วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“พิธา” นำทีมก้าวไกล "ยืนหยุดขัง" หน้าศาลฎีกา ให้กำลังใจครอบครัว ร่วมห่วงใย และคารวะในความกล้าหาญ “ตะวัน-แบม” ย้ำ ถ้า 3 คนที่เหลือได้ประกัน ชีวิต“ตะวัน-แบม” ก็ไม่ต้องแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป

 


“พิธา” นำทีมก้าวไกล "ยืนหยุดขัง" หน้าศาลฎีกา ให้กำลังใจครอบครัว ร่วมห่วงใย และคารวะในความกล้าหาญ “ตะวัน-แบม” ย้ำ ถ้า 3 คนที่เหลือได้ประกัน ชีวิต“ตะวัน-แบม” ก็ไม่ต้องแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป


วันนี้ (28 ก.พ. 66) ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ (ลานอากง) ตามที่น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อปักหลักอดอาหารและน้ำบริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้กับนักโทษการเมืองอีก 3 คนที่เหลือ ได้แก่ ถิรนัย, ชัยพร และ คทาธร โดยอดอาหารประท้วงมาเป็นเวลา 41 วัน และมาปักหลักที่หน้าศาลฎีกา 5 วันแล้ว นั้น 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.50 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำคณะ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาเยี่ยม ตะวันและแบม แต่ไม่ได้ไปเข้าไปพบในเต็นท์ที่พักแต่อย่างใด เนื่องด้วยมาตรการความปลอดภัยด้านการติดเชื้อ ที่จำกัดผู้เข้าไปในพื้นที่พัก โดยได้สอบถามข้อมูลจาก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ และนั่งพูดคุยกับ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของตะวัน และนางพรนิพา ภู่พงษ์ มารดาของแบม


นายพิธา กล่าวว่า อยากจะสื่อสารสั้น ๆ ว่า เหลือเพียงอีก 3 คน ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว คือ ถิรนัย, ชัยพร และ คทาธร เช่นคทาธร ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ 11 เมษายนปีที่แล้ว เกือบ 1 ปีแล้ว ที่ถูกขังโดยที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่าผิด 


นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของตะวันและแบมว่ายังเหลืออีก 3 ชีวิต ดังนั้นถ้า 3 คนที่เหลือได้ประกันก็จะทำให้ชีวิตของตะวันและแบมไม่ต้องมาแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป ทำให้นึกถึงคำพูดที่ว่า "ความยุติธรรมที่ล่าช้าจะกลายเป็นความอยุติธรรม" จึงถือเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักมาก โดยเฉพาะ ในช่วง 2-3 วันนี้ 


คุยกับทนายเสร็จก็ได้มาคุยกับ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของตะวัน และนางพรนิพา ภู่พงษ์ มารดาของแบม ท่านเล่าให้ฟังถึงสุขภาพของลูกที่ไม่ค่อยดีมากนัก และตนก็ได้ให้กำลังใจทั้ง 2 ครอบครัว ท่านเป็นห่วงสุขภาพของลูกสาวมาก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะอดอาหารและน้ำ รวมถึงปฏิเสธการรับการรักษา มานานกว่า 1 เดือน นายพิธา กล่าว 


วันนี้ก็ดูจากข่าวมีแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจแล้วก็คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ก็มา ถึงแม้ว่าจะไม่มีการวินิจฉัย แต่แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจก็ได้กล่าวว่าอาการของทั้งสองแย่กว่าที่คิด น่าจะเป็นเรื่องของตับ ค่าคีโตนที่สูง สีของน้ำปัสสาวะ ที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมาดีได้ง่าย ๆ ต้องใช้เวลาสักระยะนึงกว่าจะกลับมารับประทานอาหารได้ตามเดิม และเวลาก็เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ และไม่อยากให้เป็นการเอาชีวิต 3 คนมาแลกกับ 2 คน มันเป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจของคนเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล


ก็อยากจะสื่อสาร ย้ำว่าเหลืออีก 3 คนเท่านั้น 3 คนนี้ได้ออกมาก็ทำให้ชีวิตที่แขวนบนเส้นด้ายและความทุกข์ทรมานของตะวันและแบมนั้นยุติลง และประชาชนทุกคนจะได้มาช่วยกันปฏิรูปให้หลักนิติรัฐ และนิติธรรมกลับมาอีกครั้งนึง


สำหรับการเรียกร้องปล่อยทั้ง 3 คนที่เหลือนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องของการบีบบังคับแต่เป็นเรื่องสามัญสำนึกพื้นฐานของระบบยุติธรรมที่ควรจะเป็น ว่าผู้ที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ต้องสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ไว้ก่อน ซึ่งตนจะผสานงานกับทนายความ และครอบครัวของทั้ง 3 คนนี้ ให้ทุกอย่างยุติลงด้วยดีโดยที่ไม่มีความสูญเสียจากใคร


นายพิธา ได้ให้ความเห็นว่าต้องถามหาความจริงจังจากผู้ใช้อำนาจ ทั้งตัวนิติบัญญัติ รัฐบาล และตุลาการ ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน และอิสระในการพูด ว่าเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นในประเทศ หากผู้ใช้อำนาจไม่เห็นว่าประชาชนเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ก็จะเกิดภาพนี้ซ้ำอีกเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหาที่ตัวระบบ


สำหรับการสิ่งที่ตะวัน และแบมกระทำ ตนมองว่าเป็นความกล้าหาญที่ควรคารวะ เพราะเป็นการเอาชีวิตมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และความยุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉย 


และในฐานะที่เคยเป็นนายประกันใหักับตะวัน อยากฝากบอกว่า ทุกคนยังอยู่เคียงข้างเขาทั้งคู่ ซึ่งเข้าใจเจตนารมณ์ของเขาดี และเหลืออีกแค่ 3 คนก็จะได้กลับมารักษาตัว ทั้งยืนยันว่า ทั้ง 2 คน มีเจตนาที่บริสุทธิ์ และคงอยากใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวธรรมดาของประเทศนี้เท่านั้น นายพิธา กล่าวทิ้งท้าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ตะวันแบม #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน