วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ยุบสภาวันไหน เอาที่นายกฯ สบายใจเลย “ณัฐวุฒิ” แจง! พร้อมเจอในสนามเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน!

 


ยุบสภาวันไหน เอาที่นายกฯ สบายใจเลย “ณัฐวุฒิ” แจง! พร้อมเจอในสนามเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน!


เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้กล่าวผ่านยูทูป ทางช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ในประเด็น : ยุบเมื่อไหร่ก็ช่าง เจอกันในสนามเลือกตั้ง แบบประยุทธ์ถูกต้ม ? โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวในรายการว่า


นายกรัฐมนตรีพูดถึงกำหนดยุบสภาอย่างเป็นทางการครั้งแรกนะครับว่าจะภายในเดือนมีนาคมนี้ หลายฝ่ายประเมินตรงกันว่าคงเป็นราววันที่ 15 มีนาคม แต่สำหรับผม เมื่อไหร่ ยังไง ก็ได้ครับ เอาเลย เอาที่ พล.อ.ประยุทธ์ สบายใจ จะยุบวันนี้ วันที่ 22 มีนา หรือวันที่ 23 วินาทีสุดท้าย เอาที่ท่านว่าเถอะครับ เราพร้อมที่จะเจอกันในสนามเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้าจะมองจากมุม พล.อ.ประวิตร ผมว่าเร็ว ๆ หน่อยก็ดีนะ ท่านจะได้ประหยัดเงินซื้อเสื้อ ลายมาดขึ้นทุกทีแล้วนะครับ


เอาล่ะ ทีนี้กลับมาเรื่องของการยุบสภาครับ แม้ว่าอาจจะยังมีข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งต้องรอกันอยู่ว่าการนับรวมเอาคนต่างด้าวเข้าไปในเขตเลือกตั้งจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? แต่ไม่ว่าจะตัดสินออกมายังไงนะครับ เชื่อว่าการเลือกตั้งก็จะไม่หลุดเกินไปจากกรอบวันที่ 7 พฤษภาคม ที่กกต.ได้วางเอาไว้ ไม่น่าจะมีเกม ไม่น่าจะมีกลอะไรที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไป หรือกระทั่งล้มเลือกตั้งไม่ให้มีการลงคะแนน


หลังจากนี้คงเห็นทุกพรรคเร่งสปีดเร่งขยับตัวทั้งเรื่องเปิดตัวผู้สมัคร เรื่องการลงพื้นที่ และการประกาศนโยบายเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ


ในขณะที่ปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นทุกวัน ไปดูทางด้านส.ว.นะครับ เมื่อวานนี้มีการประชุมวุฒิสภา ที่ประชุมไม่ล่ม แต่ญัตติล่มครับ เป็นญัตติที่สภาผู้แทนราษฎรเขาเห็นชอบตรงกันมาแล้วว่าจะให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียในช่วงของการเลือกตั้งนี้ ส.ว.อภิปรายกันยกใหญ่ได้ความประมาณว่า ไม่ควรที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเป็นพวกเชื่อไม่ได้ เป็นพวกทำให้บ้านเมืองมีความเสียหาย


ส่วนส.ว.ที่พล.อ.ประวิตรเลือกให้พล.อ.ประยุทธ์ตั้ง คนพวกนี้คือคนดีที่จะเข้ามาถ่วงดุลตัวแทนจากการเลือกตั้งของประชาชน ระหว่าง “ถ่วงดุล” กับ “ถ่วงความเจริญ” พิจารณากันเอาเองนะครับว่าส.ว.กำลังทำอะไรอยู่


สัญญาณแบบนี้ชัดเจนไม่ต้องหมุนเสานะครับว่าส.ว.คณะนี้ไม่สนใจใยดีต่อความต้องการเปลี่ยนแปลงของประชาชนเลย ไม่มีแนวความคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และไม่มีแนวความคิดที่จะรับฟังการตัดสินใจของประชาชน


ดังนั้นหลังการเลือกตั้งถ้ารวมไทยสร้างชาติได้คะแนนเสียงมากพอที่จะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้ จะเห็นส.ว.เหล่านี้พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะดันพล.อ.ประยุทธ์สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจเขาชัดเจนมาก ส.ว.เขายิ่งชัดเจนหนักขึ้นไปอีก


อยู่ที่ประชาชนล่ะครับว่าจะตัดสินใจให้ชัดเจนได้หรือยัง ว่าเลือกตั้งคราวนี้ต้องเทคะแนนไปให้พรรคใดพรรคหนึ่งในฝ่ายประชาธิปไตยชนะอย่างเด็ดขาด จัดตั้งรัฐบาลของประชาชนขึ้นมาให้ได้ พลาดคราวนี้พลาดยาวนะครับ รัฐธรรมนูญนอกจากจะไม่ได้แก้เป็นฉบับประชาชนแล้ว ถ้าจะมีการแก้ก็จะเพียงแค่กรอบเวลา 8 ปี ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส.ว.เขาเปิดทางให้พล.อ.ประยุทธ์แน่ ๆ


ในทางกลับกันนะครับ ถ้าหากคนของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยหรือคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ส.ว.กลุ่มนี้จะไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราใด ๆ เลย แม้แต่วาระ 8 ปีก็ตาม เอากันชัด ๆ ง่าย ๆ แบบนี้ล่ะครับ นาทีนี้ไม่มีใครอายใครกันแล้ว


มาดูในซีกพรรคการเมือง หลายพรรคก็มีสถานการณ์ที่น่าสนใจนะครับ “ประชาธิปัตย์” พลันที่คุณสาธิต ปิตุเตชะ โยนข้อเสนอให้คุณจุรินทร์หัวหน้าพรรค ไปตามคุณอภิสิทธิ์อดีตหัวหน้าพรรค กลับเข้าพรรค ช่วยลงพื้นที่และทำงานสนามเลือกตั้ง คุณจุรินทร์ได้แต่นั่งเงียบ มีแต่รอยยิ้ม ซึ่งแปลความไม่ได้ว่าคืออะไร?


ส่วนคุณอภิสิทธิ์ก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาชัดเจนนัก ส่วนตัวผมมองเข้าไปก็เชื่อว่าใจคุณจุรินทร์ไม่อยากได้คุณอภิสิทธิ์มาชั่วโมงนี้หรอกครับ ตัวคุณจุรินทร์เองอยากถือธงนำพรรคประชาธิปัตย์และกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันลงสู่สนามเลือกตั้งสู้กันให้สมศักดิ์ศรีสักยกหนึ่งดีกว่า


ส่วนคุณอภิสิทธิ์ผ่าหัวใจดูก็เชื่อว่าลึก ๆ คงไม่ต้องการกลับเข้ามาแล้วมาอยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ลำดับอื่นที่ไม่ใช่ลำดับ 1 ไม่ได้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรค ดังนั้นสิ่งที่น่าจะเป็นคือคุณจุรินทร์และคณะทั้งหมดนำพาพรรคประชาธิปัตย์ลงสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งผลการเลือกตั้งก็คงจะได้ไม่มากมายไปกว่าเดิมนะครับ หลังจากนั้นกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก


ลาออกไปแล้ว สมาชิกพรรคส่วนหนึ่งก็จะไปเชิญคุณอภิสิทธิ์กลับมา ผ่านกระบวนการเลือกตั้งในพรรค เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง เมื่อคุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค ภารกิจแรกที่จะทำก็คือพยายามไปตามคนประชาธิปัตย์ที่แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปอยู่ตามพรรคต่าง ๆ กลับมา ซึ่งภาพที่ปรากฏในสายตาประชาชนก็คือภาพเก่าอยู่ดีนะครับ ไม่มีผลต่อคะแนนนิยมที่จะยกระดับสูงขึ้นแต่อย่างใด ไม่ได้สบประมาทกันนะครับ แต่มองจากสายตาของการวิเคราะห์ทางการเมือง ผมเห็นภาพแบบนี้จริง ๆ


ส่วน “รวมไทยสร้างชาติ” ก็มีสีสันน่าตื่นตาตื่นใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะครับ ล่าสุดเห็นส่งแม่ทัพนายกองขุนพลทั้งหลายไปคุมภูมิภาคต่าง ๆ ที่อีสานนี่น่าสนใจเลย เอาอดีตส.ส.หลายสมัยจากปากใต้นี่แหละครับ ข้ามห้วยไปคุม ไปถึงก็ประกาศว่าได้พูดคุยกับคนเสื้อแดงในอีสานมากมายซึ่งเป็นแถวสองของพรรคเพื่อไทย คนนะครับไม่ใช่ปลาหมึกปิ้ง ไปบอกว่าเขาเป็นแถวสองแล้วจะชวนเขาลงผู้แทน อย่างนี้หัวใจของคนที่เขาไปคุยด้วยเขาจะว่ายังไง?


คึกครื้นนะครับ เพราะว่าขุนพลแต่ละคนเป็นเจ้าของคะแนนเสียงมหาศาลทั้งนั้น แทนที่จะเอา “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” มา ก็ไปเอา “แรมโบ้” ที่ไหนมาก็ไม่รู้ เป็นแม่ทัพเข้าอีกคนนึง “อานนท์ นำภา” ก็ไม่ใช่ ไปได้อีกอานนท์นึง ขุนพลอีสานของรวมไทยสร้างชาตินี่น่าสนใจทีเดียวนะครับ ไม่รู้ไปคุยกันยังไง พล.อ.ประยุทธ์ ถึงเชื่อกันไปได้ขนาดนี้ งานนี้ไม่มีผัด ไม่มีทอดอะครับ หนักไปทางต้ม!!!


ส่วนทางด้านพรรคฝ่ายค้าน เห็นข่าวว่ามีคลื่นลมภายในอยู่หลาย ๆ พรรคเหมือนกันนะครับ หวังว่าคลื่นลมนั้นจะสงบโดยเร็วเพราะมีศึกใหญ่รออยู่ข้างหน้า ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยพ่ายแพ้คราวนี้ แพ้ยาวครับ แต่ถ้าชนะแล้วแก้ปัญหาให้กับประชาชนประเทศชาติได้ ชนะยาว ๆ ไปเหมือนกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #เพื่อไทย