“พิธา” แถลงโรดแมป “ก้าวไกล 2567” ผลักดัน 6 เป้าหมาย เดินหน้าประชาธิปไตยเต็มใบ
เผยหลังสงกรานต์เปิดศึกซักฟอกรัฐบาล แจ้งปรับ กก.บห.ชุดใหม่ เม.ย.นี้
วันที่
26 มกราคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวแผนการทำงานพรรคก้าวไกลปี 2567 ประกอบด้วยวาระประเทศไทยของพรรคก้าวไกล วิธีการทำงาน
และหมุดหมายสำคัญของพรรคก้าวไกลในปีนี้
พิธาเริ่มต้นการแถลง
โดยระบุว่าสำหรับพรรคก้าวไกล เรามี “บิ๊กแบง” หรือวาระที่มีความสำคัญกับประเทศไทยและคนไทยในปีนี้อยู่
6 ส่วนด้วยกัน เรียงตามลำดับความสำคัญ ได้แก่
1)
การทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ:
ประกอบด้วยวาระการปฏิรูปกองทัพ การเสนอร่างกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ รวมถึงการจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่
2)
การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่งมวลชน
สวัสดิการ สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข
3)
การ “หยุดแช่แข็งชนบทไทย”:
ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลดต้นทุนภาคการเกษตร การเพิ่มเครื่องจักรในการผลิต
การเพิ่มแหล่งน้ำ การแปลงที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนด และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
4)
การปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่: ดังที่พรรคก้าวไกลได้มีการอภิปรายงบประมาณ 2567
ที่ผ่านมา โดยเฉพาะณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ
ที่ได้อภิปรายปิดเกี่ยวกับระบบราชการในการจัดงบประมาณ การกระจายอำนาจ การปราบโกง
ดิจิทัลดิสรัปชั่น (Digital Disruption) การกิโยตินกฎหมาย
และการปฏิรูประบบงบประมาณ
5)
การเรียนรู้ทันโลก: การพัฒนาทรัพยากรบุคลากร
เพื่อเพิ่มความขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
ด้วยการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาใหม่ การลดภาระครู การรีสกิล-อัพสกิล (Reskill-Upskill)
และการยกเลิกอำนาจนิยมในโรงเรียน
6)
การเติบโตแบบมีคุณภาพ: การสร้างงานดี การลงทุนในท้องถิ่น
การสนับสนุนเอสเอ็มอี การท่องเที่ยวคุณภาพ การทำอุตสาหกรรมใหม่
และเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เมื่ออธิบายถึงการทำ
“อะไร” แล้ว พิธาแถลงต่อไปถึงการทำ “อย่างไร” นั่นคือ
“วิธีการทำงานของพรรคก้าวไกล” โดยระบุว่าวาระการปฏิรูปเหล่านี้
พรรคก้าวไกลได้ตกผลึกออกมาเป็น 4 ปัจจัยความสำเร็จ
ที่จะนำไปปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดความสัมฤทธิ์ผล ดังต่อไปนี้
1)
การปรับปรุงกฎหมาย:
เพราะกฎหมายที่ล้าหลังและเป็นอุปสรรคจะไม่สามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงมีการผลักดันร่างกฎหมายก้าวหน้าทั้งหมด 47 ฉบับ โดยมี 3 ฉบับที่สภากำลังพิจารณา ได้แก่
พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน และ
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มี 1 ฉบับที่สภาปัดตกไปแล้ว
คือร่างข้อบังคับสภาก้าวหน้า และมีอีก 17 ฉบับที่บรรจุเข้าวาระการประชุมสภาไปแล้ว
รอถึงวาระในการอภิปราย เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 (ยกเลิกอำนาจ สว.ในการร่วมเลือกนายกฯ) พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน และ
พ.ร.บ.โคนมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น
และยังมีร่างกฎหมายอีก
26 ฉบับที่ยังไม่ได้บรรจุเข้าวาระการประชุมสภา
แบ่งเป็นส่วนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นร่างกฎหมายการเงิน เช่น
ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการยกเลิกประกาศ คสช. พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อประชาชน
พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับการเกณฑ์ทหาร ส่วนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าไม่เป็นร่างกฎหมายการเงิน
เช่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ร.บ.แก้กฎหมายไม่ตีเด็ก
ส่วนที่ยังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เช่น พ.ร.บ. EIA เท่าเทียม พ.ร.บ.ประกันชีวิต และมีอีก 6 ฉบับที่รอการวินิจฉัยว่าเป็นร่างกฎหมายการเงินหรือไม่
หลังจากที่ยื่นเข้าสภาไปแล้ว
พิธากล่าวต่อไปว่า
สำหรับพรรคก้าวไกล ร่าง พ.ร.บ.ที่เป็นเรือธงและหวังผลลัพธ์มากเป็นพิเศษ มีอยู่ 5 ฉบับ
ประกอบด้วย พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อประชาชน และ พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน
ซึ่งตนก็หวังว่าจะได้เห็นภาพความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
2)
แผนปฏิบัติงานของคณะกรรมาธิการ: พรรคก้าวไกลมี
สส.นั่งเป็นประธานกรรมาธิการสามัญในสภาอยู่ทั้งหมด 8 คณะ
และประธานทุกคนได้ทำแผนปฏิบัติงานประจำปีส่งมาให้กับตนแล้ว
โดยจะขอยกตัวอย่างแผนของ 4 คณะกรรมาธิการ ดังนี้
กรรมาธิการการทหาร
โดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร วางเป้าหมายการทำงานในปีนี้ไว้ว่า
จะทำให้กองทัพไทยเป็นกองทัพที่มีสิทธิมนุษยชน ทำให้การสูญเสียในค่ายทหารเป็นศูนย์
ตั้งคณะกรรมการพลทหารปลอดภัย แก้ไขปัญหาการบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
ตรวจเยี่ยมทุกค่ายทหารอย่างสม่ำเสมอ ทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม ดีเอสไอ และ ป.ป.ช.
เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนผ่าน Traffy Fondue หรือ LINE
Official Account รวมถึงให้ทหารหรือครอบครัวสามารถยื่นร้องเรียนไปยังกรรมาธิการได้
กรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ
โดย พริษฐ์ วัชรสินธุ วางเป้าหมายการทำงานในปีนี้ไว้ว่า ต้องมีการยื่นร่างกฎหมาย
ข้อเสนอ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเมือง
เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติมนอกเหนือจากกฎหมาย 47 ฉบับที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล
โดยจะมีร่างกฎหมายทั้งหมด 6 ฉบับที่จะใช้กรรมาธิการเป็นกลไกในการร่างกฎหมาย
ได้แก่ พ.ร.บ.ประชามติ, พ.ร.บ.สภาเยาวชน และกฎหมายอื่น ๆ
ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมเสรีภาพและสวัสดิภาพของพี่น้องสื่อมวลชน เป็นต้น
ส่วนในเชิงการปฏิบัติคือการทำงานเพื่อส่งข้อเสนอต่อฝ่ายบริหาร
ตั้งแต่ข้อเสนอโมเดลการเลือกตั้ง สสร. การปรับปรุงระเบียบพรรคการเมือง
ไปจนถึงการปฏิรูปเรือนจำเพื่อลดการกระทำผิดซ้ำ เป็นต้น
กรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ
โดย สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล วางเป้าหมายการทำงานในปีนี้
คือการผลักดันและให้ข้อเสนอต่อการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เป็นธรรม
โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์อีวี
การสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอี กฎหมายการค้า กฎหมายลดการผูกขาด
และการติดตามผลกระทบจากการควบรวมกิจการโทรคมนาคม เป็นต้น
กรรมาธิการการสวัสดิการสังคม
โดย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ วางเป้าหมายการทำงานในปีนี้
คือการพัฒนาสวัสดิการและสาธารณูปโภคของคนทุกกลุ่ม ได้แก่
การผลักดันสาธารณูปโภคให้ครบทุก อบต.
การแก้ไขโครงสร้างกองทุนเงินฌาปนกิจและการป้องกันเงินของสมาชิกสูญหาย
การปรับปรุงคุณภาพชีวิตเด็กแรกเกิด
และการพัฒนาแนวทางการขับเคลื่อนกองทุนของผู้พิการ เป็นต้น
3)
การปรับปรุงกระบวนการงบประมาณ: ตามที่ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ได้เคยเสนอไปแล้ว ประกอบด้วย 5 ด้าน
คือการจัดทำงบประมาณอย่างโปร่งใสโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม
การอนุมัติงบประมาณตามหลักให้ประชาชนได้ประโยชน์ การจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ (zero-based
budgeting) และการใช้ภารกิจนำในการจัดทำงบประมาณ
ซึ่งจะทำให้การจัดสรรงบประมาณมีพื้นที่ทางการคลังเหลืออีกปีละประมาณ 9 แสนล้านบาท
เพื่อให้สามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและตอบสนองความท้าทายของแต่ละปีได้
4)
การเตรียมความพร้อมของบุคลากร: เมื่อกฎหมายพร้อม การปฏิบัติการพร้อม
การทำงบประมาณพร้อม ก็ต้องเตรียมทีมงานคนให้พร้อมด้วย
ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลนอกจากจะมีกรรมาธิการแล้ว ยังมีการแบ่งเป็นทีมทำงานภายในพรรค
เช่น “ทีมก้าวกรีน” เกาะติดเรื่องสิ่งแวดล้อม “เก้า Geek” เกาะติดเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล
“ก้าวเมือง” เกาะติดเรื่องผังเมือง และ “เก้าเกษตร” เกาะติดเรื่องการเกษตร
ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีเฉพาะบุคลากรของพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ยังมีทั้งอาสาสมัคร
ข้าราชการที่สนใจ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมด้วย
โดยมีการทำงานเป็นทีม และในอนาคตจะขยายทีมให้ใหญ่ขึ้นและกระจายไปในแต่ละภูมิภาค
ท้ายที่สุด
พิธากล่าวถึง “หมุดหมายการทำงาน” ของพรรคก้าวไกลในปี 2567 โดยระบุว่า
วาระสำคัญที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
คือการพิจารณาทบทวนตัวชี้วัดของประธานกรรมาธิการแต่ละคณะ และ สส.
ของพรรคก้าวไกลทั้งหมด โดยทบทวนว่าควรจะมีตัวชี้วัดอะไรบ้าง
เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในช่วงเดือนเมษายนหลังสงกรานต์
เป็นไปได้ที่จะมีการเปิดอภิปรายเป็นการทั่วไปหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
และในเดือนเมษายนเช่นกัน ก็จะมีประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคก้าวไกล
ซึ่งกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ที่ทำงานมาครบ 4 ปีแล้วจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร
ทบทวนการทำงานและรูปแบบในการทำงาน
ในช่วงเดือนพฤษภาคม
จะมีการจัด “Policy
Festival” ซึ่งจะทำให้การเมืองและนโยบายเป็นเรื่องสนุก
ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย ส่วนในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม
ก็จะเป็นช่วงที่จะมีการอภิปรายงบประมาณปี 2568 และในช่วงปลายปี
พรรคก้าวไกลจะมุ่งเน้นเรื่องการเตรียมตัวผู้สมัครในการลงสมัครรับเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด
(อบจ.)
พิธากล่าวปิดท้ายว่า
พรรคก้าวไกลทำงานอยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ
การเสนอและผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าเป็นหน้าที่ของเรา
การทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
แต่การตรวจสอบอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ต้องมีการแนะนำ และในขณะเดียวกันก็ต้องมีการเรียนรู้ในกระบวนการ
เพราะเมื่อพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลด้วยตัวเองแล้ว
จะสามารถทำงานได้ทันทีอย่างไม่มีข้อติดขัด
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล