“เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน”
ถ่ายรูปหมู่ประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมือง นับแต่รัฐประหาร 49
ถึงปัจจุบัน ยันไม่มีใครควรถูกดำเนินคดีทางการเมือง
วันนี้
(11 กุมภาพันธ์ 2567) ที่ลานประชาชน อาคารรัฐสภา เกียกกาย
เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนจัดกิจกรรมฟังดนตรี ชมนิทรรศการ ซื้อของที่ระลึก
ส่งต่อความรัก ความหวัง กำลังใจให้กัน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการ “ถ่ายภาพหมู่”
ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมืองตั้งแต่รัฐประหาร
19 กันยา 2549 จนถึงปัจจุบัน กว่า 200 ชีวิต ที่มารวมตัวถ่ายภาพร่วมกัน
และจะได้อัพเดทชีวิต และความคืบหน้าของคดีความ เพื่อร่วมส่งต่อความรัก ความหวัง
และกำลังใจ ให้แก่กันในระหว่างที่ยังต้องรอการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบาย
ด้วยเป็นเวลานานเกือบ
20 ปีแล้วที่เกิดความขัดแย้ง การชุมนุมขนาดใหญ่
การจับกุมและดำเนินคดีกับประชาชนที่ต้องการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง
ทำให้มีคดีความที่สะสมมานานมีคนที่เกี่ยวข้องและถูกดำเนินคดีเกือบ ๆ 5,000 คน
และขณะนี้ทุกอย่างเดินหน้ามาถึงวันที่รัฐสภากำลังพูดคุยเรื่องการ “นิรโทษกรรม”
เพื่อส่งเสียงถึงความสำคัญที่จะต้องนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองให้กับประชาชน
จึงได้ชวน “เจ้าของเรื่อง” ให้มา “ปรากฏตัว”ร่วมกันและส่งเสียงถึงสภา ในกิจกรรม LOVE FAIR 11.2
16.30
น. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวก่อนกิจกรรมเริ่ม
ว่าที่แห่งนี้ลานประชาชนสามารถใช้ได้ทุกคน ทุกกลุ่ม
เพื่อให้มีพื้นที่ในการแสดงออกและไม่มีใครสามารถหยุดเสรีภาพทางความคิดได้
เราทุกคนมีสิทธิ์พูดเขียน พิมพ์ ตามขอบเขตรัฐธรรมนูญได้
และแม้ตอนนี้สภาอาจดูอำนาจน้อยไป แต่อยากให้ทุกคนมีความหวังยาว ๆ
ว่าอำนาจสูงสุดผ่านการเลือกตั้งยังอยู่ที่สภานิติบัญญัติ หรือสภาผู้แทนราษฎร
เพราะฉะนั้น การเสนอกฎหมายยังพอเป็นไปได้ จึงอยากให้เสนอเข้ามา เพราะไม่มีอำนาจใด
มาสั่งให้สภาไม่พิจารณากฎหมายได้
17.30
น. ผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองเกือบ 200 ชีวิตที่มารวมตัวกันร่วมถ่ายรูปหมู่
โดยนายยิ่งชีพ
อัชฌานนท์ เป็นตัวแทนกล่าว โดยชาวงหนึ่งระบุว่า เราไม่ได้อยากทำผิดกฎหมาย
และเราไม่ได้ฝ่าฝืนความไม่สงบเรียบร้อย ไม่อยากเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
แต่เร่เห็นว่าบางเรื่องต้องถูกพูด และเราก็รู้ว่าต้องโดน แต่มันจำเป็นก็ต้องทำ
เราไม่ได้อยากเป็นคนผิด เรารู้ว่ากฎหมายที่ผ่านมาถูกใช้สนองอำนาจทางการเมือง
ถูกออกโดยคนทำรัฐประหาร จึงเป็นที่มาของคดีทางการเมืองกว่า 5 พันคดีในช่วง 20
ปีที่ผ่านมา
เราในที่นี้ต่างมีเรื่องราวของตัวเอง
มีบาดแผลของตัวเอง มีความเจ็บแค้น แต่เรามาเพื่อให้เห็นหน้า เห็นตัว เห็นตน
เห็นว่าชีวิตเราทุกคน ก็เป็นคน ไม่ใช่ตัวเลขทางสถิติ เรามีความคิด
ความเชื่อความฝัน มีสิ่งที่อยากเห็น และควรจะเป็น โดยเราเชื่อว่าเราแสดงออกได้
ไม่ใช่สิ่งผิด แม้บ้างครั้งมีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
เรามาด้วยข้อเสนอนิรโทษกรรมประชาชน ถามว่าคืนชีวิตปกติให้เราได้ไหม
ช่วยยกมือออกกฎหมาย และประกาศว่าสิ่งที่เราทำมาไม่ใช่ความผิดอะไร
ข้อเรียกร้องตรงนี้คือปล่อยพวกเราให้ไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้ไหม
และในปีนี้ทั้งปีจะมีคำพิพากษา
และจะมีคนเข้าเรือนจำอีกจำนวนมาก และไม่เห็นว่ามี สส. พรรคไหนเสนอให้ยกเลิก
หรือยุติการดำเนินคดีทางการเมือง หรือดำเนินคดีในมาตรา 112 เลย เมื่อไม่มีใครเสนอ
ลเราจึงต้องเสนอ ดังนั้นข้อเสนอวันนี้ เป็นข้อเสนอเกี่ยวกับที่พวกเราเรียกร้องมาตลอดหลายปี
เพื่อทวงคืนสิทธิชั้นพื้นฐาน ทวงคืนความยุติธรรม
ให้เราเข้าชื่อส่งตรงไปถึงสภาว่าให้ปล่อยเพื่อนเรา นายยิ่งชีพกล่าว
และกิจกรรมในค่ำคืนนี้ยังมีการพูดคุยกับผู้ดำเนินคดีทางการเมืองและวีดีโอจากผู้ลี้ภัยทางการเมืองรวมถึงปิดท้ายด้วยวงดนตรีสามัญชน
ลงชื่อด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ได้จนถึงวันที่
14 กุมภาพันธ์ 2567 https://amnestypeople.com/
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน