“ณัฐวุฒิ”
พบ “อุ๊งอิ๊ง” ยืนยันผลักดันกฎหมาย ป.ป.ช. ทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ชี้นักเคลื่อนไหวควรใช้วุฒิภาวะเรียนรู้ประสบการณ์ในการขับเคลื่อน
มองกรณีจับกุมสื่อ ทุกสังคมเสรีภาพของสื่อต้องได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ
วันที่
13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. ที่ พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หารือกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ประเด็นกฎหมายการป้องกันร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เพื่อทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นายสรวงศ์
เทียนทอง เลขาฯ พรรค และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ร่วมแถลงข่าว
นายณัฐวุฒิ
กล่าวว่า ตนมาเพื่อแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการผลักดันร่างกฎหมาย
ประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ซึ่ง สส.พรรคเพื่อไทย ได้เข้าชื่อกันยื่นต่อประธานรัฐสภา
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 66 โดยที่มาของร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ
เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ตนยังปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย
เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน
และให้สิทธิ์ผู้เสียหายเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมฟ้องร้องคดีต่อศาลได้โดยตรง
ในกรณีที่กรรมการ ป.ป.ช. หรืออัยการ สั่งยกคำร้องหรือสั่งไม่ฟ้อง ทุกอย่างก็จบลงตรงนั้น
ไม่ตัดสิทธิ์ผู้เสียหายในการยื่นฟ้องต่อศาลได้โดยตรง
ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ประสานงานกับ นายชูศักดิ์ และประธานรัฐสภา เป็นระยะ
จนทราบว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 16 ก.พ. นี้
จึงเข้ามาขอพบหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เพื่อเรียนว่าในฐานะประชาชนรอยังรอคอย
การบังคับใช้ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม
เวลา 13.00 น. ของวันนี้ จะมีการนัดหารือกับ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล
ในประเด็นเดียวกัน เบื้องต้นได้รับการตอบรับแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยลงรายละเอียด
พร้อมขอเสียงสนับสนุนให้เห็นชอบร่วมกัน เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน
น.ส.แพทองธาร
กล่าวว่า ยืนยันจะผลักดันกฎหมายดังกล่าวต่อไป อยากให้ประชาชนได้รับความยุติธรรม
ส่วนที่
สว. พูดถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เตือนว่าอาจเกิดความขัดแย้ง
กังวลอาจรื้อคดีเก่า นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า
หากผู้เสียหายคดีอาญาที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐควรมีสิทธิฟ้องศาลได้
ส่วนจะรื้อคดีเก่าหรือไม่นั้น คดีต้องอยู่ภายใต้อายุความ จะรื้อคดี
หรือฟ้องได้นั้น ต้องเป็นผู้เสียหายทางอาญา ไม่มีผู้เสียหายประชาชนทั่วไป
ประเด็นมีกลุ่มบุกป่วนขบวนเสด็จ
นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ข้อเท็จจริงสังคมตอนนี้
คือการมีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายประเด็น ทั้งมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคม มีการต่อสู้กันทางความคิดมายาวนานในสังคมไทย
แต่รูปแบบและวิธีการแสดงออกต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย และภายใต้เหตุผล ข้อเท็จจริง
และวุฒิภาวะ โดยทัศนะส่วนตัวของตน
เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องน่าห่วงใยอย่างยิ่ง จะให้พูดว่าเห็นด้วย ก็พูดไม่ได้
หวังว่าคนที่เคลื่อนไหว และจะขับเคลื่อนการต่อสู้ต่างๆ ขอให้ใช้วุฒิภาวะ ศึกษา
เรียนรู้ ประสบการณ์
เพื่อให้รูปแบบวิธีการแต่ละกลุ่มไม่เป็นเงื่อนไขให้สถานการณ์ไม่พึงประสงค์ลุกลามไป
ทั้งนี้ การใช้ความรุนแรงของทุกฝ่าย เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เป็นเรื่องที่ต้องเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตั้งสติ ใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์
ในการแสดงออก หรือเอาชนะกันทางการเมือง จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ส่วนเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่
เพราะสังคมรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า
อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยบอบช้ำ
และสูญเสียจากความขัดแย้งทางการเมืองมามากแล้ว
แม้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะนำความไม่พอใจมาให้หลายฝ่าย
แต่เท่าที่ทราบมีการแสดงออกอย่างสันติวิธีหลากหลายรูปแบบ ตนมองว่ายอมรับได้
แต่ต้องป้องกันเรื่องการใช้ความรุนแรง
ตราบใดที่ความคิดเห็นที่แตกต่างยังสามารถอยู่ร่วมสังคมโดยไม่ประทุษร้ายต่อก่อน
ตนมองว่ายังมีความหวังในการเดินไปข้างหน้าของประชาธิปไตย แม้ว่าจะยาก และยาวนาน
ส่วนกรณีการจับกุมสื่อ
2 คน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่แน่ใจรายละเอียดกรณีดังกล่าว แต่โดยหลักการและจุดยืนของตน
ทุกสังคมเสรีภาพของสื่อต้องได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ และทุกกลไกของบ้านเมือง
ตราบใดที่สื่อมวลชนปฏิบัติหน้าที่ พวกเขาไม่ได้มีอภิสิทธ์
แต่มีสิทธิเสรีภาพโดยชอบในการนำเสนอรายงานข้อเท็จจริง โดยการควบคุมตัวที่เกิดขึ้น
ยังมีข้อมูลน้อยมากจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีเหตุผลอะไรในการจับกุม
และชอบด้วยหลักนิติธรรมหรือไม่
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง #ขบวนเสด็จ #นักข่าวโดนจับ
