วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

“ทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลหลังได้รับการพักโทษ โดยมี “อุ๊งอิ๊ง” มารับกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า


“ทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลตำรวจหลังได้รับการพักโทษ โดยมี “อุ๊งอิ๊ง” มารับกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า


จากกรณีกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการพักโทษหลังครบเกณฑ์พักโทษของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งถือเป็นการรับโทษรวม 180 วัน ในวันนี้ (18 ก.พ.) ก่อนคาดการณ์ถูกส่งตัวออกจากห้องพักรักษาตัวเลขที่ 1401 บริเวณชั้นที่ 14 ของอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ไปยังบ้านพัก “จันทร์ส่องหล้า” ตั้งอยู่เลขที่ 472-474 ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แยก 4 แขวงและเขตบางพลัด กทม. ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น


วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อเวลา 23.00 น. ที่ โรงพยาบาลตำรวจ ถ.พระรามที่ 1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า สำหรับบริเวณทางเข้า-ออก ของสถานที่ดังกล่าว มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดบก.น. 6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน 2 รวม 1 กองร้อย และตำรวจทั้งในและนอกเครื่อง นำรั้วเหล็กมาปิดกั้น โดยสามารถให้รถสัญจรเพียง 1 ช่องทางเท่านั้น พร้อมติดป้ายระบุว่า

 

“ประกาศ โรงพยาบาลตำรวจเป็นพื้นที่ทางการแพทย์ ห้ามมิให้มีการชุมนุมสาธารณะ ตาม พรบ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 8 พ.ศ. 2558

 

ภายหลังสื่อทราบว่ากลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือคปท. จะรวมตัวเดินทางมาจัดกิจกรรมหลังได้รับกระแสการพักโทษของอดีตนายกรัฐมนตรี


ต่อมาเมื่อเวลา 23.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 20 คน ได้รวมตัวกันบริเวณทางบาทวิถี โดยไม่ได้ก่อความไม่สงบ และสร้างความเดือดร้อนแม้แต่อย่างใด ก่อนที่นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือคปท. จะเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ทางกลุ่มตนและกลุ่มศปปส. ได้แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับการพักโทษของอดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากบุคคลดังกล่าวไม่เคยได้รับโทษ หรือแม้อยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว สำหรับในวันนี้กลุ่มตนมาแสดงออกเพื่อคัดค้านการพักโทษ และไม่มีเจตนาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่แม้แต่อย่างใด ซึ่งมวลชนขณะนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และจะมีมวลชนมาสมทบรวมตัวกันอีกในช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.พ. นี้


นายพิชิต กล่าวว่า นอกจากนี้กลุ่มคปท. มีการตั้งข้อสงสัยว่า นายทักษิณ มีอาการป่วยหนักขนาดไหน หากมีการปล่อยตัวแล้วเดินทางกลับก็จะสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่คปท. ตั้งข้อสังเกตุเป็นจริงที่อดีตนายกไม่ได้มีอาการป่วยหนัก และไม่ได้มีการรักษาในกรณีพิเศษ ดังนั้นหากมีการเดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจในทันทีหลังได้รับการพักโทษ ประชาชนก็จะได้เห็นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร


ส่วนบรรยากาศภายในโรงพยาบาลตำรวจบริเวณกองบังคับการอำนวยการ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรถควบคุมฝูงชนจำนวนหนึ่ง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหลายนายคอยสับเปลี่ยนกำลังเฝ้าระวังในพื้นที่


ด้าน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางที่ด้านหน้าโรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุว่าตั้งใจมาเฝ้าดูและเป็นกำลังใจให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


ส่วนอาการป่วยของนายทักษิณนั้นส่วนตัวไม่ทราบว่าป่วยจริงหรือไม่ แต่ยืนยันตามหลักฐานที่โรงพยาบาลได้เคยประกาศชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้


ทั้งนี้มองว่า กระบวนการในการพักโทษเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และมองว่า ระดับนายทักษิณ เป็นบุคลากรที่ทำคุณงามความดีให้กับประเทศ ดังนั้นการที่นายทักษิณเลือกเดินทางกลับประเทศเป็นการเสียสละ เพราะหากไม่ต้องการจะกลับ นายทักษิณก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศได้อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องรับโทษ การกลับมาจึงเปรียบเสมือนการกู้ชื่อเสียงของตัวเอง ส่วนจะกลับมามีบทบาททางการเมืองในอนาคตหรือไม่ ให้เป็นเรื่องของอนาคต


บรรยากาศที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา เป็นอาคารที่นายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวอยู่ บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่จัดกำลังพลมาตรวจตราเป็นระยะทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งตลอดทั้งวันที่ผ่านมายังไม่พบว่า มีความเคลื่อนไหวของครอบครัวนายทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางเข้ามาที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อประสานติดต่อขอรับตัวกลับบ้านพัก


โดยมีรายงานว่า นายทักษิณจะเดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจหลังตี 1 และจะมุ่งหน้ากลับบ้านจันทร์ส่องหล้าย่านจรัญสนิทวงศ์ทันที


ต่อมาเวลา 04.42 น. รถยนต์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้ามุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลตำรวจ


และในเวลา 06.09 น. รถเบนซ์ตู้สีดำทะเบียน  ภษ 1414 กรุงเทพมหานคร โดยนายทักษิณ ชินวัตร กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่งออกมาจากชั้นใต้ดินของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ออกไปยังประตูนิติเวช รพ.ตำรวจ ด้านถนนอังรีดูนังต์


เวลา 06.33 น. รถเบนซ์ตู้สีดำได้นำ นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมบุตรสาว ถึงยังบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางผู้สื่อข่าวที่ปักหลักรายงานข่าวเป็นจำนวนมาก


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร