“ภัทรพงษ์” ขอนายกฯ เซ็นรับรอง “ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด” ทั้ง 7 ฉบับ รวมถึงร่างของก้าวไกลเข้าสภาฯ พร้อมกันพรุ่งนี้ ชี้
เป้าหมายเดียวกันคือแก้ฝุ่นพิษ PM2.5 แต่ความแตกต่างในรายละเอียดจะช่วยเติมเต็ม
กม.ให้สมบูรณ์ที่สุด
วันที่
10 มกราคม 2567 ที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา ภัทรพงษ์
ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8 (หางดง สันป่าตอง) พรรคก้าวไกล
แถลงข่าวกรณีที่สภาฯ จะมีการพิจารณา “ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
พ.ศ….” ของคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ โดยระบุว่า ขณะนี้ตนทราบว่าวิปรัฐบาลจะนำร่าง พ.ร.บ.
3 ฉบับที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันเข้ามาประกบ คือ
ร่างของพรรคภูมิใจไทย ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของภาคประชาชน
แต่กลับไม่มีการบรรจุร่างอีก 3 ฉบับ คือ ร่างของพรรคก้าวไกล
พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ
ที่มีเนื้อหาและหลักการเช่นเดียวกันเข้ามาประกบด้วย
ภัทรพงษ์ย้ำว่า
ตนเข้าใจดีว่าร่างของพรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์
และพรรคพลังประชารัฐได้ส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาล่าช้ากว่าร่าง 4 ฉบับก่อนหน้า
แต่ในเมื่อร่างทั้ง 3 ฉบับนี้ถึงมือนายกรัฐมนตรีแล้ว
อีกทั้งยังมีหลักการและเนื้อหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นายกฯ
จึงสามารถลงนามรับรองและส่งกลับมาที่สภาฯ
เพื่อพิจารณาพร้อมกันในวันพรุ่งนี้ได้ทันที
อีกทั้งล่าสุดทราบจากรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ว่าร่างของพรรคประชาธิปัตย์และร่างของพรรคพลังประชารัฐจะได้เข้าสภาด้วย
ตนจึงขอตั้งคำถามและขอคำยืนยันไปยังวิปรัฐบาลว่า สุดท้ายแล้วพรุ่งนี้จะมีร่าง
พ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้ามาพิจารณาในสภาฯ กี่ฉบับ
เพราะที่ประชุมวิปรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ (8 มกราคม)
ก็ทราบดีว่ามีร่างทั้งหมด 7 ฉบับ แต่ในวาระการประชุมสภาฯ
พรุ่งนี้ (11 มกราคม) กลับมีการบรรจุแค่ 6 ฉบับเท่านั้น และเหตุใดร่างของพรรคก้าวไกลจึงเป็นฉบับเดียวที่ไม่ถูกบรรจุ
ทั้งที่หากพิจารณาในแง่ระยะเวลา
ไม่ได้ล่าช้ากว่าร่างของพรรคประชาธิปัตย์และร่างของพรรคพลังประชารัฐ
ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่า
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าร่าง
พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดนของพรรคก้าวไกล
มีเนื้อหาไม่ตรงกับหลักการในร่างของคณะรัฐมนตรี ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
เพราะร่างทั้ง 7
ฉบับแม้จะแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย
แต่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 โดยเชื่อว่าการพิจารณาร่างทั้ง
7 ฉบับร่วมกันจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งในชั้นกรรมาธิการแน่นอน
เพราะความแตกต่างในข้อกฎหมายจะช่วยเติมเต็มให้กันและกัน และทำให้ร่าง
พ.ร.บ.อากาศสะอาดออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เรื้อรังมาเป็นระยะเวลายาวนานได้
ทั้งนี้
ภัทรพงษ์ย้ำว่า ร่างของพรรคก้าวไกลมีจุดเด่นที่แตกต่างจากร่างอื่น ๆ
คือมีการเชื่อมโยงผู้กระทำความผิดกับโทษที่จะได้รับให้สมบูรณ์และรัดกุมมากยิ่งขึ้น
โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานการผลิตทั้งระบบห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) เช่น
สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีกรรมวิธีเก็บเกี่ยวที่ถูกต้องหรือไม่
ก่อมลพิษหรือไม่ โดยต้องส่งรายงานให้คณะกรรมการฯ ตาม พ.ร.บ.ฝุ่นพิษฯ
เป็นผู้พิจารณา รวมถึงต้องรายงานพิกัดการปลูกที่ชัดเจนเพื่อให้คณะกรรมการฯ
ตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมย้อนกลับไปได้ว่า
รายงานที่ผู้ประกอบการส่งมาเป็นความจริงหรือไม่
นอกจากนี้ยังกำหนดให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นพิษ
PM2.5 ส่งตรงถึงสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สภาฯ
พิจารณาถึงแผนงาน การดำเนินการ และประเมินผลการดำเนินการร่วมกัน
เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชนมากที่สุด
สุดท้ายนี้
ภัทรพงษ์ยังคงหวังว่าวิปรัฐบาลจะผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดทั้ง 7 ฉบับเข้าพิจารณาพร้อมกันในสภาฯ
วันพรุ่งนี้
และหวังว่าปัญหาฝุ่นพิษที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจะไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง