เพื่อไทยเปิดยุทธการกระชากหน้ากากคนดี
อภิปราย ม.152 วันที่ 15-16 ก.พ. 66
ไม่หวั่นองค์ประชุมล่ม พร้อมลุยเปิดอภิปรายนอกสภาทันที
วันที่
13 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
กล่าวว่า ในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยไม่มีการลงมติ
ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2566 ใช้เวลารวม 32 ชั่วโมง
การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในสมัยอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ซึ่งครบ 4 ปี ในญัตติโดยรวมจะสอบถามข้อเท็จจริง
เสนอแนะแก้ปัญหาจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี ตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ซึ่งมีข้อเท็จจริงปรากฎว่าไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายได้
ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน
“รัฐบาลต้องตอบคำถามให้กับพี่น้องประชาชนในหลายเรื่องที่ไม่มีความชัดเจน
เช่น กรณีธุรกิจสีเทา ภัยด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี การทุจริตคอร์รัปชัน
จะถูกหยิบยกขึ้นมา ทั้งนี้
ขอตั้งชื่อการอภิปรายครั้งนี้ว่ายุทธการกระชากหน้ากากคนดี มาจากที่สื่อมวลชนตั้งชื่อรัฐบาลหน้ากากคนดี
เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้ว่า หน้ากากคนดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร”
นายแพทย์ชลน่านกล่าว
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า
สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้มาคือจะมีการปิดกั้นไม่ให้อภิปรายจากการที่
ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะไม่เป็นองค์ประชุม ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น
เพราะเราอยู่ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
หากมีการจงใจไม่ทำหน้าที่ของตัวเองตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ย่อมส่งผลต่อระบอบการปกครอง
จึงเชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติที่มีหน้าที่เป็นผู้แทนประชาชนจะไม่กระทำการใดที่เป็นการทำลายระบอบการปกครองนี้
แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง ก็พร้อมจะกำหนดวันอภิปรายนอกสภา
ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลที่ไม่มีโอกาสตอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้
หากเกิดกรณีดังกล่าวจริงอาจถือเป็นการปิดกั้นไม่ให้มีการตรวจสอบ
เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเตรียมพร้อมไว้
และจะเป็นประเด็นที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนได้อย่างดียิ่ง
โดยเฉพาะคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
แต่กลับไม่ทำตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
กรณีที่
ส.ว.บางคนแสดงความคิดเห็นว่าจะไม่เลือกแคนดิเคตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าว่า การให้ความเห็นเช่นนี้ถือว่าอาจสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิของประชาชน
ที่พรรคเพื่อไทยพูดว่าต้องได้ 250 เสียงขึ้นไป
เพราะเราจะยกตัวอย่างตัวเองให้มีจำนวนเท่ากับ ส.ว.เท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น
เราจะได้ตัดสินใจบนพื้นฐานการเคารพเสียงของพี่น้องประชาชน เพราะเราเชื่อว่าถ้าชนะ 250 เสียง จะเป็นอาณัติของพี่น้องประชาชน เช่นเดียวกันกับ
ส.ว.ที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ก็หวังว่าท่านจะเคารพเช่นกัน
นายสุทิน
คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน
กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการสรุปรวบยอด ตรวจข้อสอบไฟนอล ให้คะแนนรัฐบาล
และส่งให้ประชาชนดู โดยดูจากนโยบายที่แถลงต่อสภาไว้ สิ่งที่พูดแล้วไม่ทำ ทำไม่ได้
หรือทำตรงกันข้าม รวมถึงแนะนำถึงช่วงเวลาที่เหลือและสมัยหน้าควรทำอย่างไร
รัฐบาลชุดนี้ย้ำว่าเข้ามาปราบปรามทุจริต มีรัฐธรรมนูญปราบโกง
แต่เราจะชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์การโกงที่เกิดขึ้นถูกจัดอันดับไว้อย่างไร
หรือการอ้างเรื่องความมั่นคง แต่กลับมาปราบทุกคนที่เป็นศัตรูการเมือง
ซึ่งแท้จริงแล้วรัฐบาลคือผู้ทำลายความมั่นคงของรัฐบาลเอง
วันนี้ความมั่นคงในบริบทใหม่ของโลกไม่ใช่การซื้ออาวุธ
แต่เป็นความมั่นคงที่รัฐบาลรู้ไม่ทัน รวมถึงการกล่าวอ้างเทิดทูนสถาบัน
แท้ที่จริงเป็นแนวร่วมมุมกลับ ที่สำคัญที่สุด
ถ้าอภิปรายจบจะเห็นถึงภูมิปัญญารัฐบาลที่ตามไม่ทันภัยคุกคามใหม่ เศรษฐกิจใหม่
ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นคือการเลือกตั้งครั้งหน้า
ประชาชนจะถามได้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ และทำไมจึงไม่ทำในสมัยที่เป็นรัฐบาล
ส่วนการล้มองค์ประชุม นั้น หากเกิดขึ้น จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ที่รัฐบาลนี้ได้ข้อหาหนีการตรวจสอบ ปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน เบื้องต้น
ถ้าสภาล่มในสัปดาห์นี้ จะมีนัดในสัปดาห์ถัดไป แต่ถ้าปิดสมัยประชุมวันที่ 28
กุมภาพันธ์ 2566 พรรคฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายนอกสภาทันที
ส่งนการที่
ส.ว.ออกมาแสดงควสมเห็นไม่เลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น นายสุทิน
กล่าวว่า หากพิจารณาที่มา ของ ส.ว.แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่เลือก
เพราะเขาต้อง ช่วยเหลือสนับสนุนปกป้องคนแต่งตั้งพวกเขาก่อน คือ พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น
ด้าน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมมาก เพราะได้ยื่นญัตตินี้ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2565 เตรียมตัวมาระยะหนึ่งแล้ว
ฝ่ายค้านได้เวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนรัฐบาล 3 ชั่วโมง โดยรัฐบาลประสงค์ที่จะไม่ให้มีการอภิปรายยืดเยื้อ
จึงขอเวลาเท่านี้ ทั้งนี้ ได้รับทราบรายชื่อและประเด็นอภิปราย มีผู้อภิปรายรวม 35
คน ตลอด 2 วัน เปิดการอภิปรายและเข้าญัตติโดย
นายแพทย์ชลน่าน ตามด้วยหัวหน้าพรรคและผู้ใช้สิทธิ์หัวหน้าพรรค 5-6 คน จึงเข้าเนื้อหา แบ่งเป็น กลุ่มปัญหาเศรษฐกิจ กลุ่มปัญหาสังคม ยาเสพติด
และกลุ่มการเมือง ที่มีกลไกบิดเบี้ยว สถานการณ์ไม่ปกติ
และกลุ่มสุดท้ายคือการทุจริต การอภิปรายจะจบประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 โดยนายสุทินจะเป็นผู้ปิดการอภิปราย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย