วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2567

15 ปี คดีพันธมิตรยึดสนามบิน ตัดสินวันนี้ จำเลยชักแถวมาครบ เว้น "จำลอง" ป่วยฟังลับหลัง แกนนำรับสภาพ หากศาลพิพากษา พร้อมปฏิบัติตาม

 


15 ปี คดีพันธมิตรยึดสนามบิน ตัดสินวันนี้ จำเลยชักแถวมาครบ เว้น "จำลอง" ป่วยฟังลับหลัง แกนนำรับสภาพ หากศาลพิพากษา พร้อมปฏิบัติตาม

 

วันนี้ (17 มกราคม 2567) ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสนามบินดอนเมือง คดีหมายเลขดำ อ.973/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กับพวกรวม 32 คน ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิด ฐานเป็นกบฎ-ก่อการร้ายฯ โดยในวันนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2551 หรือเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว

 

โดยจำเลยทั้ง 32 คน ได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาร่วมกันชุมนุมใหญ่โดยกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ และปิดล้อมอาคารวีไอพีท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งอยู่ในความครอบครองของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นของบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) ผู้เสียหายที่ 2 และทำลายทรัพย์สินเสียหายเป็นเงิน 627,080 บาท แล้วนำจานรับสัญญาณของพวกจำเลยไปติดตั้งใกล้เครื่องรับสัญญาณเรดาร์ ของ บริษัท วิทยุการบินฯ ผู้เสียหายที่ 3 ทำการปิดกั้นสะพานกลับรถของกรมทางหลวง ผู้เสียหายที่ 4 ตรวจค้นตัวเจ้าหน้าที่ของบริษัทการบินไทยฯ ผู้เสียหายที่ 5 ปิดกั้นการบริการสื่อสารบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ผู้เสียหายที่ 6 และร่วมกันขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลและทรัพย์สิน เพื่อกดดันให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นลาออกจากตําแหน่ง

 

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่ 4 กล่าวว่า ที่ได้กระทำมาทั้งหมดถือว่าเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น และเป็นที่ปรากฏชัดว่ารัฐบาลที่เราต่อต้านศาลได้พิพากษาแล้วว่าเขามีความผิดจริง

 

แม้แต่นักโทษชั้น 14 ก็สารภาพแล้วว่าผิดจริง แล้วจึงได้รับพระราชทานอภัยโทษ ฉะนั้น ในส่วนที่เราถูกดำเนินคดี เรายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด่วยความเต็มใจ และการที่ศาลจะพิจารณาอย่างไร ก็เคารพอำนาจของศาล ทุกคนพร้อมปฏิบัติโดยไม่มีเงื่อนไข” นายสมศักดิ์ กล่าว

 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปกติศาลก็รับฟังอยู่แล้ว ผลข้อกฎหมายออกมาอย่างไรเราก็รับได้ทั้งหมด แต่ที่เราร่วมกันต่อสู้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญตอนนั้นให้อำนาจประชาชาชนในการต่อต้านโดยสันติวิธี เพื่อต่อค้านนรัฐบาลที่มาโดยมิชอบ ใข้อำนาจโดยมิชอบ รัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 68 และมาตรา 69 ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 60 มีการแก้ไขมาตราดังกล่าวไปแล้ว แสดงว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง จึงมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเราเชื่อโดยสุจริตว่าประชาชนมีสิทธิทำได้ และศาลก็พิจารณาแล้วว่าการชุมนุมของเราสันติ ปราศจากอาวุธ

 

ด้านนายปานเทพ ระบุว่า คดีนี้มีจำเลยเยอะ ทำให้ศาลต้องแบ่งออกเป็น 2 ชุด ตนเองเป็นชุดที่ 2 ซึ่งจะพิพากษาในช่วงเดือนมีนาคม 67 เป็นการต่อสู้ที่ยาวนานกว่า 16 ปี กว่าจะมีการพิสูจน์ ตนเองเชื่อว่าเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทนายความ จำเลย และโจทก์ ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณา ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็เชื่อว่าไม่น่าจะจบที่ศาลชั้นต้น น่าจะจบที่ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แต่เราใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ 2550 เหตุแห่งการชุมนุมทั้งการทุจริตคอร์รัปชั่น การโกงการเลือกตั้ง มีขึ้นจริง ๆ จากคำพิพากษาศาลฎีกาในเวลาต่อมา ดังนั้นสิ่งที่เราต่อสู้เป็นไปตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ

 

เราคาดหวังว่าสิ่งที่เราสู้ในขณะนี้จะได้รับการพิสูจน์ เพราะตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมาจำเลยทั้งหมดมีพันธนาการ ไปต่างประเทศก็มีประกัน เงื่อนไข ต้องนำเงินประกันมาวาง จากอิสรภาพ และถูกสังคมเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย หรือเป็นผู้ที่กระทำความผิดแล้ว อย่างน้อยกระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินมาจรถึงตอนนี้ก็แสดงให้เห็นว่าพันธมิตรเป็นฝ่ายเคารพในกระบวนการยุติธรรม น้อมรับในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมรับบทลงโทษทุกกรณี ก่อนหน้านี้ก็จำคุกจริง ไม่เคยขออภิสิทธิ์จนถึงขั้นไม่ติดคุก และหวังว่าจะเป็นบรรทัดฐานว่าสังคม ควรเดินหน้าในกระบวนการยุติธรรมที่เท่ากัน ได้รับบทลงโทษที่เสมอกันจึงจะสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมได้” นายปานเทพ กล่าว

 

โดยบรรยากาศก่อนการเข้าฟังคำพิพากษา ได้มีกลุ่มสหภาพแรงงานและวิสาหกิจ เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมต่อแถวและมอบดอกไม้ให้กับแกนนำ และเมื่อเวลา 9:15 น. นานสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร มีอาการป่วยทำให้ไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาได้ ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง เฉพาะของพล.ต.จำลอง

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พันธมิตร #ยึดสนามบิน