณ์
ก่อนเข้าสู่การบริหารในฐานะรัฐบาลในอนาคตต่อไป” พิธากล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ชายแดนใต้