‘พิธา’
ชี้ ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ ประเทศไทยกลายเป็นทศวรรษที่สูญหาย ลั่น
การเลือกตั้งที่จะถึงคือทางแพร่ง ! จะเลือกอดีตหรือเลือกอนาคต
วันนี้
(15 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ลุกขึ้นอภิปรายเปิดเป็นคนแรกของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา152 โดยกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้สำคัญกว่าการอภิปรายครั้งไหนใน 2 เรื่อง
หนึ่งคือแม้ ส.ส. ลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ในการเลือกตั้ง และสอง
แม้เป็นการอภิปราย 152 ครั้งสุดท้ายแต่จะเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
ที่ประชาชนจะได้ฟังข้อมูลก่อนเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง
พิธา
กล่าวว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในทศวรรษที่สูญหาย เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เงินภาษีประชาชนรวมกันไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท
เทียบเท่ากับทองคำพันล้านแท่ง สามารถเอาไปชุบถนนทั่วประเทศไทยได้เกือบ 2 รอบ
อย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี
เคยบอกว่าถ้าประเทศไทยเลิกคอร์รัปชัน จะปูถนนเป็นทองคำก็ทำได้ แต่ถึงวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีอนาคตเหมือนเดิม
สิ่งที่คนไทยได้จากการบริหารประเทศตลอดเกือบ
10 ปี ของ พล.อ. ประยุทธ์ คือ ‘การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม’ เราลงทุนไป
28 ล้านล้านบาทก็ได้อนาคตแบบเดิม อนาคตที่ประเทศไทยจะแพ้เพื่อนบ้านแบบไม่เห็นฝุ่น
เป็นประเทศเดียวที่จีดีพีรั้งท้ายอาเซียนและยังไม่ฟื้นตัวจริงจากโควิด นอกจากนั้น
คือเราสูญหายเวลาไปกับ 3 สิ่งสำคัญคือ (1) การศึกษา คะแนนมาตรฐานโลกอย่าง PISA ก็รั้งท้าย
(2) คอร์รัปชัน ปี 2557 อันดับความโปร่งใสของเราอยู่ที่อันดับ 85 แต่ปี 2565
อยู่ที่อันดับ 110 และ (3) ภัยแล้ง ก่อนหน้านี้มีพรรครัฐบาลบอกว่า
“มีลุงไม่มีแล้ง” แต่ที่ผ่านมาเกือบ 1 ทศวรรษ พื้นที่แล้งซ้ำซากในภาคอีสานเพิ่มจาก
40 ล้านไร่เป็น 49 ล้าน
เรายังสูญหายโอกาสในการปฏิรูปสิ่งที่สำคัญที่สุด
คือการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ของตำรวจตอนนี้
ประชาชนมีคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา
จริงหรือไม่ตำรวจตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน
แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ราษฎรกลับเป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายราษฎร
รวมถึงระบบเส้นสาย-ตั๋ว ที่ทำให้ตำรวจมีปัญหาสุขภาพจิต ส่วนกองทัพ รัฐบาลยังลอยตัว
ประชาชนยังไม่ได้คำตอบ อะไรคือสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยล่ม
ที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยสูญเสียมากขนาดนั้น
เท่าไรคือค่าใช้จ่ายที่กองทัพใช้ในการบินเครื่องบินรบ F16
ที่เอาไปดูแลกิจกรรมในครอบครัวของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ
อะไรคือสาเหตุของการบริหารในกองทัพที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กราดยิงโคราชและความรุนแรงต่อทหารชั้นผู้น้อย
พิธากล่าวว่า
ตนขอฝากข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาล แม้ไม่รู้ว่ารัฐบาลใดจะได้รับไปทำ
ว่าสิ่งที่ประชาชนอยากได้ ไม่ใช่การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม
โดยตนขอเริ่มที่ปากท้อง ถ้าไม่อยากให้คนไทย “แก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย รายได้ไม่มี
หนี้เพิ่มทุกวัน” คำตอบสั้นๆ คือรัฐสวัสดิการ เช่นเบี้ยคนชรา 3,000 บาทต่อเดือน
เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน จะลดทั้งลดความเหลื่อมล้ำและทำให้เศรษฐกิจเติบโต
ทลายทุนผูกขาด ผ่านกฎหมายสุราก้าวหน้า เพิ่มแต้มต่อให้เอสเอ็มอีแข่งกับทุนใหญ่
ส่วนอนาคต ต้องสร้างงาน-ซ่อมประเทศ เปลี่ยนปัญหาของประเทศให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน
สร้างอาชีพ สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น น้ำประปาที่ไม่สะอาด ต้องใช้ระบบ smart meter
อย่างไรก็ตาม
การเมืองเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ถ้าติดให้ถูก
ประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจที่ดีและมีอนาคตได้
ที่ผ่านมาสิ่งที่ประเทศไทยทะเลาะกันมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ
แต่สิ่งที่เราหาจุดร่วมกันไม่ได้ คือเรื่องการเมืองดี
การเมืองกับปากท้องคือเหรียญสองด้าน การเมืองจะดีได้ ต้องทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ
เอาทหารออกจากการเมือง และสิ่งที่สำคัญคือต้องหาฉันทามติใหม่ในความปกติใหม่
ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชน
“ในช่วงที่สังคมมีเรื่องอันน่ากระอักกระอ่วนใจ
ท่านเลือกใช้ความรุนแรง แทนที่จะหาพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย การใช้มาตรา 112
ที่มีโทษรุนแรง 3 - 15 ปี ฟ้องโดยใครก็ไม่รู้ กับเยาวชนอายุเพียง 14 ปี
และอีกหลายๆ คน ไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย แต่เป็นทางตัน แบบนี้ความขัดแย้งจะไม่จบสิ้น
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ทศวรรษหน้าก็ยังเป็นทศวรรษที่สูญหายของประเทศไทย” พิธากล่าว
หัวหน้าพรรคก้าวไกล
ทิ้งท้ายการอภิปรายว่า อีกราว 80 วันประชาชนจะเข้าคูหา
การเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาส เปลี่ยนทศวรรษที่สูญหาย ปิดสวิตช์ 3ป เป็นทศวรรษแห่งความหวัง เป็นจุดเริ่มต้นของทศวรรษที่มีอนาคต
ทศวรรษที่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชุมสภา #ก้าวไกล