วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

"ทนายด่าง" เผยเป็นห่วง"ตะวัน-แบม" ระบุ"ผมนับถือเธอ" ยกเรื่องราวเยาวชนผู้กล้า 2515 กับเรื่องราวทั้งคู่ ชี้ กล้าหาญ หลักการถูกต้อง ยืนหยัดหน้าศาลฎีกาเหมือนกัน

 


"ทนายด่าง" เผยเป็นห่วง"ตะวัน-แบม" ระบุ"ผมนับถือเธอ" ยกเรื่องราวเยาวชนผู้กล้า 2515 กับเรื่องราวทั้งคู่ ชี้ กล้าหาญ หลักการถูกต้อง ยืนหยัดหน้าศาลฎีกาเหมือนกัน

 

วันนี้(24 ก.พ. 66) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือทนายด่าง ทนายความของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ระบุว่า

 

วันนี้ผมว่าความอยู่ที่ศาลต่างจังหวัดศาลหนึ่ง

 

ทราบข่าวว่าแบมกับตะวันจะออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ไปอดข้าวที่หน้าศาลฎีกา รู้สึกเป็นห่วงน้องทั้งสองคนที่ตัดสินใจต่อสู้ไปด้วยวิธีนี้

 

มีเวลาระหว่างรอเอกสารผมคิดถึงเรื่องๆหนึ่ง

เมื่อ 50 ปีที่แล้วเกี่ยวกับศาลและเด็กๆ

กลางเดือนธันวาคมปี 2515 ตอนที่ผมเพิ่งอายุ 15 ขวบ เผด็จการทหารถนอม-ประภาส-ณรงค์ เพิ่งก่อการรัฐประหารขึ้น ครองอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ

 

สามทรราชย์ออกกฎหมายของตัวเอง เรียกว่า"ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 299"

มีเนื้อหาให้อำนาจฝ่ายบริหารมีอำนาจเข้าไปโยกย้ายเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของผู้พิพากษาและให้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาในศาลได้

 

กฎหมายอัปยศฉบับนี้เรียกว่า "ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 299"

 

ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีและผู้บริหารศาลที่มีส่วนในการพิจารณาคดีผู้ต้องหาทางการเมืองในขณะนี้

อาจไม่รู้จัก ปว 299 ฉบับนี้ หรืออาจจะจำไม่ได้ว่าพิษภัยร้ายของเผด็จการทหารที่ผ่านปว 299 นั้น มีความชั่วร้ายในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างไร

 

เมื่อเผด็จการประกาศใช้ปว 299 ในเดือนธันวาคม 2515

เยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษาล้วนโกรธแค้นที่เผด็จการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

 

นิสิตนักศึกษามุ่งตรงไปสู่ศาลฎีกาที่สนามหลวง

แล้วชุมนุมประท้วงต่อต้าน ปว 299 อย่างรุนแรง

ทั้งที่ในขณะนั้นประเทศอยู่ในการประกาศกฎอัยการศึก ห้ามชุมนุมทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น

 

เยาวชนในยุคนั้นชุมนุมประท้วงอยู่ในบริเวณศาลฎีกา หน้าอนุสาวรีย์กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ข้ามวันข้ามคืน

เป็นการชุมนุมประท้วงข้ามคืนครั้งแรกในยุคเผด็จการทรราช

 

เยาวชนเหล่านั้นไม่เกรงกลัว

เขามีจุดมุ่งหมายเดียว

คือต้องเลิกปว 299

ต้องรักษาไว้ซึ่งอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม

พวกเขาไม่เกรงกลัวต่อคำข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมาย

และการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลในการที่บุกเข้าไปในศาล

 

ในที่สุดเด็กและเยาวชนชนะ เผด็จการทหารยอมยกเลิกปว 299 อันอัปยศ

 

ผมคิดเปรียบเทียบเยาวชนเมื่อปี 2515 กับตะวันและแบมในวันนี้

 

เขากล้าหาญเหมือนกัน

เขามีหลักการที่ถูกต้องเหมือนกัน

และต่างยืนหยัดอยู่หน้าศาลฎีกา ท้องสนามหลวงเหมือนกัน

 

เพียงแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว เหล่าวีรชนเยาวชนผู้กล้าหาญต่อสู้กับเผด็จการทหารเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นอิสระของศาลยุติธรรม

แต่ในวันนี้ตะวันกับแบมกลับต้องต่อสู้กับสำนึกของผู้คนในกระบวนการยุติธรรมเองเพื่อรักษาความเป็นอิสระของตุลาการและหลักการแห่งกฎหมาย

 

แต่อดีตกับปัจจุบันมีความเหมือนกันที่ต่างต่อสู้เพื่อคนทุกคนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน

 

ผมนับถือเธอ เยาวชนผู้กล้า

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม