วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2567

"ชัยธวัช" ไม่เสียขวัญ จ่อขอขยายเวลา-ใช้สิทธิ์ไต่สวนเพิ่ม สู้ "คดียุบพรรค" ด้าน"พิธา" ย้ำ ไม่หวั่นไหว ขอทำงานอยู่กับปัจจุบัน ถามผู้มีอำนาจ ยุบแล้วได้อะไร มองจะเป็นการติดเทอร์โบให้การเลือกตั้งครั้งหน้า

 


"ชัยธวัช" ไม่เสียขวัญ จ่อขอขยายเวลา-ใช้สิทธิ์ไต่สวนเพิ่ม สู้ "คดียุบพรรค" ด้าน"พิธา" ย้ำ ไม่หวั่นไหว ขอทำงานอยู่กับปัจจุบัน ถามผู้มีอำนาจ ยุบแล้วได้อะไร มองจะเป็นการติดเทอร์โบให้การเลือกตั้งครั้งหน้า


วันนี้ (6 เม.ย. 67) เวลา 9.30 น. ที่โรงแรมเมเปิล บางนา กรุงเทพฯ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี2567วันนี้ โดยได้กล่าวถึงวาระการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่หลายฝ่ายจับตาไปที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยขอให้รอมติจากที่ประชุม ส่วนหากมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค บทบาทของตนจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับมติ


ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะไม่มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพราะอาจมองว่าจะเสียของหากมีการยุบพรรคในอนาคต นายชัยธวัช ย้ำว่าขอให้รอดูความเห็นและมติในที่ประชุม ซึ่งหลังจบประชุม ทีมโฆษกพรรคก็จะมาแถลงความชัดเจน


ส่วนความเห็นของลูกพรรคเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อภิปรายว่าอาจเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย ได้พูดคุยกับสมาชิกหรือไม่ นายชัยธวัช บอกว่า เราทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง เมื่อวาน (5 เม.ย.) ก็มีการสัมมนา ก็ได้คุยกันในหลายส่วน โดยเฉพาะระบบการทำงานภายในพรรค รวมถึงการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในต้นปีหน้าด้วย


เมื่อถามถึงสถานการณ์ของพรรคขณะนี้ จะมีการสร้างขวัญและกำลังใจกับสมาชิกพรรคอย่างไร นายชัยธวัช ยืนยันว่าเรามีเป้าหมายชัดเจนตามแผนงาน และขวัญกำลังใจไม่ได้มีปัญหา พร้อมเดินหน้าเต็มที่ตามวางแผนไว้ ตราบใดที่รากฐานและระบบการทำงานของพรรคมีคุณภาพ เราก็พร้อมเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์


ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญให้กรอบเวลา 15 วัน ส่งคำชี้แจงปมยุบพรรค นายชัยธวัช บอกว่าพรรคได้รับสำนวนแล้วในวันที่ศาลมีมติ ขณะนี้อยู่ระหว่างทำคำชี้แจงข้อกล่าวหา ส่วนเวลา 15 วันเพียงพอหรือไม่นั้น มองว่ามีรายละเอียดค่อนข้างเยอะมาก ตนได้พูดคุยกับฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีแง่มุมที่ต้องโต้แย้งเยอะ ที่อาจให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนเพิ่มเติม เพราะมีข้อเท็จจริง บุคคลและผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติ ที่ศาลรัฐธรรมนูญสามารถให้ผู้ถูกร้องขยายเวลายื่นเอกสารได้


ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีครั้งนี้คำวินิจฉัยเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ถูกมองเป็นสารตั้งต้นไปสู่การยุบพรรค นายชัยธวัช มองคำร้องครั้งนี้แตกต่างจากคดีที่ผ่านมา ทั้งรายละเอียดและแนวทางการต่อสู้ ส่วนที่คำร้องครั้งนี้รวมพฤติการณ์ของ 44 สส. ตนขอดูรายละเอียดก่อน เพราะมีค่อนข้างเยอะ ยังไม่ได้ดูทั้งหมด น่าจะมีหลายร้อยหน้า


ส่วนคำพูดที่ว่ายิ่งยุบยิ่งเกิด จะเป็นโอกาสไปสู่การเลือกตั้งท้องถิ่นด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช มองว่า การเติบโตของพรรคก้าวไกล พวกเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการยุบหรือไม่ยุบพรรค แต่ขึ้นอยู่กับแนวทางการทำงานและนโยบายที่จะตอบโจทย์ประชาชนได้หรือไม่ นี่คือเรื่องหลัก เราคงไม่หวังให้ตัวเองถูกยุบพรรคเพื่อให้พรรคเติบโตขึ้น เชื่อมั่นว่าถ้าพรรคฝ่าฝันอุปสรรคตรงนี้ไปได้ เราก็จะเติบโตและเข้มแข็ง


นายชัยธวัช ยังย้ำว่าตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่มีบทบัญญัติใด หรือมาตราใด ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง แต่อำนาจในการยุบไปปรากฎอยู่ใน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งเป็นกฎหมายลำดับรองและต่ำกว่า ดังนั้นเรายิ่งเห็นว่ารัฐธรรมนูญให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญแค่สั่งให้ยุติการกระทำ ที่ศาลฯ เห็นว่าเป็นการล้มล้างการปกครองแค่นั้น “ดังนั้นจุดมุ่งหมายและลำดับศักดิ์ของกฎหมายก็ไม่เท่ากัน แต่โทษที่กำหนดในกฎหมายต่ำกว่า กลับร้ายแรงกว่า ต้องเป็นกรณีจำเพาะมากเท่านั้น จึงจะลงโทษร้ายแรงขนาดนี้ต้องได้สัดส่วน”


นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงกรณีการตั้งพรรคสำรองที่ชื่อว่าพรรคอนาคตไกล ที่มีสีส้มเหมือนกันด้วยนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค เนื่องจากพรรคนี้ชื่ออาจจะคล้ายกับเรา และใช้สีส้มด้วย ก่อนฝากประชาชนไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่สีส้มอาจจะได้รับความนิยมหน่อยในช่วงนี้


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าลูกสาว (แพทองธาร ชินวัตร) มีดีเอ็นเอเหมาะเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย คิดเห็นอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้านางสาวแพทองธาร จะสามารถเป็นผู้นำพรรค รวมถึงผู้นำประเทศในอนาคต และประสบความสำเร็จ ก็คงขึ้นอยู่กับความสามารถและศักยภาพของนางสาวแพทองธารเอง คงไม่เกี่ยวกับว่ามีพ่อหรือมีแม่เป็นใคร


เมื่อถามถึงกระแสข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ว่าอาจจะทิ้งพรรคก้าวไกล ไปร่วมรัฐบาลนั้น นายชัยธวัช มองว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล และในฐานะแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเราก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันในทุกพรรคการเมือง


ทั้งนี้นายชัยธวัช ยังเปิดเผยว่าวันนี้คงไม่ได้ไปหรือส่งใครไปร่วมงานวันครบรอบก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าความสัมพันธ์ยังดีอยู่หรือไม่ นายชัยธวัช ย้ำว่า ดีครับ ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทิ้งไป ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคิดเห็นอย่างไร นายชัยธวัช มองเป็นเรื่องของแต่พรรค


ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี2567วันนี้ ถึงการอภิปรายทั่วไปตาม ม.152 ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองอภิปายระบุว่าอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการทำงานในสภาฯ รวมถึงก็มีสส.ในพรรคต่างโพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันนั้น ว่า ไม่เลยครับ อย่างที่ตนบอก ว่าเป็นการทำงานที่อยู่กับปัจจุบัน มาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด วันนั้นเป็นการอภิปรายที่เกี่ยวกับ ม.152 ที่บอกว่ามันเสียดาย ประชาชนเสียดายโอกาสของประเทศ ที่จริงๆแล้วมันสามารถทำอะไรได้เยอะมาก กับใน 7 เดือนที่ผ่านมา และก็มีการสะสางข้อเท็จจริง และข้อมูลที่ได้เสนอแนะไปแล้ว ว่ามันน่าจะถึงเวลาที่จะต้องปรับครม.ตอนนี้ เพื่อจะได้นำคนที่ไม่มีประสิทธิภาพออกเพื่อให้คนที่มีประสิทธิเข้าไป ยืนยันว่าสมรรถภาพมันตามความท้าทายของประเทศได้ทัน ไม่ว่าเป็นเรื่องไฟป่าที่ยังไม่หยุด หรือเรื่อง PM 2.5 ที่ยังไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่โตช้าที่สุดในอาเซียนรองจากเมียนมาร์ ตามที่ world bank เพิ่งพูดมา มันก็ต้องปรับทั้งหมด รวมถึงเรื่องการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญ


แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีทั้ง สิ่งที่เห็นด้วยอย่าง สส.รังสิมันต์ โรม ที่เห็นด้วยกับรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นต้น มันก็ตามเนื้อผ้าตรงไปตรงมาเท่านั้น เพียงแต่ว่าของเราก็ทำงานตามหน้าที่ยังตรงไปตรงมาอย่างเต็มที่


"อย่างที่หัวหน้าพรรคพูดว่ารายละเอียดมันเยอะ มันคนละมาตรา คนละกฏหมาย เราคงจะต้องดูรายละเอียด และดูว่าเราต้องใช้สิทธิ์ในการขอขยายเวลา และขอสิทธิ์ในการไต่สวน กว่าจะได้ต่อสู้ทางคดีอย่างเหมาะสม เพราะเรื่องนี้โทษหนักกว่าคราวที่แล้วเยอะ คราวที่แล้วมีเอาไว้เพียงแค่ปรามป้องกัน อันนั้นเรายังมีสิทธิ์ได้แต่สวนเลย แต่คราวนี้มันถึงกระทั่งยุบพรรค ประหารชีวิตการเมืองทั้งหลาย มันก็ควรที่จะให้สิทธิ์ในการขยายในรายละเอียดและก็ให้ต้องสู้อย่างเต็มที่ มันจะได้หมดข้อครหา แล้วเมื่อดูในรายละเอียดหากหัวหน้าเห็นด้วย ก็คงใช้สิทธิ์ในการขยายเวลาและก็ขอสิทธิ์ในการไต่สวน ในการสู้คดีเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน จะมาคิดว่าเหมือนคดีเดิมก็คงเป็นไปไม่ได้ " นายพิธากล่าว


เมื่อถามว่า คำวินิจฉัยที่ใช้คำว่าเซาะกร่อนบ่อนทำลาย จะเป็นสารตั้งต้นนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ว่ากฎหมายนั้นมีหลายมาตรา ซึ่งจะต้องดูว่าในมาตรานั้นมีเจตนารมณ์อย่างไร หากป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำ ก็จะมีสัดส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นเรื่องถึงขั้นประหารทางการเมือง โดยเฉพาะการทำลายพรรคฝ่ายค้านอันดับหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่กระทบต่อพรรคก้าวไกลแต่จะกระทบต่อระบบประชาธิปไตย ซึ่งฝ่ายค้านก็เป็นส่วนสำคัญ จึงต้องใช้ดุลยพินิจคนละรูปแบบกัน หรือหมายถึงมีคำวินิจฉัยแบบเดิมมา ก็ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักของโทษจะต้องเท่ากัน จึงต้องใช้เวลาในการทำคำชี้แจงต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป พร้อมยืนยันว่าในส่วนของก้าวไกลไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร หรือไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไร แต่คำตอบที่ดีที่สุดคือการทำให้ประชาชนและสมาชิกพรรคมีความมั่นใจ หากว่าจิตใจทุรนทุรายก็จะไม่สามารถอภิปรายตามมาตรา 152 อย่าง 2 วันที่ผ่านมาได้ ยืนยันว่าสส. ทุกคนอภิปรายยังเต็มที่ ชกสุดหมัด

.ฝ

นายพิธา กล่าวต่อว่า จากการฟังความเห็นของทุกพรรคการเมือง ซึ่งต่างก็ไม่เห็นด้วยกับโทษยุบพรรค จึงฝากสื่อไปถามนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการยุบพรรคเพื่อทำลายล้างทางการเมือง ที่ผ่านมาแล้ว 20 ปีการยุบพรรคการเมือง หากเป็นครั้งนี้ก็ถือว่าครั้งที่ 4 - 5 แล้ว ซึ่งต้องดูว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเดียวแต่เป็นเรื่องของระบบประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายกลับมาต่อสู้ในระบบ ชนะก็คือชนะแพ้ก็คือแพ้ และส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าผู้ที่มีอำนาจ ในการยุบพรรค ได้ถามตัวเองหรือไม่ว่ายุบพรรคไปจะได้อะไร ซึ่งในระยะสั้นอาจจะทำให้พรรคที่ถูกยุบอ่อนแรงลง ทำให้ฝ่ายค้านอันดับหนึ่งอ่อนแอลง แต่ในระยะยาวขณะเดียวกันมันก็เป็นการติดเทอร์โบ ทำให้พรรคที่ถูกยุบได้แต้มต่อทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล