"พิธา" กลับเข้าสภา เผยความรู้สึกแรกคิดถึงไออุ่นที่คุ้นเคยกับ 6
เดือนที่หายไป ยันไม่ยึดติดตำแหน่งหัวหน้าพรรค -ผู้นำฝ่ายค้าน
มั่นใจ ไร้กังวลปมแก้ม. 112
วันนี้
(25 มกราคม 2567) เมื่อเวลา 10.30 น.
ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ได้เดินทางมาถึงรัฐสภาเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่สส.เป็นครั้งแรก
ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 ในคดีถือหุ้นสื่อไอทีวี โดยเมื่อวานนี้ (24
ม.ค.) ศาลฯได้มีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยให้สมาชิกภาพสส.ของนายพิธาไม่สิ้นสุด
และไอทีวีไม่ใช่ธุรกิจสื่อมวลชน ส่งผลให้นายพิธา
สามารถกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่สส.ได้ทันที
นายพิธา
ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงความรู้สึกของก้าวแรกที่เข้าสู่สภาฯว่า
ไออุ่นที่คุ้นเคย รวมเวลาตั้งแต่เดือน ก.ค. 66 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ที่ตนไม่ได้มีโอกาสมาแถลงข่าวที่สภาฯ ได้เห็นบรรยากาศสื่อมวลชน
ประชาชน หรือนักศึกษาที่มาเยี่ยมสภาฯ
ยังรู้สึกว่าสภาฯเป็นพื้นที่รวมตัวของสังคมไทย ทำให้คิดถึงบรรยากาศแบบนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งใจผูกเนคไทสีฟ้ามาเป็นกิมมิคหรือไม่
นายพิธา กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นกิมมิคอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเดินทางไปออกรายการ และได้มองซ้ายมองขวา
จำได้ว่าตอนที่เราชูกำปั้นในช่วงที่ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เราผูกเนคไทเส้นนี้
จึงนึกสนุกขึ้นมาว่าไหนๆก็ไหนแล้ว เราออกไปด้วยแบบไหน เราก็กลับมาด้วยแบบนั้น
คิดว่าเราออกไปทัวร์แบบอ้อมแต่เป้าหมายในการเดินทางก็ทำต่อ ถึงแม้มันจะหายไป 6 เดือนก็ตาม
เมื่อถามว่าเสียดายหรือไม่กับ
6 เดือนที่หายไป นายพิธา กล่าวว่า
เวลาที่เสียไปถือว่าเสียดายอย่างเป็นรูปธรรม เช่น
โอกาสในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ที่ไม่อาจมีใครบอกได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
หรือถ้ามีครั้งที่ 2 แล้วมันจะมีครั้งที่ 3 หรือไม่ แต่เราบริหารจัดการได้ว่า 6 เดือนที่หายไป
เราไปพบปะประชาชน และทำงานร่วมกับสส.ในการลงพื้นที่
ฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเสียดาย
“ภารกิจแรกในการกลับมาเป็นสส. ผมจะเข้าพูดคุยกับสส.ของพรรค รวมถึงนักศึกษา
ประชาชนที่มาเยี่ยมสภาฯ เราก็จะเข้าไปพูดคุยเสียหน่อย
และจะหาจังหวะเดินเข้าห้องประชุมใหญ่เพื่อไม่ให้ขัดจังหวะเพื่อนสส.ที่กำลังอภิปรายอยู่
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ผมเตรียมที่อภิปรายเรื่องการบริหารจัดการขยะ
และจะแถลงแผนงานของพรรคก้าวไกลว่ามีเป้าหมายอย่างไรต่อไป
การทำงานของพรรคในเชิงปฏิบัติการคืออะไร ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมได้” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าในช่วงที่หายไป
6 เดือนเกิดปัญหาเรื่องคุกคามทางเพศภายในพรรค รวมถึงเรื่องอื่น ๆ
จนเกิดข้อครหา จะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ต้องยอมรับด้วยความเสียใจ
และต้องขอโทษประชาชน แต่ในช่วงสถานการณ์นั้นตนไม่ได้หายไปไหน
เพียงแต่ว่านายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตนก็ไม่อยากเป็นสถาบันที่มีหัวหน้าพรรค
2 คน ตนก็ต้องรู้ที่ของตัวเองว่าในขณะนั้นตนเป็นที่ปรึกษา
ก็คอยให้คำปรึกษากับนายชัยธวัช พูดคุยกันมาโดยตลอด
ไม่ว่าจะในมุมป้องกันไม่ให้สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอย่างไร
หรือการรักษาเมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้วต้องตอบสนองให้ไว
จะเรียนรู้จากความผิดพลาดปรับปรุงโดยไม่ได้แก้ตัว
และยอมรับว่าเราต้องพัฒนากันอีกเยอะ แต่ประชาชนก็สัมผัสได้ถึงพัฒนาการ
และความเป็นสถาบันทางการเมืองของเรา
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีกลับกับนายเรืองไกร
ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ร้องเรื่องหุ้นสื่อไอทีวีหรือไม่ นายพิธา
กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วในอดีต ตอนนี้จะโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน
ใช้สมาธิ ทรัพยากร และเวลากับการทำงานปัจจุบัน รวมถึงอนาคตที่จะถึงตามแผนงานที่จะแถลงในวันพรุ่งนี้
(26 ม.ค.)
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค
และผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2ส่วน 1.เป็นไปตามกระบวนการที่จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคในเดือนเม.ย.นี้
และต้องผ่านการคัดเลือกจากกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่
รวมถึงการนำเสนอในที่ประชุม หรือสมาชิกโหวต และ2.ตนไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง
นายชัยธวัชก็ทำหน้าที่ได้ดี และทำงานอย่าวแหลมคม เป็นตัวเอง ทั้งตนและนายชัยธวัช
ไม่ได้มีใครยึดติดในตำแหน่งทั้งคู่ และทุกคนในพรรค
เมื่อถามว่ามีโอกาสเลื่อนประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคให้เร็วขึ้นเพื่อประชุมวาระเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่
นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีเหตุจำเป็นอะไร ตนคิดว่าเดือนเม.ย.เหมาะสม
กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ทำงานครบ4ปีตามวาระก็ต้องมีการเปลี่ยน
ต้องแจ้งให้ชัดว่าการประชุมฯไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของตน
เมื่อถามว่า
มีข้อควรระวังอะไรให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า
ตนยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง และไม่ได้ค้านทุกเรื่อง ค้านเฉพาะสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
หรือค้านเพื่อจะแนะนำ และยังเชื่อว่ามีวาระเพื่อประชาชนอีกมากมาย
โดยไม่ต้องคำนึงว่ามาจากพรรคไหน เช่น เรื่องสมรสเท่าเทียม หรือเรื่องพระราชบัญญัติ
(พ.ร.บ.) อากาศสะอาด เราเชื่อว่ายังทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ได้
เมื่อถามว่า
จะมีการจับตาโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นพิเศษหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า
จะจับตาเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่ตนถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนได้สังเกต
ว่าโครงการเรือธงของรัฐบาลมี 3 โครงการ ได้แก่ 1. ดิจิทัลวอลเล็ต
2. โครงการแลนด์บริดจ์ 3. ซอฟต์พาวเวอร์
ซึ่งมีหลายเรื่องที่เราเห็นตรงกัน
แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เราต้องพูดคุยกันเป็นพิเศษ จะต้องมองในมุมกว้างและลึก
และดูว่าทางเลือกและเป้าหมายคืออะไร
เมื่อถามว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายหลักของพรรคก้าวไกลในการตรวจสอบรัฐบาล
มองเรื่องนี้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ตนมีความเห็นว่าประชาชนเดือดร้อนพอสมควร
เศรษฐกิจโตช้า ซบเซามาเป็นเวลานาน ธนาคารกสิกรวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจอาจจะโตช้าในรอบ
10 ปี ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลในชุดปัจจุบันที่เพิ่งเข้ามาบริหารเพียง 6
เดือน แต่เป็นสิ่งที่เป็นปัญหามาจากการเมืองไทยที่ศูนย์หายมากว่า 10
และไม่มีการปรับโครงสร้างทำให้เราโตช้ามาก
แต่ขณะเดียวกันตนกังวลว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
ด้วยการใช้งบประมาณระยะยาวทำให้ไม่มีพื้นที่การคลัง ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว
หรือพื้นที่ในแบบอื่นก็ไม่ได้เป็นทางที่เหมาะสม
“เพราะฉะนั้นอยากชวนรัฐบาลคิดแผน 2 ในสิ่งที่หาเสียงมาแต่ไม่ผ่าน
อยากให้ลองคิดว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากขึ้นมา
อย่าดูถูกรายละเอียดและโครงการเล็กๆน้อยๆ
พอมาทำรวมกันเกิดพลังเศรษฐกิจจะระเบิดขึ้นมา
ไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลฯ จากบนลงล่างอย่างเดียว
ล่างขึ้นบนก็อาจจะสามารถช่วยให้ตรงจุด
เมื่อมารวมกันก็จะเกิดเศรษฐกิจที่ดีเช่นเดียวกัน และประหยัดงบประมาณ ไม่ต้องกู้
และไม่ต้องสร้างภาระการคลังเพิ่มขึ้น พอมาอภิปรายงบประมาณก็จะน้อยลงทุกปี ๆ”
นายพิธา กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีนโยบายแก้
ม.112 ของพรรคก้าวไกล มีความกังวลบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า
ความรู้สึกเหมือนตอนคดีไอทีวี เราแยกแยะได้ว่าอะไรควบคุมได้หรือไม่ได้ ทั้งนี้
ส่วนที่เราควบคุมได้เราก็ได้ทำเต็มที่
นายพิธา
ยังกล่าวถึงความคาดหวังที่ให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาตอบกระทู้ถามสภาผู้แทนราษฎร ว่า
หากจะคาดหวังกับใครก็จะต้องเริ่มทำที่ตัวเราด้วย
หากวันใดวันหนึ่งที่เข้าเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี
ก็จะต้องกลับเข้ามาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง จึงหวังว่าถ้าเป็นมาตรฐานที่วางไว้ให้กับตัวเอง
ก็เป็นบรรทัดฐานที่คาดหวังจากคนอื่นได้
ทั้งนี้
ก่อนที่นายพิธาจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า เข้าสภาฯ รอบนี้
ไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวติดตลกว่า “ถ้าจะออก
ก็ออกไปทำเนียบรัฐบาลอย่างเดียว”
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #ก้าวไกล #ประชุมสภา