“ณัฐวุฒิ”
ชี้! ส.ว. ชุดนี้ชัดเจนเปิดเผยดี ในสายตาเห็นแต่ “ประยุทธ์กับประวิตร”
ไม่เคยเห็นหัวประชาชน!
เมื่อวันที่
15 กุมภาพันธ์ 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย
ได้กล่าวผ่านยูทูป ทางช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ในประเด็น
“ส.ว.พอเถอะ ก้มหัวให้ 3ป. ไม่เห็นหัวประชาชน” โดยนายณัฐวุฒิ
กล่าวในรายการว่า
วินาทีที่ผมกำลังบันทึกเทปอยู่นี้
ในสภามีการอภิปรายรัฐบาลโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ท่ามกลางกระแสข่าวก่อนถึงวันอภิปรายว่าจะมีเล่นเกมนับองค์ประชุมให้สภาล่มหรือไม่?
ฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแตกนะครับว่าไม่มีสภาล่มในสองวันนี้อย่างแน่นอน
อาจจะมีกึกกั๊กยึกยักกันบ้างก็พอหอมปากหอมคอ
แต่ในที่สุดการอภิปรายก็จะผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อยตามเวลาที่ตกลงกันไว้
ส่วนใครจะฝากรอยแผลให้กับฝ่ายไหนได้มากกว่า
เชื่อว่าวันนี้รัฐบาลเขาไม่สนใจแล้วแหละครับ เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้พันธุ์หนา
หนาทั้งหน้า หนาทั้งตัวและหัวใจ รอไปวัดผลกันในสนามเลือกตั้งทีเดียวล่ะครับ
อาจจะเหลือแค่วันเดียวแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ถึงตัดสินใจยุบสภาก็เป็นได้
แต่เชื่อว่ายังไงก็ยุบสภาแน่ ๆ
แต่หลังจากจบการอภิปรายตามมาตรา
152 ขอให้พี่น้องประชาชนโบกมือบ๊ายบายบอกลาสภาชุดนี้ได้เลยนะครับ ไม่ได้หมายความว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาทันที
แต่ผมเชื่อว่าสภาชุดนี้จะไม่สามารถเดินการประชุมพิจารณาผ่านร่างกฎหมายได้อีกแล้ว
มันก็จะค่อย ๆ ล่มไปเรื่อย ๆ ทุกนัดจนหมดวาระไปเองในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
ก็
ส.ส. ที่ไหนเขาจะมีแก่ใจมาประชุมแล้วล่ะครับ เดี๋ยวนี้ทุกคนหัวใจอยู่ในพื้นที่
ไปพบปะประชาชน ไปหาเสียงกันอยู่โน่น ขนาดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเขายังลาการประชุมไปหาเสียงกันเลย
วันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร เลิกเล่นซ่อนหากันแล้วนะครับ
แต่ถึงขั้นซ่อนหน้าไม่ให้เห็นกันในที่ประชุมแล้ว นัดล่าสุดประชุมครม. พล.อ.ประวิตร
ลากิจสำคัญไปขึ้นรถแห่พื้นที่กทม. เลือกเขตเอาเคล็ดเอาฤกษ์เอาชัยเสียด้วย ที่เขต
“ป้อมปรามศัตรู่พ่าย” 8
ปีแล้วนะไอ้...
เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับว่ารองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน
8 ปี ลาประชุมครม.ไปขึ้นรถแห่หาเสียง แข่งกับนายกรัฐมนตรีของตัวเอง
พี่น้อง
2ป เขาแข่งกันจริงแล้วล่ะครับ
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะห้ำหั่นเอาเป็นเอาตายจนกลายเป็นศัตรู
เขาเพียงแค่แย่งกันเป็นที่หนึ่งในฝ่ายอนุรักษ์นิยมเพื่อชิงชัยเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
หมายความว่าแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นเต็งหนึ่งในซีกรัฐบาลปัจจุบัน
แต่ถ้าเลือกตั้งแล้ว “พลังประชารัฐ” ได้มากกว่า “รวมไทยสร้างชาติ” อย่านึกว่า
พล.อ.ประวิตร จะยอมง่าย ๆ
ส่วน
“ภูมิใจไทย” แม้จะถูกมองว่าอาจเป็นพรรคอันดับหนึ่งในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน
แต่โอกาสจะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ง่ายนะครับ จะข้ามลุงตู่ ลุงป้อมไป
ผมว่าเหนื่อยเต็มทน
ในทางยุทธศาสตร์วันนี้
พล.อ.ประยุทธ์และชาวคณะ เลือกวางตำแหน่งตัวเองที่ปีกขวาสุดแทนที่ “พรรคประชาธิปัตย์”
เป็นตัวเลือกของฝ่ายอนุรักษ์นิยม 100% ส่วน พล.อ.ประวิตร
ก็เลือกยืนอยู่ฝั่งขวา แต่พยายามจะหุบเข้ามาใกล้ ๆ กลางสนาม
การเมืองในบรรยากาศเลือกตั้งช่วงนี้ยังไม่มีอะไรล่ะครับ
เป็นเรื่องของการเปิดตัวผู้สมัคร ลงพื้นที่พบปะประชาชน เปิดตัวนโยบาย ปราศรัย
อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ลำหักลำโค่นยังไม่มี ลูกหนัก ๆ
ต้องรอหลังการยุบสภาครับ
แต่สิ่งที่ฮือฮาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วบ้านทั่วเมืองวันนี้ก็คือท่าทีของส.ว.บางคนนะครับที่ประกาศชัดถึงขั้นว่า
ต่อให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้เสียงเกินครึ่งก็จะไม่โหวตให้ “แพทองธาร ชินวัตร”
ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ที่จริงทางพรรคเพื่อไทยเขาก็ยังไม่ได้ประกาศนะครับว่า
3 รายชื่อของแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการจะเป็นใครบ้าง
และถ้ามีรายชื่อคุณแพทองธาร จะเป็นลำดับ 1 ของว่าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่
ซึ่งก็ต้องติดตามหลังยุบสภากันต่อไป
แต่การออกมาชักธงแบบนี้ของสมาชิกวุฒิสภาที่
ประวิตรเลือก ให้ประยุทธ์ตั้ง คือความพยายามสร้างเงื่อนไขใหม่ทางการเมือง
เพิ่มแรงเสียดทานเข้าไปในสถานการณ์
และอาจจะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งใหญ่หลังการเลือกตั้งขึ้นมาได้
ลึกสุดใจของคนกลุ่มนี้ก็คือไม่เคยเคารพ
ไม่เคยศรัทธาต่ออำนาจอธิปไตยของประชาชน วางตัวเองอยู่เหนือคนผู้เป็นเจ้าของประเทศ
ไม่ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะตัดสินใจมาอย่างไร ต้องถามใจคน 250 คนเท่านั้น!
ซึ่งผมฟันธงว่าไม่ได้ตัดสินใจโดยอิสระ
แต่ตัดสินใจโดยรอสัญญาณคำสั่งจากคนที่ตั้งพวกเขามานั่นเอง พูดออกมาชัดขนาดนี้จึงมีทางเดียวครับ
ฝ่ายประชาธิปไตยต้องได้ชัยชนะเด็ดขาดในสนามเลือกตั้ง ให้เกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร
ส.ว.จะมาตั้งโจทย์ใหม่ว่าต้องรวมกันให้ได้
376 ที่นั่ง ผมไม่เชื่ออย่างนั้นนะครับ ผมอยากจะเห็นหน้าเหมือนกัน
ว่าถ้าฝ่ายประชาธิปไตยเขายืนหนึ่งเกินครึ่งมาก่อน
ส.ว.คนไหนบ้างจะโหวตสวนฉันทามติของประชาชน
ปล่อยวางกันบ้างเถอะครับ
“เจ้านาย” ที่ตั้งท่านมา ในสายตาประชาชนเละไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว
จะอุ้มจะแบกจะหามกันไปถึงไหน? แต่ถ้าพวกเขาทำได้ หมายถึงเอา พล.อ.ประยุทธ์
ขึ้นเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งได้อีกครั้ง
ฟันธงได้ต่อเลยนะครับว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ปลดล็อคนายกฯ 8 ปี พวกเขาทำแน่ ๆ
ความคิดของส.ว.กลุ่มนี้ชัดเจนเปิดเผยดีนะครับว่าในสายตาเห็นแต่
พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น แต่ไม่เห็นหัวประชาชน!!!
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #ประยุทธ์