#นิรโทษกรรมให้คนเป็นทวงความยุติธรรมให้คนตาย
นพ.เหวง
โตจิราการ อดีตแกนนำนปช. ปัจจุบัน กรรมการคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53)
ร่วมพูดคุยเรื่องราวช่วงรัฐประหาร49, 57 กับ
ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีตสส. พรรคเพื่อไทย
จังหวัดเชียงใหม่เล่าถึงประสบการณ์ความเป็น “เหยื่อ”
ในคดีการเมืองช่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญในปี 2559 ในงาน
Share The Love Forward Party [ส่งต่อความรักแก่กันและกัน ]
หนึ่งในแคมเปญ #นิรโทษกรรมประชาชน
เมื่อวันที่
13 กุมภาพันธ์ 2567 เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน จัดกิจกรรม
Share The Love Forward Party [ส่งต่อความรักแก่กันและกัน ]
ที่Solbar อารีย์ อาคารพหลโยธินเพลส โดยมีจุดรับลงชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน
ที่กำลังรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างกฎหมายเข้าสภา
นอกจากการลงชื่อที่จุดรับลงชื่อ ยังสามารถลงชื่อได้ทางเว็บไซต์ ซึ่งวันนี้(14
กุมภาพันธ์) จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว https://amnestypeople.com
ภายในงาน
ยังมีวงเสวนานักกิจกรรมตั้งแต่ปี 63 โดย ทำไมต้องนิรโทษกรรม
โดยภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, นิว จตุพร คดี 112 จากการแต่งชุดไทยเดินแฟชั่นที่สีลม และ อาร์ต “ตั้งฮกกี่”
ร้านบะหมี่อริราชศัตรู ที่มีรสชาติของ “คนเท่ากัน”
จากนั้นเป็นวงพูดคุยทั้งเรื่องใหม่เรื่องเก่าประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
กับ นายแพทย์ เหวง โตจิราการ
อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
และปัจจุบันเป็นกรรมการคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ระบุว่า นักโทษการเมือง
เกิดขึ้นก็เพราะประชาชนมีอุดมการณ์ทางการเมืองเห็นต่างกับรัฐจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยสันติวิธี
ทั้งยังย้ำว่า
การนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองจึงมีความจำเป็น
“นิรโทษให้คนเป็น ทวงความยุติธรรมให้คนตาย” ไม่ใช่แค่คนเป็นที่ได้รับความยุติธรรม
แต่เป็นการทวงคืนความเป็นธรรมให้กับวีรชนที่เสียชีวิตเพราะออกมาเรียกร้องทางการเมืองด้วย
อดีตแกนนำ
นปช. ยังมองว่า หากจะคลี่คลายความขัดแย้งในสังคม
รัฐควรเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงออก
การดำเนินคดีหรือแม้แต่การใช้กำลังทางกายภาพกับประชาชนล้วนเป็นความรุนแรงที่รัฐใช้กับประชาชน
ดังนั้น หากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมทำร้ายประชาชน ก็ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม
หากไม่สามารถนำเจ้าหน้าที่รัฐเข่นฆ่าประชาชนมาลงโทษได้
ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ก็อาจกระทำความรุนแรงกับประชาชนซ้ำได้อีก
ด้านทัศนีย์
บูรณุปกรณ์ อดีตสส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่เล่าถึงประสบการณ์ความเป็น
“เหยื่อ” ในคดีการเมืองช่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญในปี 2559 โดยมองว่า
‘นิรโทษกรรม’ ทางออกกระบวนการยุติธรรมไทย
และคดีจดหมายประชามติเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการปราบปรามผู้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกในยุคคสช.
จนถึงปัจจุบันยังมีผู้ถูกดำเนินคดีการเมืองจำนวนมาก เยาวชนคนหนุ่มสาวรวมทั้งมาตรา 112
ควรได้รับการปลดพันธนาการทางคดีความ
ตลอดการสนทนา
ชวนพูดคุยโดยลลิตา มีสุข หรือแป๋ม ผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 ที่
ปมคลิปวิจารณ์การจัดการโควิด-19 ของรัฐบาลไทย
ติดตามชมทั้งหมดได้ที่
https://fb.watch/qc7SH4wWui/?mibextid=Nif5oz
https://www.youtube.com/live/BQd1zzQ4wQs?si=g1XkKBVueNydh9ql
ทั้งนี้ช่วงจบงาน
มีน้องนักเรียนม.ปลาย เดินมาหานพ.เหวง
พร้อมกล่าวขอบคุณการต่อสู้คนเสื้อแดงที่ผ่านมา น้องมองว่าสีแดงเป็นสีแห่งอุดมการณ์
สัญลักษณ์การต่อสู้การต้านเผด็จการ
https://fb.watch/qc8pUYjLOp/?mibextid=Nif5oz
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน