วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

“หมอเหวง” และคปช.53 ทวงคำสัญญาพรรคเพื่อไทย เร่งทวงความยุติธรรม ให้มีปฏิบัติการจริงในกรณีคดีจากการปราบปรามประชาชนปี 53 ตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบคดีที่ถูกแช่แข็งให้ถึงที่สุด

 




“หมอเหวง” และคปช.53 ทวงคำสัญญาพรรคเพื่อไทย เร่งทวงความยุติธรรม ให้มีปฏิบัติการจริงในกรณีคดีจากการปราบปรามประชาชนปี 53 ตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบคดีที่ถูกแช่แข็งให้ถึงที่สุด


วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมด้วยญาติวีรชน เมษา-พฤษภา 53 และทนายโชคชัย อ่างแก้ว ได้เดินทางมาพบตามนัดหมายกับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคณะ ประกอบด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ดและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรค, น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ดและรองโฆษกพรรค ร่วมให้การต้อนรับ


นพ.เหวง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อโดยกล่าวว่า เมื่อ 23 ก.พ. 66 คปช.53 ได้เคยยื่น 8 ข้อเรียกร้องต่อพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น โดยเรื่องเร่งด่วน 3 ข้อแรก ได้แก่ 1) ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชน กระทั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อตรวจสอบคดีความกรณีการตาย เมษา-พฤษภา53 ที่ถูกแช่แข็ง บิดเบือน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ยังมีอีก 62 ศพที่ยังไม่มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ


2) แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีทหารและนักการเมืองที่ทำความผิดทางอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน 3) ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา53 ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนอื่น แต่เกี่ยวข้องกับ ศอฉ.และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้นเอง


ส่วนข้อเสนออีก 5 ข้อ ที่ไม่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ได้แก่ 1) แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยให้มีสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั่วประเทศ 2) แก้ไขกฎหมายผันเป็นผลพวงของคณะรัฐประหาร รวมทั้งมาตรา 112 และมาตรา 116 3) ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม, ปฏิรูปกองทัพและองค์กรอิสระอย่างจริงจัง 4) กระจายอำนาจจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค 5) วุฒิสภาชิกถ้ายังจะมีอยู่ให้มีการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งประเทศ


นพ.เหวง กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่สามารถทำได้เลยคือตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชนส่วนต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบผลักดันและเร่งรัดคดีกรณีการตาย เมษา-พฤษภา53 ให้ถึงที่สุด ซึ่งมีคำสั่งไต่สวนการตายออกมาแล้ว 33 ศพ ในจำนวนนี้ 16 ศพ คำสั่งไต่สวนการตายระบุว่า ตายจากกระสุนทหารที่มาทำหน้าที่โดยคำสั่งของศอฉ. ยังไม่มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพอีก 62 คดี


นพ.เหวง กล่าวต่อว่า วันนี้เริ่มต้นมาที่พรรคเพื่อไทยด้วยความปรารถนาดี เพราะว่าเรานำคะแนนเสียงมาให้ ถ้าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนและตอบรับโดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นเลย ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะใจคนทั้งประเทศ ไม่เพียงเฉพาะคนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เพราะคนทั้งประเทศจะเห็นอย่างชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงแน่วแน่ในการที่ยุติทหารฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางถนน มิฉะนั้นการที่ทหารจะฆ่าประชาชนกลางถนนจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าพรรคเพื่อไทยตอบรับและจริงใจโดยการเอาฆาตกรและผู้สั่งฆ่ามาลงโทษ พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนชื่นชมอย่างล้นหลาม


ด้านทนายโชคชัย กล่าวว่า วันนี้เรามาพรรคเพื่อไทยด้วยพันธกรณีก่อนการเลือกตั้งที่เราได้เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้น ซึ่งวันนี้เราก็มาติดตามจากเรื่องคดีปี 53 ที่ถูกฟรีซแช่แข็งไปประมาณ 10 ปี หลังการยึดอำนาจปี 2557 เราหวังว่าจะมีการขับเคลื่อนเพื่อทวงความยุติธรรมตามความประสงค์ของพวกเราต่อไป


จากนั้นนพ.เหวงและคณะได้ขึ้นไปยื่นหนังสือและสนทนาร่วมกัน และในเวลาต่อมาได้ลงมาให้สัมภาษณ์ภายหลัง โดย นพ.เหวง กล่าวว่าทางพรรคเพื่อไทยโดย อ.ชูศักดิ์ เป็นคณะนำและในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ได้ให้เกียรติและเปิดโอกาสให้ คปช.53 ได้พบและยื่นหนังสือ จากที่เราได้เคยยื่นข้อเรียกร้องไปเมื่อปีที่แล้ว วันนี้เรามาเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เมื่อ 23 ก.พ. และ 10 เม.ย. 66 โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการเพื่อเร่งคดีให้ถึงที่สุด นำคนฆ่าและคนสั่งฆ่ามาลงโทษ และเพื่อยุติการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางถนนและหยุดการทำรัฐประหารยึดอำนาจอีกต่อไป


นอกจากนี้ นพ.เหวง ยังฝากถึง นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ว่า “กล้า ๆ หน่อยนักการเมือง” กล้าหาญทางการเมือง กล้าหาญทางจริยธรรม กรุณาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ด้วยการตั้งคณะกรรมการทวงความยุติธรรมให้วีรชนเมษา-พฤษภา53 จนถึงที่สุด ผมว่าประวัติศาสตร์ไทยจะจดจารึกวีรกรรมของ เศรษฐา ทวีสิน ไปชั่วนานเท่านาน ว่าเป็นคนปักธงไม่ให้ทหารฆ่าประชาชนสองมือเปล่าและไม่มีการยึดอำนาจอีกต่อไป


นอกจากนี้ นพ.เหวง ยังเรียน อ.ชูศักดิ์ว่า ต้องไปแก้กฎหมายว่าทหารและนักการเมืองที่กระทำผิดอาญาต่อประชาชนพลเรือนต้องขึ้นศาลพลเรือนปกติ และให้รับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณี เมษา-พฤษภา53


นพ.เหวง กล่าวว่า อ.ชูศักดิ์ บอกว่าตนเองใส่ใจเรื่องนี้และได้พยายามทำโดยการไปแก้กฎหมายป.ป.ช. เพราะเรื่องเกี่ยวกับปี 2553 ทางฝั่งผู้มีอำนาจรัฐในสมัยนั้นเขามองว่ากระทำไปเพราะเขาเป็นรัฐบาล จึงเสนอกฎหมายว่าถ้าป.ป.ช.ตีตก ให้ผู้เสียหายสามารถที่จะเดินเรื่องฟ้องร้องด้วยตัวเอง แต่มีการท้วงติงมาจนพรรคเพื่อไทยต้องดึงร่างกฎหมายดังกล่าวกลับออกมาพิจารณาให้ถี่ถ้วน และรัฐธรรมนูญมีเจตจำนงให้ป.ป.ช.เท่านั้นที่มีอำนาจในการฟ้องนักการเมือง


ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ ได้เซ็นรับหนังสือและรับว่าจะนำเอกสารที่ คปช.53 มายื่นวันนี้เสนอต่อหัวหน้าพรรคเพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป


ด้านทนายโชคชัย กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีวันนี้เรามาที่พรรคเพื่อไทยก็ได้รับคำตอบจากตัวแทนของพรรคเพื่อไทยว่าไม่เคยนิ่งนอนใจเพิกเฉยต่อกรณีเหตุการณ์ปี 2553 และพร้อมที่จะสนับสนุนการทวงความยุติธรรมของคณะพวกเรา ซึ่งพวกเราก็จะดำเนินการต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่เราแจ้งไว้


และในวันที่ 29 ก.พ. 67 เวลา 09.30 น. คปช.53 จะเดินทางไปรัฐสภา เกียกกาย เพื่อพบกับพรรคก้าวไกลต่อไป


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #คปช53 #ทวงความยุติธรรม #เมษาพฤษภา53