‘ณัฐวุฒิ’ ตั้งข้อสังเกต การแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต.
เอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ / กรณี “ตะวันกับแบม” วอนศาล
ปล่อยเด็กออกจากคุกก่อนดีไหม
การพยายามเอาชนะในวันที่เขาที่เขาต่อสู้ตามความคิดความเชื่อ มันไม่มีประโยชน์อะไร
เมื่อวันที่
7 กุมภาพันธ์ 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย
ได้กล่าวผ่านยูทูป ทางช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ในประเด็น
“แบม ตะวัน ปฏิเสธสารอาหาร แต่ต้องการศาลยุติธรรม”
นายณัฐวุฒิได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในรัฐสภาขณะนี้
ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงท่วงทำนองของพรรคการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
และที่สำคัญคือเรื่องที่เป็นประเด็นทางสังคมซึ่งเป็นที่จับตาและวิพากษ์วิจารณ์กันในขณะนี้
คือการอดน้ำอดอาหารเพื่อต่อสู้เรียกร้องของเด็กสาวสองคน “ตะวันกับแบม” โดยนายณัฐวุฒิ
กล่าวในรายการว่า
เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงกำหนดการอภิปรายรัฐบาลโดยไม่ลงมติตามมาตรา
152
แต่ประเด็นที่ผู้คนจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เวลานี้คือจะเกิดเหตุสภาล่มเหมือนที่ล่มซ้ำซากมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วหรือไม่?
เค้าลางก็พอมีนะครับ เพราะพรรคภูมิใจไทยเริ่มมีการส่งสัญญาณทำนองว่า ไอ้ที่ล่ม ๆ
มาตลอดคราวนี้ถึงทีภูมิใจไทยจะโชว์ล่มบ้างหรือเปล่า?
การอภิปรายคราวนี้อย่างที่ทราบว่าไม่มีการลงมติ
ดังนั้นถ้าหากจะเกิดเหตุสภาล่มได้ก็มีวิธีเดียว คือมีสมาชิกยกมือเสนอนับองค์ประชุม
และถ้าหากพรรคการเมืองที่เสนอนับองค์ประชุมเกิดไม่แสดงตัวในที่ประชุมเสียด้วย
นั่นก็ชัดล่ะครับว่าเจตนาจะให้ล่ม
ส่วนตัวผม
ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครพรรคไหนเล่นเกมนี้ เพราะถ้าเล่นก็เจ๊งกันทุกฝ่าย ไม่มีใครได้แต้ม
ไม่มีใครได้คะแนนนะครับ โดยเฉพาะช่วงใกล้หมดวาระของรัฐบาล
จะลงเลือกตั้งกันอยู่แล้ว มันคาตาคาใจประชาชนอยู่แบบนี้ ใครเขาจะไปทำ!
แต่ถ้าหากจะเอากันจริง
ๆ ก็เอาเลยนะครับ ผมไม่ได้ยุ แต่อยากดูเหมือนกัน ว่าจะทำหน้ากันยังไง?
สภาล่มแล้วล่มอีก แม้กระทั่งเวทีของฝ่ายค้านที่เขาจะได้อภิปรายรัฐบาลตามหน้าที่ตามกฎหมายยังจะล่มสภากัน
ก็จะหมายความว่า 8 ปีที่ผ่านมา เอาคนดีย์มาปฏิรูปประเทศ เป็นยังไงล่ะครับ เจ๊งหมด!
รัฐบาลไม่มีผลงานแก้ปัญหาไม่ได้
รัฐสภาฝั่งส.ว. ก็เป็นส.ว.แบบข้าวกะเพราไข่ดาว อาหารตามสั่งของผู้มีอำนาจ สั่งยังไงก็โหวตอย่างนั้น
สภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมก็ล่มมาตลอดและลุ่ม ๆ ดอน ๆ
ตลอดสมัย
8 ปีที่ผ่านมาก็เสียเปล่า แล้วก็จะเป็นบทเรียนใหญ่ของสังคมไทยนะครับ
การเปิดให้อำนาจนอกระบบเข้ามา เปิดให้คนที่สวมเสื้อคลุมคนดีย์เข้ามา ปรากฏว่าสิ่งที่เหลวแหลกที่สุดเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับประเทศไทย
ส่วนฝ่ายค้านก็ต้องตระหนักนะครับ
เขาเปิดอภิปรายกันคราวนี้ นอกจากท่านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแล้ว
ประชาชนก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายค้านด้วย ว่าเอาเข้าจริง ๆ
ท่านมีเนื้อหาสาระหนักแน่นลึกซึ้งเพียงพอหรือไม่ที่จะฝากรอยแผลไว้กับรัฐบาล
หรือเพียงแค่ใช้เวลาสภาตามกฎหมายแล้วก็จบกันไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่จริงรัฐบาลนี้เขาสร้างแผลให้กับตัวเองมาตลอด
4 ปีอยู่แล้วนะครับ โค้งสุดท้ายฝ่ายค้านจะฝากรอยแผลอะไรไว้หรือไม่? ประชาชนเขาก็รอติดตาม
การเมืองในบรรยากาศเตรียมเลือกตั้งก็ยังไม่มีอะไรใหม่นะครับ
พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร เลิกเล่นซ่อนหากันแล้ว แต่ยังคงเล่นเกมชิงไหวชิงพริบหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเหมือนเดิม
ส่วนพรรคต่าง ๆ ก็มีทั้งคนไหลออกไหลเข้า
นโยบายของหลายพรรคก็เริ่มทยอยเปิดตัวกันออกมา
เชื่อว่าหลังยุบสภาแต่ละพรรคก็คงจะเสนอนโยบายที่เชื่อว่าเป็นหมัดเด็ดของตัวเอง
ส่วนจะเด็ดจริงหรือไม่? สุดท้ายก็ต้องให้ประชาชนเขาตัดสินใจล่ะครับ
ที่ต้องจับตากันหน่อยก็เวลานี้การแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต.
บางพื้นที่มีเสียงโวยวายมาแล้วนะครับว่าแบ่งลึกลับซับซ้อนยึกยักเลี้ยวซ้ายแล้วขวา
จะหาประโยชน์จะหาข้อได้เปรียบให้ใคร บางอำเภอถูกตัดออกเป็น 3 เขต 4 เขต
ไอ้แบบนี้มันมีความชอบธรรมตรงไปตรงมาหรือไม่
แม้ว่าจะเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบโดยตรงของพรรคการเมือง
แต่ก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนนะครับ
ถ้าการเลือกตั้งมันบริสุทธิ์ยุติธรรมตั้งแต่ต้นทางในทุกขั้นตอนจนถึงปลายทาง
พัฒนาการทางการเมือง พัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยก็จะแข็งแรงตามขึ้นไปด้วย
อีกเรื่องที่ต้องพูดกันคือการต่อสู้เรียกร้องสิทธิการประกันตัวของเด็กสาวสองคน
“ตะวันกับแบม” ซึ่งประกาศอดน้ำอดอาหารต่อเนื่องกันมาหลายวันแล้ว
เวลานี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
อาการเข้าขั้นวิกฤตที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ๆ ที่ทุกคนทุกฝ่ายจะมองข้ามไปได้
แต่เป็นสัญญาณความเปลี่ยนแปลงที่ถูกส่งมาจากยุคสมัยโดยเด็กหนุ่มเด็กสาววัยไล่เลี่ยกัน
จริงอยู่ที่ข้อเรียกร้องของคนหนุ่มสาวบางข้อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สร้างพื้นที่ถกเถียงไม่ยอมรับกันได้อย่างสุดขั้ว ยากที่จะหาข้อยุติเป็นบทสรุปหรือเกิดความเปลี่ยนแปลงไปทางใดทางหนึ่งได้โดยง่าย
แต่ผมเห็นว่าเรื่องสำคัญที่เร่งด่วนที่ทุกฝ่ายควรช่วยกันทำตอนนี้ทันทีก็คือหาทางเอาเด็กออกมาจากคุกเสียก่อน
สองคนนี้ที่อดอาหารไม่ใช่เพราะอยากทำลายชีวิตตัวเองนะครับ แต่อยากจะได้อิสรภาพของเพื่อน
ๆ ที่ร่วมต่อสู้เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยกันกลับคืนมา
แม้ว่าปัจจุบันจะมีข่าวว่าทั้ง
“ตะวันกับแบม” เริ่มรับสารน้ำไปบ้างแล้ว
แต่ประเด็นของเรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่สารน้ำครับ
มันอยู่ที่ศาลยุติธรรมว่าท่านจะใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ “ให้” หรือ “ไม่ให้”
ประกันน้อง ๆ เหล่านี้ที่ยังเป็นผู้ต้องหา อย่างไร?
สถานการณ์มันบีบหัวใจนะครับ
เวลาก็คงเหลือกันไม่มากนักสำหรับแต่ละฝ่าย ผมก็ไม่มีอำนาจหรือเจตนาจะไปแทรกแซงก้าวก่ายศาลนะครับ
แต่คิดว่าการวินิจฉัยเรื่องนี้ นอกจากตัวบทกฎหมายซึ่งไม่ผิดอะไรเลยถ้าหากผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีจะได้รับการประกันตัว
หรือแม้แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วก็มีสิทธิประกันตัวต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้
การวินิจฉัยเรื่องแบบนี้ก็ควรจะใช้เมตตาธรรมนำหน้า
เอาเด็กออกจากคุกมาก่อนดีกว่า เพราะถึงจุดนี้ ไม่รู้ว่า “แบมกับตะวัน”
แม้ว่าจะได้อิสรภาพมาแล้ว
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารจะส่งผลต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร?
แต่ถ้าปล่อยให้เนิ่นช้าไปกว่านี้และเกิดเรื่องที่มันเสียหายมากไปไกลกว่านี้
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคม ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในหมู่ประชาชน และแม้แต่ต่อกระบวนการยุติธรรมหรืออำนาจใด
ๆ ก็ตาม มันจะไม่มากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ด้วยความห่วงใยน้อง
ๆ ทั้งสองคนนะครับ ศาลที่เคารพ ผมว่าปล่อยเด็กออกมาจากคุกก่อน ดีหรือไม่?
ไม่มีใครมองว่าท่านกำลังยอมแพ้พวกเขาหรอกครับ เพียงแต่การพยายามจะเอาชนะลูกหลานในวันที่พวกเขาต่อสู้ตามความคิดตามสิ่งที่เขาเชื่อ
โดยเอาชีวิตวางเป็นเดิมพัน มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #ตะวันแบม